ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 573 ตะลึง
ทุกคนพร้อมใจหันไปมองทางเจียงซื่อ จากนั้นก็มองไปยังเด็กน้อยซึ่งอยู่ในอ้อมกอดของมารดา
พระชายาเยี่ยนอ๋องอ่อนช้อยสง่างามหรือ
เหตุใดฝ่าบาทจึงสามารถตรัสคำที่ขัดต่อความเป็นจริงเช่นนี้ออกมาได้
ส่วนที่ว่าพระธิดาน้อยได้ความงดงามมาจากมารดาก็ช่างน่าขันยิ่งนัก ฝ่าบาทยังไม่เคยเห็นทารกคนนี้แม้แต่ปลายนิ้วเสียด้วยซ้ำ
เจ้าหนูเกิดมาได้เพียงแค่สามวันแต่ก็ได้รับการแต่งตั้งยศให้เป็นจวิ้นจู่แล้ว ดูเหมือนสิ่งที่นางได้รับแทบจะเทียบเท่ากับองค์หญิงก็ว่าได้
อย่าว่าแต่พระชายาฉีอ๋องเลย แม้แต่พระฉายาคนอื่นซึ่งโดยมากล้วนเป็นเด็กผู้หญิง บัดนี้ต่างพากันยิ้มขึ้นด้วยท่าทางอันแข็ง
อะไรกัน! การกระทำอันน่าตกตะลึงของฮ่องเต้ครั้งนี้ต้องการจะให้พวกนางริษยาเสียจนบ้าคลั่งหรือไร
เมื่อพบว่าบรรยากาศเปลี่ยนไปดูแปลกประหลาดเล็กน้อย เสี่ยวเล่อจื่อจึงได้กระแอมออกมาแล้วกล่าวต่อไปว่า “พระชายาเยี่ยนอ๋อง รับพระราชโองการแทนเสี่ยวจวิ้นจู่เถิด”
เจียงซื่อเอื้อมมือออกไปรับพระราชโองการนั้นแล้วทำการคารวะ
“พระชายาอ๋องลุกขึ้นเถิด ข้าเองก็จะกลับไปรายงานฝ่าบาทเช่นกัน” เสี่ยวเล่อจื่อหรี่ตายิ้มขึ้น สายตาเหลือบไปมองดูอาฮวน
ไม่รู้ว่าทารกน้อยผู้นี้มีความพิเศษใด จึงทำให้ฮ่องเต้ประทานยศให้ตั้งแต่ยังเล็กเช่นนี้ อย่าว่าแต่บรรดาชนชั้นสูงเหล่านี้เลย แม้แต่ตัวเขาเองก็รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก
“ขอบพระคุณกงกงที่ลำบากเดินทางมา” เจียงซื่อส่งสายตาเป็นสัญญาณให้แก่อาเฉี่ยว
อาเฉี่ยวรีบก้าวเข้ามารับถุงเงินแล้วนำไปยื่นให้แก่เสี่ยวเล่อจื่อ
“อะแฮ่มๆ เสี่ยวจวิ้นจู่เพิ่งจะถือกำเนิดออกมา ก็ได้รับความนิยมชมชอบจากฝ่าบาท ขอแสดงความยินดีกับพระชายาอ๋องยิ่งนัก” องค์หญิงคนหนึ่งซึ่งออกเรือนแล้วกระแอมขึ้นขัดบรรยากาศอันพิลึกเมื่อสักครู่
ผู้คนที่อยู่ ณ ที่นั้นทั้งหลายซึ่งเมื่อครู่ชะงักลงราวกับวิญญาณหลุดจากร่าง บัดนี้เพิ่งได้สติกลับคืนมาแล้วจัดการกับอารมณ์ อันซับซ้อนของตนเอง ก่อนที่จะพากันทยอยเข้ามาแสดงความยินดีต่อเจียงซื่อ
จนกระทั่งพวกเขาทั้งหลายกลับไปที่จวนของตนเอง อารมณ์ซับซ้อนเหล่านั้นก็ยังคงไม่จางหายไป
……
ณ เรือนฉือซินแห่งจวนตงผิงปั๋ว เฝิงเหล่าฮูหยินได้ยินกัวซื่อกล่าวให้นางฟังเช่นนั้นก็รีบลุกขึ้นยืนทันใด “เจ้าว่าอย่างไรนะ ฮ่องเต้ประทานยศจวิ้นจู่ให้แก่บุตรีของพระชายาเยี่ยนอ๋อง?”
