ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 553 คำเตือนจากเทพ
ถ้าหากสามารถช่วยชาวบ้านในเมืองได้ จะเสียดายตนเองไปทำไม
ทุกคนได้ยินก็หัวใจกระตุกวาบ สายตาที่มองไปยังอวี้จิ่นอีกครั้งแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง
จ้าวซื่อหลางราวกับเห็นชายหนุ่มหน้าตาจริงจังคนนั้นที่ยืนอยู่บนกำแพงเมืองเฉียนเหอ ถึงขนาดยิงลูกศรออกไปกระทบกับระฆังสามลูกติดกันจนควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ จากนั้นก็กระโดดลงจากกำแพงลงมา แล้วอุ้มเด็กน้อยที่ล้มอยู่บนพื้นขึ้น
ท่านอ๋องที่สง่าผ่าเผยเช่นนี้ เขาจะกังวลอะไรอีก
ขอร้องให้ชาวบ้านย้ายออกจากเมืองไปชั่วคราว ถ้าหากเกิดแผ่นดินไหว ก็จะสามารถช่วยชีวิตของชาวบ้านเอาไว้ได้ทั้งหมด แต่หากไม่เกิดแผ่นดินไหวขึ้น อย่างมากก็แค่ถูกหัวเราะเยาะเท่านั้น
ชั่งน้ำหนักในใจดูว่าอันไหนสำคัญแล้วเลือกสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งไม่จำเป็นต้องพูดก็เข้าใจกัน
“ใต้เท้าทุกท่านว่าอย่างไร” จ้าวซื่อหลางเอ่ยถาม
ขุนนางและเจ้าหน้าที่มาจากเมืองหลวงรู้ได้ทันทีว่าจ้าวซื่อหลางเห็นด้วย
หัวหน้าเห็นด้วยแล้ว พวกเขายังจะพูดอะไรได้
หากเสนอความคิดเห็นตรงกันข้ามในตอนนี้แล้วทำให้ท่านอ๋องไม่พอใจ มันจะไม่มีประโยชน์อะไร
ขุนนางท้องถิ่นรู้สึกซับซ้อนเล็กน้อย
คาดไม่ถึงเลยว่าพวกใต้เท้าที่มาจากเมืองหลวงจะยอมทำเรื่องวุ่นวายตามเยี่ยนอ๋อง รอหลังจากเรื่องนี้จบก็ประจบสอพลอกลับเมืองหลวงแล้ว จากนั้นก็ปล่อยให้พวกเขาถูกประชาชนต่อว่านินทาลับหลัง
แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่มีอำนาจในการต่อต้าน
เจ้าหน้าที่ฝ่ายอักษรของเมืองเฉียนเหอทำปากขมุบขมิบเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่ถูกนายอำเภอเมืองเฉียนเหอพูดตัดหน้า
เมื่อเห็นว่าไม่มีความเห็นต่าง จ้าวซื่อหลางจึงเอ่ยขึ้น “ในเมื่อใต้เท้าทุกท่านล้วนเห็นด้วย เช่นนั้นก็เรียกหลี่เจิ้ง[1]เข้ามา”
ไม่นานชายชราท่านหนึ่งก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน
ชายชราตื่นเต้นเล็กน้อย ท่าทางลุกลี้ลุลน…จากนั้นก็คารวะเคารพ
“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะไท่จื่อ ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง และขอคารวะใต้เท้าทุกท่าน…”
เมื่อเห็นหลี่เจิ้งตื่นเต้นจนแทบจะเป็นลมล้มพับไปนายอำเภอเมืองเฉียนเหอก็กระแอมเสียงออกมา “หลี่เจิ้ง ที่เรียกเจ้ามาเพราะมีเรื่องอยากจะคุยกับเจ้า”
