ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 494 ลงมือ
อาโต้วรู้สึกหนักอกหนักใจยิ่งนักในบัดนี้
มีคนบอกให้เขาไปรั้งแม่นางผู้นี้เอาไว้แล้วเอ่ยถามทาง เขาครุ่นคิดดูแล้วรู้สึกว่าเรื่องนี้ทั้งได้ประโยชน์ อีกทั้งยังสามารถได้ใกล้ชิดกับหญิงสาว เหตุใดเขาจะไม่ทำเล่า
แต่ไม่มีผู้ใดบอกกับเขามาก่อนว่า แม่นางผู้นี้เพียงแค่ถูกสัมผัสปลายนิ้วก็ตัดสินใจพุ่งชนกำแพงตายแล้ว
ชนกำแพงตาย… ช่างโชคร้ายโดยแท้
อาโต้วตะโกนออกมา เจ้าหน้าที่ซึ่งก้าวไปกุมตัวเขาก็หยุดลงแล้วหันไปมองหัวหน้า
หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยผู้นั้นเยาะเย้ยออกมาว่า “เจ้ากล่าวว่าตนเป็นอาของพระชายาเยี่ยนอ๋องก็ต้องเป็นดังนั้นหรือ คนที่เอ่ยความสัมพันธ์เท็จเช่นนี้ แต่ละวันข้าพบมามากมายเหลือเกิน”
ในกองบัญชาการปัญจทิศรักษานครและผู้ลาดตระเวนเมืองคอยจับผู้ร้ายรวมถึงเรื่องอื่นๆ เหล่านี้ อีกทั้งขุนนางมากมายใต้หล้า มักพบกับพวกซุ่มสี่ซุ่มห้าหยิบยกความสัมพันธ์มากล่าวอ้างไม่น้อย
“หาข้ากล่าววาจาไร้สาระอย่างงั้นหรือ!” อาโต้วตะโกนออกมาด้วยความมั่นใจว่า “หากไม่เชื่อเจ้าลองไปถามดู บัดนี้น้องสาวข้ายังอาศัยอยู่ในจวนเยี่ยนอ๋องเลย…”
หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเริ่มลังเล
อาโต้วเยาะเย้ยออกมาอย่างภาคภูมิใจว่า “หึๆ หากข้าเป็นอาของพระชายาเยี่ยนอ๋อง ก็เท่ากับว่าเป็นอาของเยี่ยนอ๋องด้วยหากเจ้าจับข้า เยี่ยนอ๋องจะต้องเอาเจ้าเข้าคุกกินข้าวแดงอย่างแน่นอน”
ไทเฮาได้ยินดังนั้นก็ทำสีหน้าไม่น่ามองนัก
องค์หญิงใหญ่หรงหยางหลับตาลงเพื่อปกปิดรอยยิ้มในดวงตาของนาง
แม้ว่าคนเช่นนี้จะดูเลอะเลือน แต่ก็มีประโยชน์ในช่วงวิกฤต
เรื่องของชายหนุ่มลวนลามหญิงสาวนั้นมีมากมาย แต่การที่หญิงสาวผู้ถูกลวนลามเอากายพุ่งชนกำแพงจนถึงแก่ชีวิตต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้จึงทำให้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น
ต่อให้ในชั้นศาลไม่ติดใจเอาความ แต่บรรดาชาวบ้านก็จะเผยแพร่ข่าวนี้ไปทั่ว
หลังจากเกิดปัญหาในวันนี้ขึ้น ไม่ว่าสองสามีภรรยาจวนเยี่ยนอ๋องจะออกมาแก้ไขสถานการณ์เช่นไร แต่ชื่อเสียงของพระชายาเยี่ยนอ๋องก็คงจะเหม็นเน่าไปแล้ว
การทำลายชื่อเสียงของพระชายาเยี่ยนอ๋องในหมู่ประชาชนได้ อีกทั้งทำให้ตำแหน่งในใจของไทเฮาที่มีต่อพระชายาเยี่ยนอ๋องลดลงไป การที่นางลงมือในครั้งนี้ไม่ได้ไร้ประโยชน์เลย