กัวซื่อก้มหน้าลงเล็กน้อยกล่าวว่า “ในตอนนั้นลูกเองก็นั่งอยู่ในห้องโถงด้วย และเห็นพระชายาเยี่ยนอ๋องรับพระราชโองการมาด้วยตนเอง”
หากว่านางเห็นเจียงซื่อเอื้อมมือไปรับพระราชโองการด้วยตนเอง คาดว่าคงไม่ใช่เรื่องโกหกแน่
เฝิงเหล่าฮูหยินนั่งลงอย่างช้าๆ แววตาดูคลุมเครือ
นางแก่เกินไปหรือนางไม่เข้าใจสัจธรรมในโลกนี้อย่างเพียงพอกันแน่
เจียงซื่อเจ้าหนูนั่นแม้จะได้เสกสมรสเข้าไปในจวนอ๋อง และสร้างหน้าตาชื่อเสียงให้แก่นางไม่น้อย แต่นางก็รู้สึกเป็นกังวลใจเสมอมา ด้วยเกรงว่าจากนิสัยของเจ้าหนูคนนี้สักวันจะสร้างปัญหามาให้
แม้จะกล่าวว่าบุตรสาวที่ออกเรือนไปแล้วไม่ต่างอันใดกับน้ำที่ถูกสาดลงพื้น แต่การได้สมรสกับเชื้อพระวงศ์นั้นแตกต่างกัน หากทำผิดขึ้นมาละก็ ตระกูลเก่าของนางก็คงจะต้องถูกลงโทษด้วย
มีบทเรียนเช่นพระชายาจิ้นอ๋องกองอยู่ตรงหน้า ทุกคนล้วนเห็น
คนในตระกูลจิ้นอ๋องเดินทางไปเฝ้าสุสานจักรพรรดิเป็นเวลาไม่นาน จากนั้นบิดาของพระชายาจิ้นอ๋องก็ถูกลดตำแหน่งลง เขาได้พาทุกคนในตระกูลเดินทางออกจากเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยความสิริรุ่งโรจน์แห่งนี้ ไปเป็นขุนนางท้องถิ่น
แต่เหตุใดเจียงซื่อจึงมีเรื่องที่นางคาดไม่ถึงเกิดขึ้นอยู่เรื่อย
ฮ่องเต้เอ่ยชมว่าหนูสี่สง่างามอ้อนช้อย? เฝิงเหล่าฮูหยินคิดไปพลางส่ายหน้า
คนที่คิดไม่ตกยิ่งกว่าเฝิงเหล่าฮูหยินก็คือพระชายาฉีอ๋อง
ในตอนนั้นฉีอ๋องยังไม่ได้รับข่าวนี้ เขากำลังนั่งสนทนากับเสนาธิการอยู่ จู่ๆ ก็มีข้าหลวงเข้ามารายงานว่า “ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ พระชายาเสด็จกลับมาแล้ว กล่าวว่าเชิญท่านเดินทางไปพบนาง”
ฉีอ๋องขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว
แต่ไหนแต่ไรมา หลี่ซื่อรู้จักกาลเทศะเสมอ นางไม่ค่อยรบกวนขณะที่เขาทำธุระอยู่เท่าไรนัก บัดนี้เมื่อนางเรียกเขาไป แน่นอนว่าจะต้องมีบางอย่างผิดปกติ
เมื่อนึกขึ้นได้ว่าพระชายาฉีอ๋องเพิ่งจะกลับมาจากจวนเยี่ยนอ๋อง ฉีอ๋องจึงเข้าใจได้ทันทีว่าเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับเยี่ยนอ๋องอย่างแน่นอน
ช่วงนี้ทุกเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเจ้าเจ็ด มักจะทำให้เขารู้สึกอึดอัดเสมอ ในครั้งนี้ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องใดอีก
ฉีอ๋องรีบตรงไปอย่างรวดเร็ว เขามองเห็นความรู้สึกอันซับซ้อนในแววตาของพระชายาฉีอ๋อง
“เป็นอะไรไปหรือ”
พระชายาฉีอ๋องส่งสัญญาณให้บ่าวรับใช้ออกไปรอข้างนอก ก่อนจะเม้มริมฝีปากเล็กน้อยกล่าวว่า “ท่านอ๋อง ทราบหรือไม่ว่าพิธีทำขวัญที่จัดขึ้นในจวนเยี่ยนอ๋องวันนี้เกิดเรื่องใดขึ้น”
“เจ้ารีบเล่ามาสิ ข้าจะรู้ได้อย่างไรเล่า” ฉีอ๋องขมวดคิ้วขึ้น
ไม่ใช่เรื่องดี ไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน!