“เชิญท่านนายอำเภอรับสั่งมาได้เลยขอรับ” หากเทียบความเคารพยำเกรงที่มีต่อไท่จื่ออันเป็นบุคคลที่สูงส่งไกลเกินเอื้อม ความยำเกรงที่หลี่เจิ้งมีต่อนายอำเภอนั้นชันเจนมากกว่า
นายอำเภอผู้ใช้อำนาจพร่ำเพรื่อน่ะหรือ…อะแฮ่มอะแฮ่มพูดผิดไป นายอำเภอผู้น่าเกรงขามต่างหาก
หลี่เจิ้งแอบเช็ดเหงื่อเงียบๆ
นายอำเภอเมืองเฉียนเหอเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าขรึม “เมื่อคืนท่านอ๋องพักอยู่ที่เมืองจิ๋นหลี่ แล้วจู่ๆ ก็มีเทพมาเข้าฝันเพื่อเตือนว่าไม่เกินห้าวัน เมืองจิ๋นหลี่จะเกิดแผ่นดินไหวขึ้น…”
หลี่เจิ้งตกใจหน้าถอดสี “ไม่นึกเลยว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น”
นายอำเภอเมืองเฉียนเหอขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ “ทำไม ท่านอ๋องจะกล้าล้อเล่นกับเรื่องเช่นนี้หรือ”
หลี่เจิ้งมองไปที่อวี้จิ่นอย่างรวดเร็ว
ผู้ที่สบตากับเขาคือชายหนุ่มที่มีใบหน้าอันหล่อเหลา สูงสง่าราวกับต้นสนและต้นไป๋หยาที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ช่างถูกตาสบายใจยิ่งนัก
ชายหนุ่มหน้าตาดีเช่นนี้ ปกติจะไม่พูดจาซี้ซั้ว
หลี่เจิ้งก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงมีความคิดประหลาดนี้ผุดขึ้นมา พอได้สติกลับมาก็ฟังนายอำเภอเมืองเฉียนเหอพูดต่อ
“พวกใต้เท้าหมายความว่าให้หลี่เจิ้งรีบไประดมพลชาวบ้านในเมืองเพื่อหนีออกไปจากที่นี่…”
หลี่เจิ้งได้ยินแล้วอึ้งไปเลย รอจนนายอำเภอเมืองเฉียนเหอพูดจบ จึงเอ่ยขึ้นอย่างติดๆ ขัด “มัน มันเป็นไปไม่ได้…”
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ” นายอำเภอเมืองเฉียนเหอขมวดคิ้วขึ้น
หลี่เจิ้งเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก “ใต้เท้า ถึงแม้ท่านอ๋องจะมีเทพมาเตือนในฝัน แต่ว่าหลังจากย้ายชาวบ้านออกไปจากเมืองแล้วจะให้พวกเขาไปพักที่ไหน แล้วเรื่องการกินอยู่ ทรัพย์สินในบ้านจะจัดการอย่างไร”
“ไม่ใช่เรื่องยาก” อวี้จิ่นพูดต่อ “ถึงแม้ชาวบ้านในเมืองจะมีหนึ่งพันกว่าคน ซึ่งเป็นจำนวนที่ไม่น้อยเลย แต่หากไปตั้งค่ายอยู่ที่เขตนอกเมืองสักสามสี่วัน เรื่องอาหารการกินทางราชสำนักจะจัดการให้ไม่มีปัญหา และเรื่องทรัพย์สินในบ้าน หากสามารถนำติดตัวไปด้วยได้ก็เอาไป หากไม่สามารถเอาไปได้ก็ทิ้งไว้ชั่วคราว ชีวิตนั้นสำคัญกว่าของนอกกายพวกนี้อยู่แล้ว”