องค์หญิงใหญ่หรงหยางเคยคิดว่าจะจัดการกับลูกในท้องของเจียงซื่อ ต่อมานางก็ละความคิดนั้นไป
นับตั้งแต่พระชายาเยี่ยนอ๋องตั้งครรภ์ นางก็ไม่ค่อยเดินทางออกไปไหนนัก จวนเยี่ยนอ๋องไม่ใช่สถานที่ซึ่งเข้าไปได้ง่ายๆ จึงยากที่จะกำจัดลูกในท้องของนาง
อีกอย่างลูกในท้องของพระชายาเยี่ยนอ๋องไม่ได้มีค่าเท่ากับลูกในท้องของพระชายาฉีอ๋องเลย หากจัดการทิ้งไปเสีย อย่างมากก็ทำได้เพียงทำให้พระชายาเยี่ยนอ๋องรู้สึกเศร้าโศกระยะหนึ่ง จากอายุและสภาพร่างกายของพระชายาเยี่ยนอ๋อง เพียงแค่บำรุงรักษาอีกไม่กี่เดือน บางทีก็อาจจะตั้งครรภ์ขึ้นอีกครั้งได้
กลอุบายซึ่งใช้ความคิดใช้แรงมาก แต่กลับไม่มีผลกระทบมากมายต่ออีกฝ่ายเท่าไรนัก นางไม่อยากจะนำมาใช้แน่นอน
เปรียบเทียบกันแล้ว การทำลายชื่อเสียงของคนคนหนึ่งง่ายกว่ามากนัก อีกทั้งจะยังติดตามคนผู้นั้นไปอีกหลายปี ดีไม่ดีอาจจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ก็เป็นได้
องค์หญิงใหญ่หรงหยางมองดูสถานการณ์วุ่นวายตรงหน้าด้วยดวงตาเย็นชา นางรู้สึกสดชื่นยิ่งนัก
ทันใดนั้นมีเสียงเด็กคนหนึ่งดังขึ้น “ท่านพี่!”
ไม่นานต่อมาก็มีเด็กชายอายุได้เจ็ดแปดขวบวิ่งตรงออกมาจากฝูงชน แล้วคุกเข่าลงสู่พื้นต่อหน้าสตรีนางนั้น
เสียงสนทนาจากฝูงชนปะทุขึ้นอีกครั้ง
“โชคร้ายยิ่งนัก เด็กคนนี้ไม่มีพ่อแม่มาตั้งแต่เยาว์วัย ติดตามพี่สาวซึ่งแต่งงานออกไปแล้วและใช้ชีวิตมาด้วยกัน บัดนี้พี่สาวก็ตายแล้วเขาจะใช้ชีวิตอยู่เช่นไร”
“แล้วสามีของแม่นางผู้นี้เล่า”
“เขาเป็นพ่อค้า เดินทางออกไปยังไม่กลับมา…”
เด็กชายผู้นั้นนั่งคุกเข่าร้องไห้อยู่ตรงร่างของหญิงสาว และจู่ๆ ก็วิ่งไปทางอาโต้ว
“คืนพี่สาวขอข้ามา เจ้าคืนพี่สาวของข้ามา!” เด็กชายก้มศีรษะลงแล้วกัดไปที่ข้อมือของอาโต้ว
ฟันของเด็กผู้นั้นแหลมคม ท่าทางว่องไวและออกแรงมาก ทำให้ข้อมือของอาโต้วถูกกัดเสียจนเลือดไหล
เมื่ออาโต้วรู้สึกเจ็บปวดจึงได้ออกแรงสะบัดเด็กชายคนนั้นออกไป
เด็กชายคนนั้นแม้จะไม่ได้รูปร่างเล็กนักแต่ก็ค่อนข้างผอม เมื่อถูกเขาสะบัดออกไปจึงกระเด็นไปไกลแล้วล้มลงกับพื้น
ผู้ที่กำลังมุงดูสถานการณ์เหล่านั้นทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงได้พากันออกมาดุด่า
“อาของพระชายาเยี่ยนอ๋อง บีบบังคับคนให้ตายเช่นนี้หรือ บ้านเมืองยังมีกฎอยู่หรือไม่!”
