ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 551 เอ้อร์หนิวไม่ใช่สุนัขธรรมดา
เมื่อปลอบขวัญประชาชนในเมืองได้ชั่วคราว จ้าวซื่อหลางก็ตามอวี้จิ่นลงไปด้านล่างกำแพงเมือง ทั้งคณะเดินกลับไปยังเมืองจิ๋นหลี่
ไท่จื่อรอจนรู้สึกหงุดหงิดมาตั้งนานแล้ว เมื่อเห็นอวี้จิ่นและคณะกลับมา จึงขมวดคิ้วพูดขึ้น “ฟ้าเกือบจะมืดแล้ว พวกเจ้าเพิ่งจะกลับมากันหรือ”
ทุกคนกลอกตาใส่อย่างจนปัญญา
ไท่จื่อแอบกลับมาตั้งแต่แรกโดยไม่บอกกล่าว แถมยังไม่พอใจที่พวกเขากลับมาช้าอีก
เวลานี้ทุกคนต่างก็รู้สึกว่าอวี้จิ่นดีกว่าเห็นๆ ต่างคิดเหมือนกันโดยมิได้นัดหมาย อันที่จริงองค์ชายของราชวงศ์ทั้งเก้าก็แตกต่างกันหมด ล้วนเป็นองค์ชายแท้ๆ เหตุใดถึงแตกต่างกันเพียงนี้
“อีกตั้งนานกว่าฟ้าจะมืด” อวี้จิ่นวางถ้วยน้ำชาที่ดื่มหมดแล้วลง พลางลุกขึ้น “ข้าจะไปเดินในเมือง”
ไท่จื่อรู้สึกสนอกสนใจขึ้นมา “น้องเจ็ดจะไปเดินเล่นที่ไหนหรือ ข้าไปด้วยสิ”
อวี้จิ่นเหลือบมองไท่จื่อ ลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าลง
เดิมไท่จื่อคิดออกแล้วว่าจะพูดอย่างไรหากถูกปฏิเสธ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าอวี้จิ่นจะตอบตกลง จึงรู้สึกซาบซึ้งใจแปลกๆ เล็กน้อย จากนั้นรีบสาวเท้าเดินเข้าไปหา ยกมือขึ้นเตรียมจะตบลงบนบ่าของอีกฝ่าย
อวี้จิ่นเอี้ยวตัวหลบท่าทางเฉยชา พลางชำเลืองมองไท่จื่อ
ไท่จื่อทำท่าลูบจมูก ยิ้มพูดขึ้น “ไปกันเถอะน้องเจ็ด”
เมื่อเห็นพี่น้องสองคนเดินเคียงคู่กันออกไป ทุกคนที่เหลืออยู่รู้สึกไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย
ไม่นึกเลยว่าเยี่ยนอ๋องกับไท่จื่อจะอยู่ด้วยกันได้
อะแฮ่มอะแฮ่มไม่ควรคิดอย่างนี้ ยังไงพวกเขาก็เป็นพี่น้องแท้ๆ กันอีกอย่างไท่จื่อยังเป็นองค์รัชทายาทอีก…
ทุกคนรีบเดินตามไป
เมื่อเทียบกับชาวบ้านในเมือเฉียนเหอที่สิ้นหวัง ท่าทางหมดอาลัยตายอยาก เมืองจิ๋นหลี่ราวกับเป็นอีกโลกหนึ่ง
ชาวบ้านภายในเมืองมักจะวุ่นอยู่กำกับการทำงานหาเลี้ยงชีพ เสียงตะโกนเรียกลูกค้า เสียงคนเถียงกัน เสียงต่อรองราคากับพ่อค้า เสียงตำหนิเด็ก…ทั่วทุกพื้นที่เต็มไปด้วยความคึกคักเหมือนอย่างทั่วไป
ไท่จื่อสังเกตดูทุกอย่างด้วยความสนใจ จากนั้นก็หันมามองอวี้จิ่นแล้วเอ่ยขึ้น “ไม่นึกเลยว่าเมืองเล็กๆ จะครึกครื้นได้ขนาดนี้…น้องเจ็ดเจ้าดูสิ สตรีที่สวมชุดสีชมพูตรงนั้นช่างงดงามเสียจริง ข้านึกว่ามีแค่ในเมืองหลวงเท่านั้นที่มีสาวงามให้มอง…”
ไท่จื่อลูบคางเบาๆ ในใจรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมา
ไม่รู้ว่าจะต้องอยู่ที่นี่อีกนานเท่าไหร่ ถ้าหากว่าได้แม่นางเสื้อชมพูคนนั้นมาอยู่เคียงข้างก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีอะไรทำฆ่าเวลาแล้ว
อวี้จิ่นไม่ได้พูดอะไรต่อจากไท่จื่อ เขาตบที่หลังเอ้อร์หนิว “ไปเล่นเถอะ”
เอ้อร์หนิวสะบัดตัว วิ่งออกไป