หลี่เจิ้งรวบรวมความกล้าพูดออกไป “แต่ว่าพวกหมู แกะ ไก่ เป็ดล่ะ ไก่กับเป็ดนั้นช่างมันเถอะ ทว่าคงจะทิ้งหมูกับแกะไว้ไม่ได้ หากทิ้งไว้ไม่กี่วันพวกมันจะต้องหิวตายเป็นแน่ ชาวบ้านทำใจทิ้งไม่ได้แน่ขอรับ”
พออวี้จิ่นได้ยินตาก็กระตุกขึ้นเล็กน้อย เขารู้ว่าสัตว์เลี้ยงพวกนี้สำคัญอย่างยิ่งต่อชาวบ้านธรรมดา
เขาคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจอย่างแน่วแน่ออกมาโดยพลัน “ขอให้หลี่เจิ้งไปหาชาวบ้านแล้วรวบรวมจำนวนโดยเร็ว สิ่งมีชีวิตใดที่ไม่สามารถนำติดตัวไปด้วยได้ ทางราชสำนักจะชดเชยให้ตามราคา…ไม่สิ จะชดเชยให้สองเท่า…”
“ท่านอ๋อง!” ทุกคนตกใจไปพร้อมๆ กัน
เงินที่เอาไว้ใช้สงเคราะห์ผู้ประสบภัยได้ถูกจัดสรรไว้ตามระเบียบแล้ว หากเกิดแผ่นดินไหวขึ้นที่เมืองจิ๋นหลี่จริงๆ จะทำอย่างไรก็ได้ แต่หากสุดท้ายทำเสียแรงเปล่า อาจไม่มีวิธีเติมหลุมที่กว้างใหญ่ขนาดนี้ได้
อวี้จิ่นเอ่ยเสียงเรียบ “ถ้าหากไม่มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น เงินที่เสียไปตรงนี้จวนเยี่ยนอ๋องจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง”
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ทุกคนถึงได้สงบปากสงบคำลง ต่างเหลือบมองไท่จื่ออย่างไม่รู้ตัว
เยี่ยนอ๋องยอมใช้เงินทองของจวนอ๋องมาเติมเต็มส่วนที่เสียไป ไท่จื่อจะไม่พูดหรือแสดงท่าทีอะไรออกมาหน่อยหรือ
ไท่จื่อนิ่งเฉยมาก
ก็ข้าไม่มีเงิน!
เขาเติบโตใช้ชีวิตในตงกงมาตั้งแต่เด็กจะอดออมอะไรได้ พักอยู่ที่จิ้งหยวนตั้งหลายเดือนก็เกือบจะหิวตายอยู่แล้ว
ความผิดหวังในตัวไท่จื่อในใจของทุกคนเพิ่มมากขึ้นไปอีกขั้น ทว่าใบหน้ากลับไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมา
“หลี่เจิ้ง เช่นนี้ได้หรือไม่…” อวี้จิ่นเอ่ยถาม
หลี่เจิ้งพยักหน้าด้วยความลังเล “กระหม่อมจะไปจัดการระดมพลชาวบ้านออกไปเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ…”
นี่มันไม่ค่อยน่าไว้ใจเลย เมื่อฟ้าใกล้จะมืด บ้านทุกหลังต่างก็เตรียมอาหารเย็นเสร็จแล้ว
ก้อง ก้อง ก้อง…
ไม่นานเสียงฆ้องที่ดังกังวานก็เรียกชาวบ้านในเมืองมารวมตัวกัน
ที่ต้าโจวการตีฆ้องเพื่อเตือนให้ทราบหรือแจ้งเรื่องสำคัญนั้นถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติอยู่ทุกที่ เช่นนั้นเมื่อใดที่ทุกคนได้ยินเสียงฆ้องล้วนต้องวิ่งออกมาจากบ้านเพื่อสำรวจดูอยู่แล้ว
“ชาวบ้านทั้งหลาย เมื่อวานท่านอ๋องเข้ามาพักที่เมืองจิ๋นหลี่ มีเทพมาเข้าฝันเพื่อเตือนว่าภายในห้าวันเมืองจิ๋นหลี่จะเกิดแผ่นดินไหวขึ้น เช่นนั้นเพื่อความปลอดภัยของทุกท่าน ขอทุกท่านรีบกลับไปเก็บทรัพย์สินของมีค่าที่บ้าน เพื่อออกไปจากเมืองนี้ชั่วคราว…”
