ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 526 แท้งบุตร
ฉีอ๋องไม่ชอบเป็นจุดสนใจ แม้แต่รถม้าของจวนอ๋องยังดูสามัญ ไม่หวือหวา สภาพด้านในก็โล่งโปร่งสบาย
มีเพียงผ้าห่มนุ่มผืนหนา เบาะรองหลังแสนสบาย อีกทั้งยังมีผลไม้หวานฉ่ำวางอยู่ใกล้มือ นั่นทำให้พระชายาฉีอ๋องมีความสุขอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นคือการออกแบบทั้งหมดนี้เป็นคำกำชับจากฉีอ๋องโดยตรง
ความเหนื่อยหน่ายอึกทึกในงานเลี้ยงวันนี้สู้ความอบอุ่นผ่อนคลายบนรถม้าที่ปิดมิดชิดไม่ได้เลยสักนิด
พระชายาฉีอ๋องอยากขึ้นไปพักบนรถม้าใจจะขาด ขาข้างหนึ่งเหยียบอยู่บนขั้นบันได ส่วนอีกข้างเหยียบบนพื้นรถ แต่แล้วนางก็ได้ยินเสียงสาวรับใช้ร้องอุทานด้วยความตกใจ “พระชายา…”
กว่าพระชายาฉีอ๋องจะตั้งสติได้ นางก็ล้มลงไปกองที่พื้นเสียแล้ว เสียงหวีดร้องของนางดังโหยหวน
ในเวลานั้น โคมแดงเรียงรายยาวเหยียดส่องแสงเรื่อเรืองจนด้านนอกวังสว่างไสวไม่ต่างจากเวลากลางวัน
เสียงร้องของพระชายาฉีอ๋องทำให้รถม้าที่เตรียมจะออกตัวหยุดนิ่ง ส่วนรถม้าที่ออกตัวไปแล้วก็ชะงักงันเช่นเดียวกัน
เกิดอะไรขึ้น
ทุกสายตาหันไปทิศทางเดียวกัน แล้วก็พบพระชายาฉีอ๋องนอนแอ้งแม้งอยู่ที่พื้น
ฉีอ๋องที่นั่งอยู่บนหลังม้าผงะไปชั่วขณะก่อนจะรีบกระโดดลงมา และรี่เข้าไปหาพระชายา “เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า!”
ใบหน้าของพระชายาฉีอ๋องบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด นางกุมท้องพลางพึมพำ “เจ็บ ลูก ลูก…”
สายตาของฉีอ๋องค่อยๆ เลื่อนตามลงไป
แต่เนื่องจากอาภรณ์ที่พระชายาฉีอ๋องสวมอยู่เป็นชุดคลุมตัวใหญ่ จึงมองไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง
เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น รีบเอื้อมมือเข้าไปคลำสำรวจที่หว่างขาของนาง
สัมผัสเหนียวเหนอะที่มือทำให้ความรู้สึกของชายหนุ่มพลันดำดิ่ง เขาค่อยๆ ยกมือขึ้นมาดูของเหลวสีแดงบาดตา
ใบหน้าฉีอ๋องซีดเผือดในทันใด เขาร้องตะโกนลั่น “หมอ ตามหมอเร็วเข้า!”
ฉีอ๋องอุ้มพระชายาขึ้นมา ความรู้สึกในตอนนั้นราวกับฟ้าจะถล่ม พิภพจะมลายไปตรงหน้า
เขาเฝ้ารอตั้งนานกว่าภรรยาของเขาจะตั้งครรภ์อีกครั้ง และครั้งนี้ทำให้เขามั่นใจว่าตัวเองจะชนะเจ้าสามได้ แต่เหตุไฉนถึงเกิดเรื่องเช่นนี้กับพระชายาของเขา
ต้องเป็นเพราะจิ้นอ๋อง ต้องเป็นเพราะจิ้นอ๋องแน่ๆ!
อย่าเพิ่งตื่นตระหนกไป เด็กอาจจะไม่เป็นอะไรก็ได้…
ฉีอ๋องอุ้มพระชายาวิ่งเข้าไปทางประตูวังพร้อมแผดเสียง “รีบตามหมอหลวงเร็วเข้า!”