เมื่อเห็นสุนัขตัวใหญ่วิ่งออกไปไกลด้วยท่าทางคล่องแคล่วแข็งแรง ไท่จื่อก็รู้สึกอิจฉาเล็กน้อย “น้องเจ็ด สุนัขของเจ้าตัวนี้ช่างแสนรู้เสียจริง”
“เอ้อร์หนิว” อวี้จิ่นเหลือบมองไท่จื่อ พร้อมกับพูดย้ำเตือน
ไท่จื่อกลอกตา “เอ้อร์หนิวช่างแสนรู้เสียจริง”
อวี้จิ่นยิ้มขึ้นบางๆ “ใช่ เอ้อร์หนิวไม่ใช่สุนัขธรรมดา”
“ทำไมถึงไม่ธรรมดา” ไท่จื่อเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
มุมปากอวี้จิ่นยกขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มดูลึกลับ “ตอนที่ข้าถูกกลบอยู่ในกองคนตาย ก็เป็นเอ้อร์หนิวนี่แหละที่ขุดข้าออกมา…อีกทั้งเอ้อร์หนิวสามารถรู้เหตุอันตรายล่วงหน้าได้ด้วย…”
ไท่จื่อตกตะลึงเมื่อได้ยิน “สามารถรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้งั้นหรือ นี่มันไม่น่าเชื่อเลย”
อวี้จิ่นหุบยิ้ม สีหน้าเย็นชา “พี่รองไม่เชื่อก็แล้วแต่”
“ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อเจ้า เพียงแต่ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีสุนัขที่สามารถล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้” ไท่จื่อพูดไปพลางหันหน้าไปถามพวกจ้าวซื่อหลาง “ใต้เท้าทุกท่านเคยได้ยินหรือไม่”
จ้าวซื่อหลางและพวกส่ายหน้าออกมา พร้อมกับทยอยพูดขึ้น “นอกจากชื่อเอ้อร์หนิว ทุกท่านไม่เคยได้ยิน สุนัขขุนนางขั้นห้าหรือ”
ทุกคนเอามือลูบปลายจมูก ไร้ซึ่งคำตอบ
เมื่อเห็นว่าไท่จื่อเอาแต่มองสตรีผู้นั้น จ้าวซื่อหลางก็รีบพูดขึ้น “ไท่จื่อ ท่านอ๋อง ใกล้ถึงเวลาอาหารค่ำแล้ว พวกเรากลับไปที่พักกันก่อนดีหรือไม่”
ขืนเดินต่อไปไท่จื่อเข้าไปฉุดหญิงชาวบ้านมาจะทำอย่างไร
ที่มาที่นี่ก็เพื่อสงเคราะห์ผู้ประสบภัย ไม่ได้มาเที่ยวเตร่ หากก่อเรื่องเช่นนี้ ฮ่องเต้จะต้องลากเขาไปดุด่าอย่างหนักเป็นแน่
ไท่จื่อไม่อยากกลับไป จึงเหลือบมองอวี้จิ่น
“เช่นนั้นข้าขอเรียกเอ้อร์หนิวกลับมาก่อน” อวี้จิ่นวางนิ้วมือลงบนริมฝีปาก จากนั้นก็ผิวปากออกมาเสียงดังก้องกังวาน
ไม่นาน สุนัขตัวใหญ่รูปร่างสง่างามก็วิ่งมาจากที่ไกลๆ ด้านหลังยังมีฝูงสุนัขขนปุยหลากหลายสี หลากหลายขนาดอีกหลายตัววิ่งตามมา
เมื่อเห็นสุนัขจำนวนมากวิ่งเข้ามา ทุกคนต่างก็ตกใจขวัญกระเจิง
เอ้อร์หนิวหยุดลง หันกลับไปเห่าหนึ่งครั้ง สุนัขพวกนั้นหยุดลงทันที พร้อมกับนั่งนิ่งอย่างเชื่อฟัง
“เอ้อร์หนิว นี่เจ้า…”
เอ้อร์หนิวพุ่งเข้ามาหาอวี้จิ่นพร้อมกับเห่าสองที พร้อมกับงับขากางเกงเขา
อวี้จิ่นขมวดคิ้วแน่น
ทุกคนไม่เข้าใจ จึงเอ่ยถามออกไป “ท่านอ๋อง สุนัขตัวนี้…เอ่อ เอ้อร์หนิวเป็นอะไรไป”
“เอ้อร์หนิวน่าจะค้นพบอะไรบางอย่างเข้า” อวี้จิ่นพูดน้ำเสียงจริงจัง
เอ้อร์หนิวได้ยินก็เห่าออกมาเยอะกว่าเดิม ราวกับว่าเห็นด้วยกับที่เจ้านายพูด
ทุกคนทั้งรู้สึกอยากรู้และประหลาดใจ