แววตาของพระชายาฉีอ๋องดูซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ นางกล่าวขึ้นอย่างช้าๆ ว่า “เสด็จพ่อประทานยศให้แก่พระธิดาคนโตของเยี่ยนอ๋องเป็นเหอซูจวิ้นจู่”
ฉีอ๋องได้แต่ตกตะลึง
เหอซูจวิ้นจู่?
เขายกมือขึ้นลูบไปยังใบหน้าของตนเอง ฉีอ๋องกล่าวออกมาด้วยความดุเดือดว่า “เสด็จพ่อโง่งมหรืออย่างไร!”
ในสายตาคนทั่วไป ฉีอ๋องคือผู้ที่มีความสงบสุขและสุภาพยิ่งนัก เขาไม่เคยเสียมารยาทเช่นนี้มาก่อน
สีหน้าของพระชายาฉีอ๋องเปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนจะกระซิบว่า “ท่านอ๋องโปรดระวังวาจา”
ต่อให้จะรู้สึกว่าฮ่องเต้ชราเสียจนสับสน ก็ไม่ควรกล่าวออกมา
“ท่านอ๋อง ท่านว่าเสด็จพ่อคิดอย่างไรกันจึงแต่งตั้งยศให้แก่ทารกที่เพิ่งถือกำเนิดได้เพียงสามวันเช่นนี้มีที่ไหน…”
ฉีอ๋องนวดไปที่ขมับแล้วพยายามกล่าวอย่างใจเย็นว่า “ดูเหมือนเสด็จพ่อยังเห็นแก่ผลงานของเจ้าเจ็ดที่สร้างไว้ในอำเภอเฉียนเหอ”
เมื่อกล่าวถึงผลงานของอวี้จิ่นในอำเภอเฉียนเหออันโดดเด่น ประกอบกับบัดนี้ชื่อเสียงอันดีงามของเขาเผยแพร่ไปทั่วหมู่ประชาชน พระชายาฉีอ๋องก็ไม่ได้ที่จะแอบคิดในใจว่า หากผู้ที่เดินทางไปอำเภอเฉียนเหอในครานั้นเป็นท่านอ๋อง เกรงว่าคงไม่อาจจะสร้างผลงานได้ดีเท่าเยี่ยนอ๋อง
ฉีอ๋องสงบสติอารมณ์แล้วกลับรู้สึกว่าเป็นเรื่องดี “เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงแค่บุตรีคนหนึ่ง แต่งตั้งก็จงแต่งตั้งไปเถิด อีกอย่าง ต่อให้จะพิเศษหรือสูงส่งเพียงใดก็เป็นเพียงแค่จวิ้นจู่ ยังดีกว่าให้เสด็จพ่อจดจำคุณงามความดีของเจ้าเจ็ดนั้นเอาไว้ในใจแล้วชดเชยให้เขาในด้านอื่น”
“ท่านอ๋องกล่าวได้ถูกต้องแล้วเพคะ”
ฉีอ๋องเหลือบมองไปทางพระชายาและถอนหายใจออกมาว่า “ตัวเจ้าเองก็อย่าได้มัวแต่จับตามองดูเรื่องเหล่านี้ รักษาสุขภาพร่างกายให้ดีแล้วรีบให้กำเนิดบุตรแก่ข้าสักทีเถิด เรื่องนี้สำคัญกว่าไหนๆ”
พระชายาฉีอ๋องสะท้านไปทั้งร่าง นางพยักหน้าเบาๆ แต่ในใจนั้นช่างขมขื่น
