ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 5 อนุภรรยา
เจียงซื่อบิดผมจนแห้ง ดื่มน้ำขิงที่อาเฉี่ยวยกมาให้เสร็จ พลันรู้สึกร่างกายอบอุ่นขึ้นมาในทันใด พอนอนลงที่เตียงไม่นานก็หลับไป
การลงไปช่วยชีวิตคนขึ้นจากน้ำ ใช้แรงค่อนข้างมาก นางรู้สึกเหนื่อยมาก
จวนตงผิงปั๋วถูกความมืดปกคลุมอยู่ ซึ่งต่างจากจวนอันกั๋วกงที่ห่างออกไปอีกสองถนน จุดไฟสว่างสไวไปทั่วจวน
ฮูหยินอันกั๋วกงเว่ยซื่อพิงอยู่ตรงหัวเตียงจับมืออันกั๋วกงร้องห่มร้องไห้
สีหน้าอันกั๋วกงเข้มขมวด กระวนกระวายมากยิ่งขึ้นเมื่อต้องฟังเสียงร้องไห้ของเว่ยซื่อ เขาพูดปลอบอย่างฝืนทน “หยุดร้องเถิด ต้าหลาง[1] ไปหา ซานหลาง[2] แล้ว ลูกไม่เป็นอะไรหรอก”
ก่อนหน้านี้ การหายตัวไปของซานหลางก็ทำให้จวนโกลาหลวุ่นวายอยู่แล้ว พอตกดึกได้ข่าวว่าซานหลางตกน้ำ เขาสนใจเพียงว่าบุตรชายจะเป็นอะไรหรือไม่ จึงออกคำสั่งให้ต้าหลางออกไปตามหาทันที จนถึงเวลานี้ยังไม่รู้ว่าซานหลางตกไปในน้ำได้อย่างไร
อันกั๋วกงใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ในตอนนั้น มีบ่าวรับใช้วิ่งเข้ามารายงานอย่างรีบร้อน “กั๋วกง ฮูหยิน ซื่อจื่อพาคุณชายสามกลับมาแล้วขอรับ”
“พาเข้ามาเดี๋ยวนี้!” กั๋วกงยังไม่ทันตอบ เว่ยซื่อก็เด้งตัวลุกขึ้นทันทีทันใด
ไม่นานนัก เสียงเท้ากระทบพื้นก็ดังขึ้นจากตรงประตู สาวรับใช้เปิดม่านลูกปัดออก จากนั้นมีคนสามคน เดินเข้ามา
เว่ยซื่อมองข้ามบุตรชายคนโตจี้ฉงหลี่ นางมองและเดินตรงไปหาบุตรชายคนที่สามจี้ฉงอี้ที่หน้าซีดไร้เลือดทันที “ซานหลาง นี่เจ้าเป็นอะไรไป ให้แม่ดูหน่อยเจ้าเจ็บตรงไหนหรือไม่!”
“ท่านแม่ ข้าไม่เป็นอะไรขอรับ” จี้ฉงอี้เผยรอยยิ้มไม่จริงใจออกมา
“จะไม่เป็นไรได้อย่างไร” เว่ยซื่อลูบใบหน้าจี้ฉงอี้ น้ำตาพลันไหลพราก “ผมเผ้าเปียกปอนไปหมด อยู่ดีๆ ทำไมถึงตกลงไปน้ำได้!”
