ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 560 บุญคุณ
เมื่อเมืองจิ๋นหลี่เกิดแผ่นดินไหวขึ้น เสบียงและเครื่องใช้ต่างๆ ที่นำมาช่วยเหลือผู้ประสบภัยก็สามารถนำออกมาใช้ได้อย่างโจ่งแจ้ง
กว่าอวี้จิ่นและคณะที่ไปด้วยจะกลับมายังที่พักพระอาทิตย์ก็ตกดินแล้ว ที่นั่นมีกระโจมตั้งเพิ่มขึ้นมาก แถมยังมีการสร้างเตาทำอาหารขึ้นมาอีกหนึ่งเตา
ทั้งเมืองพังทลายหมดแล้ว ปัญหาเรื่องการกินของคนมากมายขนาดนี้ไม่อาจทำแบบถูๆ ไถๆ ได้อีกต่อไป
“หลี่เจิ้งกลับมาแล้ว!”
ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในที่พักรีบเข้ามาล้อมอย่างรวดเร็ว ต่างคนต่างแย่งกันถามออกมา “หลี่เจิ้ง ช่วยคนออกมาได้หรือไม่”
เวลานี้ถึงหลี่เจิ้งจะปิดบังไปก็ไร้ประโยชน์ เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาที่กระตือรือร้นเหล่านั้น จึงถอนหายใจพูดออกไป “ช่วยออกมาได้แค่นิวนิวลูกของครอบครัวโก่วเซิ่ง ซึ่งถูกท่านอ๋องส่งไปยังมือหมอแล้ว ส่วนคนอื่น…”
“พ่อมัน ตอนนั้นไม่ให้กลับไปก็ดี! ฮือฮือ เจ้าจากไปเช่นนี้ พวกเราสองแม่ลูกจะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร…”
“น้องรอง เจ้าไม่ควรกลับไป เจ้าเพิ่งจะแต่งงานได้สองเดือน ยังไม่ทันได้มีผู้สืบสกุลเลย…”
ส่วนคนอื่นที่ครอบครัวไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตที่เป็นญาติใกล้ชิดเป็นพิเศษ ถึงจะไม่ร้องไห้ออกมา แต่ดวงตาก็แดงก่ำ ในใจรู้สึกเกิดรู้สึกหวาดกลัว หากว่าตอนนั้นกลับไป คนที่ตายในเหตุการณ์แผ่นดินไหวก็คงเป็นพวกเขา
ที่โชคดีก็เพราะท่านอ๋อง!
ชายคนหนึ่งลากภรรยาและลูกไปคุกเข่าลงต่อหน้าอวี้จิ่น พร้อมกับยกมือขึ้นมาตบปากตัวเอง “ท่านอ๋อง ข้าน้อยนั้นโง่เขลาสิ้นดี แถมในใจยังตำหนิท่านอีก…ท่านช่วยครอบครัวของข้าน้อย ข้าน้อยขอคารวะท่าน จากนี้ไปจะจารึกและสวดภาวนาให้ท่านอยู่เย็นเป็นสุข อายุยืนนาน…”
มีอีกครอบครัวหนึ่งเข้ามาคุกเข่าลง “ท่านอ๋อง ท่านช่างใจดีมีน้ำใจเสียจริง เพื่อช่วยชีวิตพวกเรา ยังตัดสินใจใช้เงินเพื่อรั้งไม่ให้พวกเรากลับไปตาย…ไม่มีผู้ใดใจดีมากกว่าท่านแล้ว…”
คนจำนวนไม่น้อยเหงื่อแตกไปทั้งตัว
ถ้าหากไม่มีท่านอ๋องสัญญาว่าจะให้เงิน พวกเขาจะต้องกลับไปแน่…
มีคนเข้ามาคุกเข่าลงต่อหน้าอวี้จิ่นมากขึ้นเรื่อยๆ ปากก็พร่ำเอ่ยคำขอบคุณ
ไท่จื่อมองดูอยู่เงียบๆ รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
ชาวบ้านผู้โง่เขลาพวกนี้คงไม่รู้สินะว่าคนที่ช่วยพวกเขาเอาไว้แท้จริงคือเอ้อร์หนิว!