แม้ว่าหลังจากนางแท้งบุตร สุขภาพจะดีขึ้นมากแล้วก็ตาม แต่รอบเดือนของนางไม่ปกตินัก หากต้องการตั้งครรภ์อีกครั้งคาดว่าร่างกายคงไม่อาจฟื้นตัวได้ในเวลาอันสั้น
เมื่อนึกถึงเรื่องราวเหล่านี้ พระชายาฉีอ๋องก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาแล้วฝืนยิ้มว่า “ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันได้เลือกสาวใช้ห้องข้างที่ดูฉลาดหลักแหลมไว้ให้ท่านสองคน ท่านลองเลือกดูหน่อยหรือไม่ว่าคืนนี้จะให้ผู้ใดไปดูแลรับใช้ท่านดี”
ฉีอ๋องไม่รู้สึกสนใจสาวใช้ห้องข้างที่พระชายาฉีอ๋องเลือกมาให้ เขาเพียงกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “สตรีที่คัดเลือกมาให้ข้าก่อนหน้านี้ล้วนเหมือนกันหมด ล้วนให้กำเนิดแต่บุตรสาว พระชายาอย่าได้เข้มงวดไป ลองเลือกผู้ที่มีลักษณะโดดเด่นมาให้ข้าเลือกสักคนสองคนเป็นอย่างไร”
บรรดาสาวใช้ห้องข้างที่หลี่ซื่อคัดเลือกมาให้เขาล้วนเป็นผู้ที่มีหน้าตาธรรมดา ปรุงแต่งด้วยเครื่องประทินโฉม พวกนางไม่อาจให้กำเนิดบุตรชายได้ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญก็คือบุตรสาวแต่ละคนล้วนเหมือนกับมารดา ไม่มีคนใดที่โดดเด่นเลย เขานึกถึงอนาคตอีกสิบปีข้างหน้าหัวใจดวงนั้นก็ห่อเหี่ยว
จะว่าไปแล้วนางก็เพียงทำเป็นใจดีเท่านั้น แท้จริงคงไม่กล้าจะจัดหาสาวใช้ห้องข้างซึ่งมีหน้าตางดงามแก่เขา
ฉีอ๋องคิดถึงเรื่องราวเหล่านี้ขึ้นมาได้ก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจพระชายาฉีอ๋องมากขึ้นกว่าเดิม แต่สีหน้าไม่ได้ปรากฏสิ่งใดออกมา
มือทั้งสองข้างซึ่งอยู่ในแขนเสื้อของพระชายาฉีอ๋องกำแน่น ใบหน้าของนางเผยรอยยิ้มจางๆ ขึ้นมา “หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ”
“เช่นนั้นข้าขอตัวไปห้องหนังสือก่อน พระชายาไปพักผ่อนเถิด”
เมื่อกลับไปยังห้องหนังสืออีกครั้ง ฉีอ๋องก็ได้เล่าเรื่องที่บุตรีคนโตของเยี่ยนอ๋องได้รับการแต่งตั้งให้แก่เสนาธิการฟัง