“อะแฮ่ม”
เสียงไอดังขึ้น เว่ยซื่อจึงหันมองอันกั๋วกงหนึ่งที
สายตาของอันกั๋วกงกลับตกอยู่ที่คนที่อยู่ด้านหลังของจี้ฉงอี้
หญิงสาวตัวเล็กที่ยืนห่างจากจี้ฉงอี้ไม่ถึงห้าอิงฉื่อ[3] ตอนนี้กำลังก้มหน้าก้มตาจับเสื้อผ้าอย่างไม่สบายใจ
สีหน้าของเว่ยซื่อพลันเปลี่ยนในทันใด จึงเอ่ยถาม “นางเป็นใคร”
จี้ฉงอี้เห็นดังนั้น ก็ดึงเฉี่ยวเหนียงมาข้างๆ พลางมองหน้าเว่ยซื่อ “ท่านแม่ นางคือหญิงในใจของข้า มีนามว่าเฉี่ยวเหนียงขอรับ”
สีหน้าของเว่ยซื่อพลันเปลี่ยนเป็นนิ่ง นางจ้องเข้าไปในตาของเฉี่ยวเหนียง “เจ้าคือเฉี่ยวเหนียงเองหรือ ก่อนหน้านี้ ข้าได้ยินว่าเจ้าช่วยชีวิตซานหลางของพวกเราเอาไว้ ข้ายังไม่ได้ขอบใจเจ้าเลย”
เฉี่ยวเหนียงเงยหน้าขึ้นสบตากับเว่ยซื่อด้วยความตกใจ แล้วก็ก้มหน้าลงอีกครั้ง กล่าวตอบอย่างตื่นเต้น “ไม่ ไม่ต้องขอบคุณเจ้าค่ะฮูหยิน”
“หานฟาง พาแม่นางเฉี่ยวไปพัก ดูแลให้ดีล่ะ” เว่ยซื่อพูดแทรกเฉี่ยวเหนียง
สาวรับใช้คนสนิทเว่ยซื่อหานฟางเดินเข้าไปหาเฉี่ยวเหนียง ยิ้มและกล่าว “แม่นางเฉี่ยวตามบ่าวมาเจ้าค่ะ”
เฉี่ยวเหนียงมองหน้าจี้ฉงอี้หนึ่งที
จี้ฉงอี้ครุ่นคิดได้ครู่หนึ่งก็พยักหน้าให้เฉี่ยวเหนียง “ไปเถอะ ไว้พรุ่งนี้ข้าไปหาเจ้านะ”
เฉี่ยวเหนียงถึงรู้สึกวางใจและเดินตามสาวรับใช้ออกไป
สายตาของเว่ยซื่อเย็นชาประหนึ่งมีสายฟ้าฟาดผ่าน
ช่างเป็นเด็กบ้านนอกไม่มีมารยาทเสียจริง ยังไม่พูดถึงเรื่องที่นางไปมาหาสู่กับบุตรชายของตน เพียงแค่เมื่อครู่นี้ ก่อนจะเดินออกไป นางยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรแสดงความเคารพต่อคนที่ยังอยู่ก่อนออกไป เพียงเท่านี้ก็ทำให้ดูออกแล้วว่านางคนนี้ได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างไร
“จั้นหรุ่ย รีบยกน้ำขิงมาให้คุณชายสามสิ”
สาวรับใช้แต่งตัวเหมือนหานฟางยกถาดน้ำขิงเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
อันกั๋วกงมองลูกชายดื่มน้ำขิงจนหมดด้วยสายตาเย็นชา แล้วจึงเริ่มเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
แต่คนถูกถามกลับเป็นซื่อจื่อจี้ฉงหลี่
จี้ฉงหลี่ส่งสายตาให้จี้ฉงอี้อย่างรวดเร็ว เพราะรู้ว่าเรื่องนี้คงปิดไม่ไหวแล้ว จึงได้เล่าความจริงออกไป “น้องสาม… น้องสามกับหญิงคนนั้นกระโดดน้ำขอรับ…”
“โง่เขลาสิ้นดี!” อันกั๋วกงเตะเก้าอี้จนพลิกคว่ำ
จี้ฉงอี้คุกเข่าลงทันที
เว่ยซื่อมองหน้าอันกั๋วกงอย่างโมโห “นายท่านจะโมโหทำไม ซานหลางตกน้ำกลับมา มิสู้ให้หมอรีบมาตรวจและจ่ายยาขับความเย็นออกจากตัวก่อนจะดีกว่า”
“จะเชิญหมอมาอีกทำไม ถ้าอยากตายใครจะห้ามได้” อันกั๋วกงมองดูจี้ฉงอี้ที่คุกเข่าตรงหน้าก็ยิ่งโมโหจนดึงอารมณ์ไว้ไม่อยู่ พลางชี้หน้าต่อว่าอีก “เจ้านี่มันเก่งจริงนะ จะเป็นจะตายเพราะผู้หญิงเพียงคนเดียว!”