เมื่อเห็นฉีอ๋องพาพระชายาเข้าวังไปเช่นนั้น คนอื่นๆ ก็ไม่คิดจะกลับจวนของตัวเองอีกแล้ว
พระชายาฉีอ๋องตกจากรถม้าขณะที่กำลังก้าวเท้าขึ้นไปเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากนัก
เป็นอุบัติเหตุจริงๆ หรือมีคนจงใจกันแน่
ทุกสายตาหันไปมองรถม้าจวนฉีอ๋องพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
รถม้าดูปกติสามัญ ม้าที่ลากรถก็เป็นม้าทั่วๆ ไป ส่วนคนขับรถม้าก็กำลังนั่งคุกเข่าตัวสั่นงันงกอยู่ตรงนั้น
อวี้จิ่นปล่อยม่านลงพร้อมหันไปบอกกับเจียงซื่อ “คนหนึ่งร้องเสร็จ อีกคนก็ขึ้นเวทีต่อ ข้าชักจะเห็นใจเสด็จพ่อแล้วซิ”
การเป็นฮ่องเต้นี่ไม่ง่ายเลยจริงๆ นอกจากจะต้องติดแหง็กอยู่ในกรงทองแห่งวังหลวงแล้ว แค่จะฉลองปีใหม่อย่างสุขสงบยังไม่มีโอกาสเลย
เจียงซื่อลูบท้องน้อยๆ ของตัวเอง ใบหน้าของนางขาวซีดเล็กน้อย
ต่อให้นางจะเกลียดชังพระชายาฉีอ๋องเพียงใด แต่การเห็นเด็กในท้องพระชายาฉีอ๋องหายวับไปต่อตาก็ทำให้นางอดเศร้าใจไม่ได้
“อาจิ่น เจ้าว่าที่พระชายาฉีอ๋องตกจากรถม้าเป็นอุบัติเหตุหรือไม่”
“อุบัติเหตุ?” อวี้จิ่นหัวเราะ ไร้วี่แววของความเห็นใจ “โลกนี้จะมีอุบัติเหตุอะไรเยอะแยะปานนั้น ข้าเดาว่าคงเป็นฝีมือของเจ้าสาม”
เจียงซื่อขมวดคิ้วเล็กน้อย
นางจำได้ว่า จุดจบของจิ้นอ๋องและภรรยาก็ไม่ได้น่าภิรมย์นัก…
อวี้จิ่นกอดเจียงซื่อไว้แน่นพร้อมกล่าวด้วยความสงสัย “อาซื่อ ที่ข้าเห็น ปกติเจ้าไม่ได้ยินดียินร้ายกับพระชายาฉีอ๋อง แต่ไฉนบัดนี้ใบหน้าของเจ้าถึงได้ตกใจกลัวจนซีดปานนี้”
เจียงซื่อมองขวางใส่อวี้จิ่น “ตกใจกลัวที่ไหนกัน ก็แค่…”
นางลูบท้องตัวเองพลางถอนหายใจ “ก็แค่เห็นว่าเด็กในท้องไม่ได้มีความผิดอะไร”
อวี้จิ่นเป็นผู้ชาย อีกทั้งยังไม่ได้เป็นวัยกลางคนจึงไม่เคยสัมผัสเรื่องพวกนี้ เขากล่าวอย่างสบายใจ “หนี้ของพ่อแม่ ลูกก็ต้องชดใช้ ลูกต้องรับกรรมของพ่อแม่เป็นธรรมดา ไม่เห็นจะน่าเห็นใจตรงไหน”
แต่เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเจียงซื่อเริ่มย่ำแย่ เขาจึงยื่นมือไปบีบไหล่ของนาง “เอาเถอะ ลูกของพระชายาฉีอ๋องอาจไม่เป็นอะไรก็ได้”
“เด็กจะไม่รอด…” เจียงซื่อพึมพำ
“ว่าอย่างไรนะ”
เจียงซื่อเปรยตาขึ้น สบเข้ากับตาอวี้จิ่นพร้อมกล่าวเคร่งขรึม “ลูกของพระชายาฉีอ๋องจะไม่รอด”
อวี้จิ่นหุบยิ้ม “นั่นก็เป็นเรื่องของโชคชะตา อาซื่อ แล้วเจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง”
“ข้าไม่เป็นไร”
อวี้จิ่นเลิกผ้าม่านขึ้นอีกครั้ง และเห็นว่าคนเหล่านั้นพากันลงจากรถม้ามายืนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูวัง เขาจึงหันไปบอกกับเจียงซื่อ “พวกเราก็ลงไปกันเถิด ช่วงเวลาเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องเลือกฝ่าย เพราะหากกลับจวนไปตอนนี้อาจถูกสงสัยว่าเป็นคนทำพระชายาฉีอ๋อง จะเป็นปัญหาโดยใช่เหตุ”
เจียงซื่อผงกหัวรับ ก่อนจะลงจากรถม้าโดยมีอวี้จิ่นอุ้มลงเหมือนตอนขึ้น
เมื่อได้ยินเสียงกุกกัก คนอื่นๆ จึงหันหลังกลับมามอง แต่คราวนี้ไม่มีใครว่าอวี้จิ่นหน้าไม่อายอีกแล้ว
ฉีอ๋องห่วงหน้าจนตอนนี้ไม่เหลือลูก…
หากชั่งน้ำหนักความสำคัญแล้ว บางทีศักดิ์ศรีก็มิได้สำคัญปานนั้น
จิ่งหมิงฮ่องเต้มัวกลัดกลุ้มว่าจะเกิดเรื่องขึ้นในงานเลี้ยง จึงไม่ได้เสวยอะไรเท่าใดนัก เขารอให้งานเลี้ยงผ่านพ้นไปก่อน เขาถึงจะได้ทานอาหารค่ำอย่างสบายใจเสียที
ในวันที่สภาพอากาศหนาวเหน็บเช่นนี้ การได้กินโจ๊กรังนกร้อนๆ คงจะดีไม่น้อย
อื้ม เขาไม่ชอบใส่น้ำตาล ชอบให้เป็นรสเค็มเสียมากกว่า แค่ใส่หมูแผ่นหั่นฝอยลงไปก็ได้แล้ว
จิ่งหมิงฮ่องเต้จินตนาการถึงรสชาติแสนอร่อยอยู่บนเก้าอี้คานหาม เขาเตรียมจะไปเสวยมื้อค่ำที่ตำหนักฮองเฮา ทว่าไปได้เพียงครึ่งทาง ข้าหลวงก็รี่เข้ามาขวางทางไว้เสียก่อน
เมื่อเห็นข้าหลวงค้อมตัวอยู่เบื้องหน้า จิ่งหมิงฮ่องเต้ก็ได้แต่คิดเพียงในใจ หมดกันโจ๊กรังนกหมูแผ่น!