เสนาธิการผู้นั้นลูบไปที่เครายาวแล้วตอบว่า “ท่านอ๋องอย่าได้ใส่ใจสิ่งเหล่านี้เลย เยี่ยนอ๋องเป็นโอรสในอันดับที่เจ็ด ไม่ว่าเรื่องใดล้วนจะต้องอยู่หลังท่านอ๋องเสมอ บัดนี้ท่านอ๋องมีเพียงเรื่องเดียวที่ควรจะทำนั่นก็คือจัดการกับผู้อยู่ตำแหน่งนั้นเสีย…”
ฉีอ๋องพยักหน้าเงียบๆ
“ท่านเสนาธิการกล่าวได้ถูกต้องแล้ว” องค์รัชทายาทจึงจะเป็นผู้ที่กีดขวางเขามากที่สุด ตราบใดที่ยังคงนั่งอยู่ในตำแหน่งนั้น คนอื่นๆ ก็ทำได้เพียงจ้องมองด้วยความว่างเปล่า
หากต้องการจะหาเรื่องใครบางคนก็ควรจะต้องหาข้อบกพร่องของเขาหยิบยกออกมา โชคดีเหลือเกินที่องค์รัชทายาทผู้โง่เง่านั่นมีข้อเสียเต็มไปหมด จนไม่รู้ว่าควรจะเริ่มลงมือจากเรื่องใดก่อนดี
ค่อยๆ ทำทีละขั้นตอนก็แล้วกัน
ในเดือนหกนี้ยังมีอีกหนึ่งเรื่องเรื่องราวที่เกิดขึ้น
วันเกิดของอวี้จิ่นอยู่ในเดือนหก บัดนี้เขาก็มีอายุครบยี่สิบปีแล้ว ถึงเวลาที่จะทำพิธีสวมหมวก เมื่อชายหนุ่มทำพิธีสวมหมวก นั่นก็หมายความว่าได้เข้าสู่ช่วงผู้ใหญ่อย่างแท้จริง
พิธีสวมกวนขององค์ชายจะต้องถูกจัดอยู่ในวัดไท่ พิธีต่างๆ ช่างซับซ้อนและเคร่งขรึม ไม่ต้องกล่าวถึงรายละเอียดต่างๆ
เดือนหกผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วพริบตา จวนเยี่ยนอ๋องก็ได้ดำเนินมาถึงวันที่ต้องจัดงานครบรอบอายุหนึ่งเดือนของเหอซูจวิ้นจู่
พิธีนี้แตกต่างกับพิธีทำขวัญซึ่งเชิญชวนแต่ญาติสนิท งานครบรอบหนึ่งเดือนนี้จะต้องเชิญแขกมามากมาย
ในครั้งนี้แม้แต่องค์รัชทายาทเองก็ได้เสด็จมาด้วย ทุกคนพร้อมใจหันไปมองทางเจียงซื่อ จากนั้นก็มองไปยังเด็กน้อยซึ่งอยู่ในอ้อมกอดของมารดา
พระชายาเยี่ยนอ๋องอ่อนช้อยสง่างามหรือ
เหตุใดฝ่าบาทจึงสามารถตรัสคำที่ขัดต่อความเป็นจริงเช่นนี้ออกมาได้
ส่วนที่ว่าพระธิดาน้อยได้ความงดงามมาจากมารดาก็ช่างน่าขันยิ่งนัก ฝ่าบาทยังไม่เคยเห็นทารกคนนี้แม้แต่ปลายนิ้วเสียด้วยซ้ำ