“นั่นน่ะสิ ต่อให้องค์ชายทำผิดกฎหมายก็ต้องถูกตัดสินเช่นเดียวกับประชาชน เขาเป็นเพียงแค่อาของพระชายาเยี่ยนอ๋องคิดว่าจะทำสิ่งได้ตามต้องการก็ได้หรือ”
ก่อนหน้านี้หยางกั๋วจิ้วก็ทำท่าทางเอาแต่ใจแล้วเป็นอย่างไรเล่า ตายอย่างน่าสังเวชเหลือเกิน…
เหตุการณ์คดีสำคัญเมื่อปีกลายที่เกิดขึ้น บัดนี้ยังคงเป็นหัวข้อสนทนาของชาวบ้านหลังมื้ออาหารเย็น
กฎหมายไม่อาจลงโทษคนโดยมากได้ บรรดาชาวบ้านที่มุงดูก็ยิ่งทวีความโกรธมากขึ้น
อาโต้วกุมข้อมือของตนเองไว้กระทืบเท้าแล้วด่าออกมาว่า “เมื่อครู่ผู้ใดกันที่เป็นคนพูด หากแน่จริงเจ้าจงก้าวออกมาแล้วไปกล่าวต่อหน้าเยี่ยนอ๋องด้วยกัน”
ฝูงชนจึงได้เงียบเสียงไป
ท่าทางอันดื้อรั้นของอาโต้วทำให้หัวหน้าของเจ้าหน้าที่ไม่กล้ากระทำการหุนหันพลันแล่น
ถึงเวลานี้แล้วยังกล้าที่จะยืนกรานดังเดิม คาดว่าคงไม่ใช่ผู้ที่เอ่ยความสัมพันธ์ออกมาสุ่มสี่สุ่มห้า เขาอาจจะเป็นอาของพระชายาเยี่ยนอ๋องจริงๆ ก็ได้
ความรุ่งโรจน์ของเยี่ยนอ๋องนั้นดังมาถึงหูของขุนนางระดับล่างเหล่านี้
เขากล้าที่จะพับแขนเสื้อเพื่อต่อยองค์รัชทายาท หลังจากนั้นตัวเขาเองกลับไม่มีเรื่องเดือดร้อนใด ทว่าไม่กี่วันต่อมาองค์รัชทายาทก็ถูกปลด
หึๆ แล้วคนเช่นพวกเขาจะไปกล้าทำให้เยี่ยนอ๋องขุ่นเคืองใจหรือ คาดว่าชีวิตน้อยๆ ของพวกเขาคงไม่พอที่จะให้จัดการ
น้ำเสียงของหัวหน้าเจ้าหน้าที่ผู้นั้นอ่อนลง “เชิญไปกับพวกเราก่อน”
“ข้าไม่ไป ข้าไม่ไปไหนทั้งนั้น ข้าจะไปที่จวนเยี่ยนอ๋อง หากพวกเจ้าไม่กล้าไป ก็จงปล่อยข้าเสีย!” อาโต้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอันดัง หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยผู้นั้นแทบทนไม่ได้ และอยากจะตบหน้าอาโต้วสักหนเหลือเกิน
เหตุใดจึงมีคนโง่เง่าเช่นนี้อยู่อีก!