จี้ฉงอี้ก้มหัวขอร้อง “ท่านพ่อ ท่านแม่ ช่วยให้ลูกสมหวังด้วยเถอะขอรับ”
เอ๊ะ นี่มันคิดจะจับพลัดจับผลูรึ!
อันกั๋วกงยิ่งโมโหลุกเป็นไฟ “ฝันไปเถอะ ถ้าข้ายังมีชีวิตอยู่ เจ้าก็อย่าได้หวังเรื่องนี้อีก เจ้าต้องแต่งกับคุณหนูสี่จวนตงผิงปั๋ว!”
เว่ยซื่อไม่เกลี้ยกล่อมอีก พลางมีสีหน้าที่แย่พอกัน
เดิมที นางดูถูกจวนตงผิงปั๋วเป็นอย่างมาก ในตอนนั้น อันกั๋วกงอยากตอบแทนบุญคุณที่ตงผิงปั๋วเคยช่วยชีวิตไว้ จึงมีความตั้งใจว่าจะให้บุตรของทั้งสองฝ่ายได้หมั้นหมายกัน แล้วเรื่องนี้ก็ทำให้นางมีปากเสียงกันอยู่บ่อยครั้ง
แต่จวนตงผิงปั๋วก็ยังไม่แย่เท่ากับชาวบ้านธรรมดา
จี้ฉงอี้คุกเข่าหลังตรง น้ำเสียงยังคงเด็ดขาด “ท่านพ่อ ข้าชอบแต่เฉี่ยวเหนียง หาได้ชอบคุณหนูสี่แห่งตงผิงปั๋วไม่ ข้าไม่เคยพบหน้านางเลยสักครั้ง จึงไม่อาจตบแต่งเป็นภรรยาและสามีกับนางได้จริงๆ!”
“ซานหลาง พ่อไปถามมาให้เจ้าแล้ว แท้จริงแล้วคุณหนูสี่แห่งจวนตงผิงปั๋วเป็นสตรีในตระกูลชั้นสูงที่มีรูปงามเลื่องลือไปทั่วเมืองหลวง” อันกั๋วกงพยายามเกลี้ยกล่อมด้วยความใจเย็น
“ใช่ลูก หลังจากที่ทำการหมั้นหมาย แม่เองก็เคยถามเหมือนกัน พ่อเจ้าไม่ได้พูดปดกับเจ้า” เว่ยซื่อคล้อยตาม
“ในสายตาของลูก ไม่มีหญิงใดงดงามเท่าเฉี่ยวเหนียงอีก!” จี้ฉงอี้เงยหน้ามองอันกั๋วกง “ท่านพ่อ ท่านสามารถตอบแทนบุญคุณจวนตงผิงปั๋วด้วยการผูกเป็นญาติด้วยกัน แล้วเหตุใดท่านถึงเข้าใจลูกด้วยมิได้ หากไม่มีเฉี่ยวเหนียง ลูกอาจไม่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้วก็เป็นได้…”
“หุบปาก! เอาเป็นว่าเรื่องงานสรสไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะมาทำเล่นๆ เช่นนี้ ถ้าเจ้ายังไม่ได้สติอีก ข้าจะสั่งให้คนส่งเฉี่ยวเหนียงกลับไปเดี๋ยวนี้!”
“ถ้าท่านพ่อไล่เฉี่ยวเหนียงกลับ งั้นก็ไล่ลูกออกไปด้วย!” จี้ฉงอี้เปลี่ยนเป็นยืนขึ้นแล้วพูด
“นี่เจ้า!” อันกั๋วกงโมโหจนตัวสั่น แล้วตะโกนสั่งบ่าวรับใช้ที่ยืนหน้าประตู “ให้คนไล่เฉี่ยวเหนียงออกไป!”
“อย่านะ!” เมื่อเห็นบ่าวรับใช้กำลังจะเดินไป จี้ฉงอี้จึงวิ่งตาม
อันกั๋วกงตะโกนขึ้น “ต้าหลาง จับเจ้าสามเอาไว้!”