เจ้าหนูเกิดมาได้เพียงแค่สามวันแต่ก็ได้รับการแต่งตั้งยศให้เป็นจวิ้นจู่แล้ว ดูเหมือนสิ่งที่นางได้รับแทบจะเทียบเท่ากับองค์หญิงก็ว่าได้
อย่าว่าแต่พระชายาฉีอ๋องเลย แม้แต่พระฉายาคนอื่นซึ่งโดยมากล้วนเป็นเด็กผู้หญิง บัดนี้ต่างพากันยิ้มขึ้นด้วยท่าทางอันแข็ง
อะไรกัน! การกระทำอันน่าตกตะลึงของฮ่องเต้ครั้งนี้ต้องการจะให้พวกนางริษยาเสียจนบ้าคลั่งหรือไร
เมื่อพบว่าบรรยากาศเปลี่ยนไปดูแปลกประหลาดเล็กน้อย เสี่ยวเล่อจื่อจึงได้กระแอมออกมาแล้วกล่าวต่อไปว่า “พระชายาเยี่ยนอ๋อง รับพระราชโองการแทนเสี่ยวจวิ้นจู่เถิด”
เจียงซื่อเอื้อมมือออกไปรับพระราชโองการนั้นแล้วทำการคารวะ
“พระชายาอ๋องลุกขึ้นเถิด ข้าเองก็จะกลับไปรายงานฝ่าบาทเช่นกัน” เสี่ยวเล่อจื่อหรี่ตายิ้มขึ้น สายตาเหลือบไปมองดูอาฮวน
ไม่รู้ว่าทารกน้อยผู้นี้มีความพิเศษใด จึงทำให้ฮ่องเต้ประทานยศให้ตั้งแต่ยังเล็กเช่นนี้ อย่าว่าแต่บรรดาชนชั้นสูงเหล่านี้เลย แม้แต่ตัวเขาเองก็รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก
“ขอบพระคุณกงกงที่ลำบากเดินทางมา” เจียงซื่อส่งสายตาเป็นสัญญาณให้แก่อาเฉี่ยว
อาเฉี่ยวรีบก้าวเข้ามารับถุงเงินแล้วนำไปยื่นให้แก่เสี่ยวเล่อจื่อ
“อะแฮ่มๆ เสี่ยวจวิ้นจู่เพิ่งจะถือกำเนิดออกมา ก็ได้รับความนิยมชมชอบจากฝ่าบาท ขอแสดงความยินดีกับพระชายาอ๋องยิ่งนัก” องค์หญิงคนหนึ่งซึ่งออกเรือนแล้วกระแอมขึ้นขัดบรรยากาศอันพิลึกเมื่อสักครู่
ผู้คนที่อยู่ ณ ที่นั้นทั้งหลายซึ่งเมื่อครู่ชะงักลงราวกับวิญญาณหลุดจากร่าง บัดนี้เพิ่งได้สติกลับคืนมาแล้วจัดการกับอารมณ์ อันซับซ้อนของตนเอง ก่อนที่จะพากันทยอยเข้ามาแสดงความยินดีต่อเจียงซื่อ
จนกระทั่งพวกเขาทั้งหลายกลับไปที่จวนของตนเอง อารมณ์ซับซ้อนเหล่านั้นก็ยังคงไม่จางหายไป
……
ณ เรือนฉือซินแห่งจวนตงผิงปั๋ว เฝิงเหล่าฮูหยินได้ยินกัวซื่อกล่าวให้นางฟังเช่นนั้นก็รีบลุกขึ้นยืนทันใด “เจ้าว่าอย่างไรนะ ฮ่องเต้ประทานยศจวิ้นจู่ให้แก่บุตรีของพระชายาเยี่ยนอ๋อง?”