“ว่ามา…”
“ฝ่าบาท พระชายาฉีอ๋องพลัดตกจากรถม้าพ่ะย่ะค่ะ…”
จิ่งหมิงฮ่องเต้เบิกตากว้างพร้อมหันไปสบตากับฮองเฮา
ฮองเฮาแสดงความกังวลออกมาทางสีหน้า ทว่าในใจมิได้รู้สึกรู้สม “แล้วพระชายาฉีอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง ตามแพทย์หลวงแล้วหรือยัง”
ครั้นได้ยินว่าฉีอ๋องอุ้มพระชายาไปที่ตำหนักข้าง ส่วนแพทย์หลวงกำลังตามไป ฮองเฮาจึงหันไปกล่าวแก่ฮ่องเต้ “ฝ่าบาท พวกเรารีบไปดูกันเถิดเพคะ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงพยักหน้าเคร่งขรึม
คนในตำหนักข้างตกอยู่ในความโกลาหล เมื่อฮ่องเต้และฮองเฮามาถึงที่หน้าประตูตำหนักก็ได้ยินเสียงของฉีอ๋องลอยมาแต่ไกล “หมอหลวง เจ้าว่าอย่างไรนะ ลูกในท้องพระชายาไม่รอดอย่างนั้นหรือ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ชะงักฝีเท้าก่อนจะหันไปบอกฮองเฮา “เจ้าเข้าไปดูที”
ฮองเฮาก้มศีรษะรับก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปด้านใน
ภายในห้องอบอุ่น กลิ่นคาวเลือดชัดขึ้นในทุกย่างก้าวที่ขยับเข้าไปใกล้
ฮองเฮาสูดลมหายใจเข้าปอดพลางเดินต่อ
พระชายาฉีอ๋องนอนอยู่บนเตียง ใบหน้าขาวซีดราวสีของหิมะ เม็ดเหงื่อผุดพรายไม่มีวี่แววจะหยุด เล็บมือขูดขีดบนเตียงชวนเสียวฟัน
“ลูกข้า ลูกข้า…” พระชายาฉีอ๋องตะโกนพร่ำเพรียกไม่หยุดปาก ภาพน่าอเนจอนาถที่ขนาดฮองเฮายังไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน
ฮองเฮาถอนหายใจยาวก่อนจะหันไปถามแพทย์หลวง “พระชายาฉีอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง”
แพทย์หลวงอยากถอนหายใจไม่ต่างกัน ทว่าไม่กล้าพอ เขาเพียงแต่สั่นหัวพลางตอบแผ่วเบา “เด็กเสียชีวิตแล้วพ่ะย่ะค่ะ…”
พระชายาฉีอ๋องลุกพรวดขึ้นมานั่ง มือข้างหนึ่งคว้าตัวแพทย์หลวงเอาไว้ “เป็นไปไม่ได้ ลูกของข้ายังไม่ตาย หมอหลวงโกหกข้า ใช่หรือไม่!”
แพทย์หลวงในวัยชราถูกพระชายาฉีอ๋องดึงรั้งไว้เช่นนั้นก็ตกใจกลัวแทบเป็นลม เขารีบสะบัดมือพระชายาฉีอ๋องก่อนจะคุกเข่าลงถึงพื้น
“หมอหลวง ไม่มีวิธีรักษาแล้วจริงๆ หรือ” ฉีอ๋องที่เริ่มได้สติถามเสียงต่ำ
แพทย์หลวงผงกหัวรับ
ดวงตาของฉีอ๋องสั่นระริก เขาเอ่ยบอก “เช่นนั้น รบกวนหมอหลวงช่วยจัดโอสถบำรุงร่างกายให้พระชายาด้วยก็แล้วกัน”