“พี่น้อง เชิญไปกับเราก่อน มีอะไรค่อยกล่าวกันเมื่อไม่มีคน…” หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงอันเบา
อาโต้วอึ้งไปชั่วครู่ก่อนจะตอบตกลงด้วยท่าทางอันลังเล
ในรถม้า ไทเฮาสั่งข้าหลวงด้วยใบหน้าบูดบึ้ง “ไปเรียกองครักษ์มา”
ในไม่ช้า ชายหนุ่มนอกเครื่องแบบก็เดินทางมาหยุดอยู่ตรงหน้าของไทเฮา ทำความคารวะอย่างนอบน้อม “กระหม่อมคือเป็นเจ้าหน้าที่ภายใต้ผู้บัญชาการหัน มีสิ่งใดให้รับชายโปรดกำชับเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ไทเฮาตกตะลึงอยู่ชั่วครู่แล้วพึมพำออกมาว่า “ฝ่าบาทนี่จริงเชียว…”
จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นแล้วกำชับว่า “เช่นนั้นก็ดี เจ้าจงไปบอกกับกองบัญชาการปัญจทิศรักษานคร ให้พาคนคนนั้นไปให้ข้า…”
ชายหนุ่มผู้นั้นรีบรับคำทันที
“ช้าก่อน”
ขณะที่หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยผู้นั้นกำลังจะพาอาโต้วจากไป ก็ได้หันหลังมามอง
ชายหนุ่มโบกมือให้
เมื่อเห็นป้ายแขวนเอวในมือของเขา หัวหน้าเจ้าหน้าที่ผู้นั้นก็ทำสีหน้าเปลี่ยนไป ยกมือขึ้นคารวะกล่าวว่า “นายท่านมีเรื่องใดกำชับหรือ”
ชายหนุ่มผู้นั้นพยักหน้าเล็กน้อย แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า “คนผู้นี้ ข้าจะนำตัวไปเอง”
หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรู้สึกโล่งใจยิ่งนัก เขาแทบรอไม่ไหวอยากจะผลักอาโต้วออกไปให้ชายหนุ่มตรงหน้านี้
เป็นการดียิ่งที่องครักษ์จิ่นหลินเอาเจ้างี่เง่านี้ไปได้ เขาจะได้ไม่ต้องรู้สึกวุ่นวายใจ
เนื่องจากเกิดคดีฆาตกรรมขึ้น หากเขาปล่อยตัวไปก็อาจจะทำให้ชาวบ้านไม่พอใจ แต่หากไม่ปล่อยตัวไปก็จะทำให้เยี่ยนอ๋องต้องขุ่นเคือง ดังนั้นไม่ว่าจะทำเรื่องใดล้วนคับข้องใจ
ถึงอย่างไรองครักษ์จิ่นหลินก็สง่างามเสมอ พวกเขากล้าที่จะจับแม้เป็นญาติของราชวงศ์ แล้วนับภาษาอะไรกับญาติของญาติของราชวงศ์อีกครั้ง
ชายที่เดินตามหลังชายหนุ่มผู้นี้มาก้าวไปข้างหน้าและกุมตัวอาโต้วเอาไว้
“พวกเจ้าเป็นใครกัน ปล่อยข้าบัดเดี๋ยวนี้” เมื่อเห็นรังสีความเยือกเย็นของชายหนุ่มที่แผ่ออกมา อาโต้วก็หันไปขอความช่วยเหลือจากหัวหน้าเจ้าหน้าที่คนเมื่อครู่ “พวกเจ้าเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่ใช่หรือ คนผู้นี้จะลักพาตัวเข้าไปเหตุใดจึงไม่สนใจกันเล่า”
ชายหนุ่มกล่าวเบาๆ ว่า “องครักษ์จิ่นหลิน”
อาโต้วตกตะลึงงุนงง “อง องครักษ์จิ่นหลิน!”
เขาอยู่ที่เมืองหลวงมาพักหนึ่งแล้ว จึงรู้ดีถึงศักดิ์ศรีและความสง่างามขององครักษ์จิ่นหลิน
เมื่อได้ยินว่าองครักษ์จิ่นหลินเข้ามาข้องเกี่ยวกับคดีนี้ ผู้คนที่ล้อมรอบดูเหตุการณ์อยู่ก็ไม่กล้าส่งเสียงใดออกมา สถานการณ์ตรงนั้นสงบเงียบลงทันที มีเพียงเสียงร้องไห้ของเด็กชายที่ดังมาไม่ขาดสาย ฟังไปช่างน่าสังเวชใจยิ่งนัก
ไทเฮากำชับกับข้าหลวงอีกครั้งว่า “นำเงินไปจัดงานศพให้แก่สตรีผู้นั้น แล้วส่งเจ้าหนูกลับบ้าน หันรถม้าไปทิศทางอื่นเถอะ”