เป็นเอ้อร์หนิวที่ล่วงรู้อันตรายล่วงหน้า เจ้าเจ็ดถึงได้แต่งเรื่องโกหกว่ามีเทพเข้าฝันเตือน
เมื่อเห็นชาวบ้านก้มกราบอวี้จิ่น ไท่จื่อก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจ หากรู้แต่แรกว่าเมืองจิ๋นหลี่จะเกิดแผ่นดินไหวขึ้นจริงๆ ตอนนั้นเขาคงยอมรับเรื่องที่ให้บอกว่ามีเทพมาเข้าฝันเตือนแล้ว
“ทุกท่านไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ ข้าเพียงพยายามช่วยอย่างมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ผู้ที่ลงแรงทำงานอย่างหนักก็คือเหล่าใต้เท้า…” อวี้จิ่นไม่ค่อยสนใจความซาบซึ้งตื้นตันใจจากชาวบ้านที่พูดกับเขามากนัก
หลังจากพูดออกมาคร่าวๆ ก็ดันจ้าวซื่อหลางออกมา
จ้าวซื่อหลางและขุนนางท่านอื่นได้ยินก็รู้สึกปลื้มใจมาก การที่เมืองจิ๋นหลี่เกิดแผ่นดินไหวขึ้น มันแน่นอนอยู่แล้วที่เยี่ยนอ๋องจะถูกเคารพบูชา ทว่าเยี่ยนอ๋องกลับไม่ลืมที่จะยกคุณงามความดีของพวกเขาขึ้นมาด้วย นี่มันทำให้รู้สึกอบอุ่นใจเป็นอย่างมาก
จ้าวซื่อหลางกระแอมเสียง กำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรออกมาสักหน่อย ก็ได้ยินไท่จื่อพูดขึ้น “ชาวบ้านทั้งหลาย ข้าเป็นไท่จื่อของรัชสมัยนี้ มาที่นี่เพื่อเยี่ยมเยียนทุกท่าน ทุกคนวางใจได้เลย เนื่องจากทุกคนได้รับความเดือดร้อน ทางราชสำนักจะชดใช้เยียวยาให้เหมาะสมอย่างแน่นอน ข้ารับปากกับทุกคนไว้ได้เลย นอกจากเงินที่เยี่ยนอ๋องรับปากว่าจะให้ในตอนแรก ทุกคนจะได้เงินบรรเทาทุกข์อีกสองตำลึง เพื่อช่วยเหลือในการสร้างบ้านหลังใหม่…”
จ้าวซื่อหลางและคณะได้ยินก็ทำหน้าพะอืดพะอมขึ้นมาทันที
เงินสงเคราะห์ที่เยี่ยนอ๋องรับปากไว้ หากยึดตามมาตรฐานการสงเคราะห์ผู้ประสบภัยของราชสำนักนั้นมันเกินไปเล็กน้อย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามมันยังสามารถถมให้เท่ากันได้อยู่ ทว่าไท่จื่อพูดโพล่งออกไปว่าจะให้เงินเยียวยาทุกคนคนละสองตำลึง บวกกับเงินนั่นตำหนักไท่จื่อก็ไม่ได้เป็นผู้ออกด้วย ไท่จื่อท่านนี้คิดว่าลมจะพัดมันมาเองหรือ
ถึงแม้ว่าจ้าวซื่อหลางและคณะจะรู้สึกกระวนกระวายใจ แต่ก็ไม่อาจขัดไท่จื่อที่พูดไม่หยุดต่อหน้าชาวบ้านได้ จึงทำได้เพียงฟังด้วยสีหน้าอมทุกข์