อยากรู้ว่าที่เอ้อร์หนิววิ่งออกไปสักพักไปเจออะไรเข้า ส่วนที่ประหลาดใจคือสุนัขตัวนี้ฟังที่เจ้าของพูดออกจริงหรือ
“เอ้อร์หนิว เจ้าเจออะไรเข้า” อวี้จิ่นก้มลงลูบหัวสุขตัวใหญ่ตรงหน้า พร้อมกับเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เอ้อร์หนิวเดินวนอวี้จิ่นหนึ่งรอบ จู่ๆ ก็ยกขาหน้าข้างหนึ่งขึ้นมาแล้วออกแรงกระทืบลงบนพื้น จากนั้นก็นอนหงายท้องแผ่หลาบนพื้น ทำท่าตัวแข็งทื่อ
อวี้จิ่นสีหน้าเปลี่ยน ในใจกลับอดขำออกมาไม่ได้ เอ้อร์หนิวแสดงได้ดีมากจริงๆ ไม่เสียแรงที่เขาสอนมันเองกับมือ
เมื่อเห็นสีหน้าของอวี้จิ่นเปลี่ยนไป ไท่จื่อก็แย่งถามขึ้นมาก่อนคนอื่น “น้องเจ็ด เอ้อร์หนิวบอกว่าอะไรหรือ”
อวี้จิ่นมองไปที่ไท่จื่อ สีหน้าซีดเผือด คิ้วที่ดกดำขมวดแน่นขึ้นยิ่งขึ้น “เอ้อร์หนิวบอกข้าว่า อีกไม่นานที่นี่จะเกิดแผ่นดินไหว”
เมื่อได้ยินคำว่า ‘แผ่นดินไหว’ ทุกคนก็หน้าถอดสีทันที
“ท่านอ๋อง ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่” จ้าวซื่อหลางพูดโพล่งออกมา
อวี้จิ่นทำหน้าขรึม “เรื่องเช่นนี้ข้าจะเอามาล้อเล่นได้อย่างไร”
“แต่ว่า…” จ้าวซื่อหลางเหลือบมองสุนัขตัวใหญ่ที่กำลังทำท่าแกล้งตาย แล้วส่ายหน้าออกมา “ถึงแม้ว่าเอ้อร์หนิวจะหมายความว่าเช่นนี้ แต่อาศัยเพียงแค่ปฏิกิริยาตอบโต้ของสุนัขแค่นี้ก็ได้ข้อสรุปว่าจะเกิดแผ่นดินไหวขึ้น มันจะไม่รอบคอบเกินไปหรือไม่”
“เอ้อร์หนิวไม่ใช่สุนัขธรรมดา มันสามารถล่วงรู้อันตรายล่วงหน้าได้” อวี้จิ่นย้ำเรื่องที่พูดก่อนหน้านี้อีกครั้ง
หากได้ยินอวี้จิ่นพูดเป็นครั้งแรกทุกคนก็จะยังรู้สึกประหลาดใจและสนใจอยู่ ทว่าตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว ทั้งความรู้สึกตกใจ หวาดกลัว สงสัยล้วนได้ผ่านไป สุดท้ายเหลือแต่ความคิดว่ามันเหลวไหล
“ท่านอ๋อง สุนัขแค่ตัวเดียวจะรับรู้ได้อย่างไรว่าจะเกิดแผ่นดินไหว ถึงแม้ว่าจะเป็นสุนัขตำแหน่งขุนนางขั้นห้าก็เป็นไปไม่ได้หรอก!”
อวี้จิ่นเลิกคิ้วขึ้น “งั้นหรือ ตามบันทึกประวัติศาสตร์หลายฉบับเขียนไว้ว่า ก่อนที่จะเกิดภัยพิบัติไก่จะขัน สุนัขจะเห่า งูและหนอนจะออกมาจากรู มีท่าทีหลายอย่างที่ส่อให้เห็นว่าสัตว์พวกนี้รับรู้ถึงอันตรายได้ดีกว่ามนุษย์ และเอ้อร์หนิวก็เป็นสัตว์ที่อยู่เหนือกว่าจำพวกเดียวกัน ทำไมถึงจะรับรู้เรื่องแผ่นดินไหวไม่ได้”
เพียงพูดเท่านี้ก็ทำให้ทุกคนเงียบกริบ
เอ้อร์หนิวได้ยินเจ้านายชมว่ามันเป็นสัตว์ที่อยู่เหนือกว่าจำพวกเดียวกัน ก็รีบลุกขึ้นมาจากท่าแกล้งตาย ส่ายหางด้วยความลำพองใจ
อวี้จิ่นเดินอ้อมทุกคนออกไปตรงๆ แล้วเอ่ยถามไท่จื่อ “พี่รอง ที่นี่กำลังจะเกิดแผ่นดินไหว พวกเราจะออกไปจากที่นี่หรือไม่”
ไท่จื่อพยักหน้าทันควัน “ก็ต้องไปสิ! รออะไรล่ะ รีบไปเร็วเข้า!”
ล้อเล่นหรือเปล่า ประสบการณ์การเกิดแผ่นดินไหวที่ด้านหน้าวัดไท่ทำเอาเขาอกสั่นขวัญหาย น่ากลัวเกินไปแล้ว เขาอยากจะหนีจากภัยอันตรายทุกอย่างไปให้ไกลที่สุด!