จี้ฉงหลี่ดึงแขนจี้ฉงอี้เอาไว้พร้อมเกลี้ยกล่อม “น้องสาม เจ้าอย่ายั่วโมโหท่านพ่ออีกเลยนะ”
“พี่ใหญ่ ถอยไป!” จี้ฉงอี้อยากผลักจี้ฉงหลี่ออกแต่ผลักไม่ออก เมื่อเห็นบ่าวรับใช้จะออกจากประตูแล้ว ด้วยความที่ทั้งเป็นกังวลและโมโห เขาก็อ้วกเลือดออกมาเต็มพื้น จากนั้น ก็ล้มลงบนตัวจี้ฉงหลี่ทันที
เว่ยซื่อตะลึงตกใจจนหน้าเสีย แล้วตะโกนเสียงสูง “ไปตามหมอเร็ว!”
ไม่นาน หมอก็มาดูอาการจี้ฉงอี้ และอธิบายว่าการกระอักเลือดและการสลบ เกิดจากอารมณ์ที่พลุ่งพล่านกะทันหันมากเกินไป บวกกับมีความเย็นไหลเข้าภายในร่างกายมาก ต่อจากนี้ไป ต้องบำรุงรักษาให้เป็นอย่างดี อย่าได้ดีใจมากเกินไปหรือเสียใจมากเกินไป
ระหว่างที่รอหมอออกไปเขียนใบสั่งยา เว่ยซื่อก็อดที่จะตำหนิอันกั๋วกงไม่ได้ “นายท่านใจร้อนถึงเพียงนี้ คิดจะบีบบังคับให้ลูกตายให้ได้เลยหรืออย่างไรเจ้าคะ”
“ข้าเนี่ยรึบีบบังคับให้เขาตาย ที่เขาเป็นแบบนี้ก็ไม่ใช่เพราะเจ้าตามใจมากเกินหรอกหรือ!” แม้อันกั๋วกงจะพูดเช่นนี้ออกมา แต่เหตุการณ์กระอักเลือดของจี้ฉงอี้ ก็ทำให้เขากลัวเหมือนกัน
เว่ยซื่อกำผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตา “พูดตอนนี้แล้วจะได้อะไรขึ้นมา หรือว่าท่านกับต้าหลางไม่เอ็นดูซานหลางแล้ว ถ้าจะให้ข้าพูด เราควรจะมาคิดว่าจะทำอย่างไรยังจะดีเสียกว่า”
“ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เรื่องงานสมรสกับจวนตงผิงปั๋วข้าไม่ให้ยกเลิก!”
“แต่ว่านายท่านจะแยกซานหลางกับเฉี่ยวเหนียงรึ ซานหลางไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้เป็นแน่”
เว่ยซื่อถึงกับร้องไห้ เมื่อเห็นอันกั๋วกงยิ้มเย็นชา “นายท่าน ลองคิดดูนะเจ้าคะ ซานหลางกับเฉี่ยวเหนียงเคยคิดฆ่าตัวตายมาแล้วครั้งหนึ่ง มีครั้งที่หนึ่งก็ย่อมมีครั้งต่อไป ถ้าซานหลางเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ จะมาเสียใจภายหลังก็สายไปแล้วนะเจ้าคะ”
“แล้วเจ้าคิดว่าควรจะทำอย่างไรเล่า”
เว่ยซื่อหยุดร้องไห้ฟูมฟาย ชำเหลืองมองในห้องคราหนึ่ง ไตร่ตรองเสร็จจึงเอ่ย “แบบนี้ดีหรือไม่เจ้าคะ งานปรองดองกับจวนตงผิงปั๋วยังคงเดิมไม่เปลี่ยน ส่วนเฉี่ยวเหนียง ก็ให้ซานหลางรับนางเข้ามาเป็นอนุภรรยา”
[1] ต้าหลาง หมายถึง บุตรชายคนโต
[2] ซานหลาง หมายถึง บุตรชายคนที่สาม
[3] อิงฉื่อ หมายถึง ฟุต 1 อิงฉื่อ = 1 ฟุต