ดีที่ฟ้ามืดแล้ว จึงไม่มีคนสนใจเรื่องทำหน้าอมทุกข์
“เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่ง ขอพระองค์ทรงพระเจริญอายุหมื่นหมื่นปี…” มีคนตะโกนออกมา
“เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่ง ขอพระองค์ทรงพระเจริญอายุหมื่นหมื่นปี…” ทุกคนเอ่ยพูดอย่างพร้อมเพรียงกัน
เมื่อไท่จื่อได้ยิน อารมณ์ก็เดือดพล่านขึ้นมาทันที เอ่ยปากพูดออกไป “แล้วมอบผ้าไหมให้ครอบครัวละหนึ่งผืน…”
เหล่าเสนาบดีกรมพระคลังแทบจะเป็นลมล้มพับลง
ชาวบ้านเมืองจิ๋นหลี่ตะโกนออกมาด้วยความดีอกดีใจมากกว่าเดิม
ตะโกนออกมานิดหน่อยก็ไม่เสียแรง ได้ทั้งเงินได้ทั้งผ้าไหม นี่มันสวรรค์มาโปรดชัดๆ
ไท่จื่อได้ยินชาวบ้านทั้งหลายร้องตะโกนเสียงดังกังวาน รู้สึกตื่นเต้นจนอยากจะให้อะไรเพิ่มอีก
“ใต้เท้าซื่อหลาง อย่าให้ไท่จื่อพูดอะไรต่อเลย หากพูดต่อพวกเราคงต้องเดินเปลือยกลับเมืองหลวงแล้ว!” ขณะที่สถานการณ์กำลังคับขัน เหล่าขุนนางก็ไม่อาจคงท่าทีสงบไว้ได้ จึงเอ่ยพูดออกไปอย่างรีบร้อน
ไท่จื่อกำลังคิดว่าจะมอบสิ่งเอื้ออำนวยให้กับชาวบ้านเหล่านี้อีก ทว่าถูกดึงจากด้านหลังอย่างแรง
“มีอะไร” ไท่จื่อหันกลับไปมองอย่างไม่สบอารมณ์
เขายังไม่เคยได้รับการซาบซึ้งในบุญคุณและน้อมกราบจากคนเยอะขนาดนี้ อารมณ์กำลังพลุ่งพล่านเลย ผู้ใดกันมารบกวนเขา ไม่แหกตาดูเลยหรือ
เมื่อก้มลงมอง เอ้อร์หนิวส่ายหางอยู่ไม่ไกลนัก
พอเห็นเอ้อร์หนิว สีหน้าไท่จื่อก็อ่อนโยนลง “เอ้อร์หนิวเองหรือ”
เอ้อร์หนิงเอียงคอมองเงียบๆ
อะไร เจ้าโง่ที่เอาแต่คิดเองเออเอง!
จ้าวซื่อหลางสะกิดไท่จื่อ กำลังใช้สมองอย่างหนักว่าควรจะอธิบายอย่างไร แต่พอเห็นสถานการณ์ตรงหน้าก็แทบอยากโผเข้าไปหอมแก้มเอ้อร์หนิวทันที
เอ้อร์หนิวช่างเป็นสุนัขที่เฉลียวฉลาดเสียงจริง ไม่เพียงแต่สามารถล่วงรู้อันตรายในอนาคตได้ แถมยังช่วยรับหน้าในช่วงเวลาสำคัญได้ด้วย
เมื่อกลับมาถึงเมืองอูจี ไท่จื่อยังคงรู้สึกฮึกเหิม “ไม่นึกเลยว่าชาวบ้านเหล่านี้จะปลอบขวัญง่ายเช่นนี้…”
ทุกคนกลอกตาใส่อย่างพร้อมเพรียงกัน
อยากจะแสดงความไม่พอใจต่อไท่จื่อออกไปเสียจริง
นั่นเรียกว่าปลอบขวัญหรือ อยู่ต่อหน้าคนโง่ที่แจกเงินใครกันจะไม่ยอมพูดจาประจบสอพลอเอาอกเอาใจ พูดจาดีก็ไม่ได้เสียแรงมากมายสักหน่อย!