ชาวบ้านในเมืองตื่นตระหนกขึ้นมาทันที ความรู้สึกแรกก็คือไม่เชื่อ
“หลี่เจิ้ง เมืองจิ๋นหลี่ไม่เกิดแผ่นดินไหวมากว่าร้อยปีแล้ว” มีชายชราคนหนึ่งตะโกนออกมา
อยู่ดีๆ จะมีใครยอมออกไปจากบ้านที่แสนสบาย แล้วไปนอนในป่าในเขากัน
หลี่เจิ้งมองไปที่นายอำเภอเมืองเฉียนเหอโดยไม่รู้ตัว
นายอำเภอเมืองเฉียนเหอแสดงไหวพริบออกมาโดยเร็ว จึงตะโกนออกไป “พวกเจ้าลืมไปแล้วหรือ ที่เมืองเฉียนเหอก็ไม่เคยเกิดแผ่นดินไหวมากว่าร้อยปี แล้วตอนนี้เป็นเช่นไร”
เมื่อได้ยินนายอำเภอเมืองเฉียนเหอยกเรื่องแผ่นดินไหวที่เมืองเฉียนเหอขึ้นมา ทุกคนก็เงียบ
เมืองจิ๋นหลี่อยู่ไม่ไกลจากเมืองเฉียนเหอ จึงมักจะเหตุการณ์อย่างนู้นอย่างนี้เหมือนกัน มีญาติของคนจำนวนไม่น้อยที่ตายอยู่ในเหตุการณ์แผ่นดินไหวอันยากจะพบเจอได้ในร้อยปี
นายอำเภอเมืองเฉียนเหอรู้สึกพอใจมากที่สามารถพูดคุมสถานการณ์ได้ทั้งหมดด้วยประโยคเดียว จากนั้นจึงพูดต่อ “เมืองเฉียนเหอเกิดแผ่นดินไหวได้ แล้วเหตุใดเมืองจิ๋นหลี่จะเกิดแผ่นดินไหวไม่ได้ มีเทพเข้าฝันมาเตือนท่านอ๋อง นี่เป็นโชคดีของพวกเจ้านะ!”
โชคดีงั้นรึ
ไม่เพียงแต่ชาวบ้านในเมืองที่ตะลึง แม้แต่อวี้จิ่นก็พลอยตกตะลึงตามไปด้วย
ทำไมถึงเกี่ยวกับความโชคดีอีกแล้ว
นายอำเภอเมืองเฉียนเหอพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ทำไมประชาชนแห่งเมืองเฉียนเหอถึงหลีกเลี่ยงภัยพิบัติครั้งใหญ่นี้ไม่ได้ นั่นก็เพราะในเมืองไม่มีผู้ที่สูงศักดิ์อย่างเช่นท่านอ๋อง พอเทพอยากจะเข้าฝันแจ้งเตือนก็ไม่มีคนให้เลือก ทว่าไท่จื่อกับท่านอ๋องมาหยุดพักที่เมืองจิ๋นหลี่พอดี พวกเราถึงได้รับสารเตือน พวกเจ้าทั้งหลายยังคิดว่านี่มันไม่ใช่โชคดีของพวกเจ้าอีกหรือ”
ชาวบ้านในเมืองพยักหน้าลงด้วยความงุนงง
ดูเหมือนที่ท่านนายอำเภอพูดจะมีเหตุผล
อวี้จิ่นลูบคางเบาๆ ไม่นึกเลยว่านายอำเภอเมืองเฉียนเหอจะเป็นบุคคลที่มีความสามารถคนหนึ่ง
ผู้คนส่วนหนึ่งเคารพเลื่อมใสเทพเจ้า อีกส่วนหนึ่งยอมทำตามราชสำนักแต่โดยดี และที่สำคัญคือยอมรับปากว่าจะรับเงินชดใช้ค่าหมู แกะและสิ่งมีชีวิตทุกอย่างที่ไม่สะดวกเอาไป ภายใต้คำพูดชักจูงขอร้องของนายอำเภอเมืองเฉียนเหอกับหลี่เจิ้งที่พูดกับชาวบ้านเมืองจิ๋นหลี่ ทุกคนต่างฝืนใจยอมรับที่จะย้ายออกไปจากเมืองชั่วคราว
——————————————————
[1] หลี่เจิ้ง ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อย ดูแลเมืองเล็ก