จ้าวซื่อหลางอดทนไม่ว่ากล่าวออกไป แล้วพูดอย่างใจเย็น “ไท่จื่อรู้หรือไม่ว่าการให้เงินคนละสองตำลึง แถมยังให้ผ้าไหมอีกครอบครัวละผืน เงินของพวกเราจะขาดไปเท่าไหร่”
ไท่จื่อตะลึง “ขาดไปงั้นหรือ”
จ้าวซื่อหลางเอามือก่ายหน้าผาก “ไท่จื่อ เงินสงเคราะห์ที่ทางราชสำนักแจกนั้นมีระเบียบการใช้ หากใช้เกินกำหนด จะเอาเงินมาจากไหนพ่ะย่ะค่ะ”
ไท่จื่ออึ้งไปชั่วขณะ
ทุกคนสุดจะทน ทยอยเอ่ยพูดออกมา “ใช่พ่ะย่ะค่ะ เรื่องเงินไม่อาจเอ่ยปากรับคำง่ายๆ ความยุ่งยากนั้นมีมากอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นท่านยังจะให้ผ้าไหมอีก เงินที่ขาดก็ยิ่งมีช่องโหว่เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม…”
ไท่จื่อกะพริบตาปริบๆ
นี่เขาถูกเหล่าขุนนางตำหนิงั้นหรือ
ไท่จื่อเหลือบมองอวี้จิ่นอย่างอดไม่ได้
เจ้าเจ็ดแจกเงินให้ชาวบ้านพวกนั้นถูกชื่นชม เขาแค่บอกว่าจะให้เงินบ้างเหตุใดถึงได้ถูกตำหนิ
“ก่อนหน้านี้เยี่ยนอ๋องก็รับปากว่าจะให้เงินนี่นา!”
จ้าวซื่อหลางเบะปาก “ไท่จื่อ ตอนนั้นท่านอ๋องรับปากว่าจะให้เงิน ก็เพราะว่าอาศัยเพียงแค่ความฝันนั้นมันไม่เพียงพอที่จะทำให้ชาวบ้านถอยไปจากเขตอันตรายได้อย่างสบายใจ จำเป็นต้องใช้เงินกระตุ้นถึงจะสำเร็จ ทว่าตอนนี้ได้เกิดแผ่นดินไหวขึ้นแล้ว การช่วยเหลือผู้ประสบภัยจึงควรมีกฎเกณฑ์ที่แน่ชัด หากเพิ่มหรือลดอะไรตามใจล้วนสร้างความยุ่งยาก…”
ถ้าให้น้อยไปพวกผู้ประสบภัยก็จะลำบาก แต่หากให้เยอะไปพวกเขาก็จะลำบาก องค์ชายท่านนี้แค่เอ่ยปากพูดก็สร้างปัญหาทันที อยู่ที่เมืองอูจีเฉยๆ ก็ดีอยู่แล้ว
อีกอย่าง หากเปรียบเทียบไท่จื่อกับเยี่ยนอ๋อง ตอนนั้นเยี่ยนอ๋องพูดไว้แล้วว่า ถ้าหากไม่เกิดแผ่นดินไหว เงินก้อนนี้จวนเยี่ยนอ๋องจะเป็นคนจ่ายเอง
ไท่จื่อทำสีหน้าไม่พอใจ “ชาวบ้านพวกนั้นไม่มีบ้านจะอยู่แล้ว ให้อีกหนึ่งสองตำลึงจะเป็นอะไรไป ใต้เท้าจ้าวไม่เห็นต้องคิดเล็กคิดน้อยเลย ข้าเหนื่อยแล้ว ขอตัวไปนอนล่ะ”
ไท่จื่อสะบัดแขนเสื้อเดินออกไป ปล่อยให้จ้าวซื่อหลางโมโหจนลมแทบจับ
เหล่าขุนนางหน้านิ่วคิ้วขมวดยิ่งกว่าเดิม
จ้าวซื่อหลางถอนหายใจ “ช่างเถอะ ข้าต้องเขียนจดหมายด่วนส่งไปที่เมืองหลวงก่อน”