กัวซื่อก้มหน้าลงเล็กน้อยกล่าวว่า “ในตอนนั้นลูกเองก็นั่งอยู่ในห้องโถงด้วย และเห็นพระชายาเยี่ยนอ๋องรับพระราชโองการมาด้วยตนเอง”
หากว่านางเห็นเจียงซื่อเอื้อมมือไปรับพระราชโองการด้วยตนเอง คาดว่าคงไม่ใช่เรื่องโกหกแน่
เฝิงเหล่าฮูหยินนั่งลงอย่างช้าๆ แววตาดูคลุมเครือ
นางแก่เกินไปหรือนางไม่เข้าใจสัจธรรมในโลกนี้อย่างเพียงพอกันแน่
เจียงซื่อเจ้าหนูนั่นแม้จะได้เสกสมรสเข้าไปในจวนอ๋อง และสร้างหน้าตาชื่อเสียงให้แก่นางไม่น้อย แต่นางก็รู้สึกเป็นกังวลใจเสมอมา ด้วยเกรงว่าจากนิสัยของเจ้าหนูคนนี้สักวันจะสร้างปัญหามาให้
แม้จะกล่าวว่าบุตรสาวที่ออกเรือนไปแล้วไม่ต่างอันใดกับน้ำที่ถูกสาดลงพื้น แต่การได้สมรสกับเชื้อพระวงศ์นั้นแตกต่างกัน หากทำผิดขึ้นมาละก็ ตระกูลเก่าของนางก็คงจะต้องถูกลงโทษด้วย
มีบทเรียนเช่นพระชายาจิ้นอ๋องกองอยู่ตรงหน้า ทุกคนล้วนเห็น
คนในตระกูลจิ้นอ๋องเดินทางไปเฝ้าสุสานจักรพรรดิเป็นเวลาไม่นาน จากนั้นบิดาของพระชายาจิ้นอ๋องก็ถูกลดตำแหน่งลง เขาได้พาทุกคนในตระกูลเดินทางออกจากเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยความสิริรุ่งโรจน์แห่งนี้ ไปเป็นขุนนางท้องถิ่น
แต่เหตุใดเจียงซื่อจึงมีเรื่องที่นางคาดไม่ถึงเกิดขึ้นอยู่เรื่อย
ฮ่องเต้เอ่ยชมว่าหนูสี่สง่างามอ้อนช้อย? เฝิงเหล่าฮูหยินคิดไปพลางส่ายหน้า
คนที่คิดไม่ตกยิ่งกว่าเฝิงเหล่าฮูหยินก็คือพระชายาฉีอ๋อง
ในตอนนั้นฉีอ๋องยังไม่ได้รับข่าวนี้ เขากำลังนั่งสนทนากับเสนาธิการอยู่ จู่ๆ ก็มีข้าหลวงเข้ามารายงานว่า “ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ พระชายาเสด็จกลับมาแล้ว กล่าวว่าเชิญท่านเดินทางไปพบนาง”
ฉีอ๋องขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว
แต่ไหนแต่ไรมา หลี่ซื่อรู้จักกาลเทศะเสมอ นางไม่ค่อยรบกวนขณะที่เขาทำธุระอยู่เท่าไรนัก บัดนี้เมื่อนางเรียกเขาไป แน่นอนว่าจะต้องมีบางอย่างผิดปกติ
เมื่อนึกขึ้นได้ว่าพระชายาฉีอ๋องเพิ่งจะกลับมาจากจวนเยี่ยนอ๋อง ฉีอ๋องจึงเข้าใจได้ทันทีว่าเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับเยี่ยนอ๋องอย่างแน่นอน
ช่วงนี้ทุกเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเจ้าเจ็ด มักจะทำให้เขารู้สึกอึดอัดเสมอ ในครั้งนี้ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องใดอีก
ฉีอ๋องรีบตรงไปอย่างรวดเร็ว เขามองเห็นความรู้สึกอันซับซ้อนในแววตาของพระชายาฉีอ๋อง
“เป็นอะไรไปหรือ”
พระชายาฉีอ๋องส่งสัญญาณให้บ่าวรับใช้ออกไปรอข้างนอก ก่อนจะเม้มริมฝีปากเล็กน้อยกล่าวว่า “ท่านอ๋อง ทราบหรือไม่ว่าพิธีทำขวัญที่จัดขึ้นในจวนเยี่ยนอ๋องวันนี้เกิดเรื่องใดขึ้น”
“เจ้ารีบเล่ามาสิ ข้าจะรู้ได้อย่างไรเล่า” ฉีอ๋องขมวดคิ้วขึ้น
ไม่ใช่เรื่องดี ไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน!
แววตาของพระชายาฉีอ๋องดูซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ นางกล่าวขึ้นอย่างช้าๆ ว่า “เสด็จพ่อประทานยศให้แก่พระธิดาคนโตของเยี่ยนอ๋องเป็นเหอซูจวิ้นจู่”
ฉีอ๋องได้แต่ตกตะลึง
เหอซูจวิ้นจู่?
เขายกมือขึ้นลูบไปยังใบหน้าของตนเอง ฉีอ๋องกล่าวออกมาด้วยความดุเดือดว่า “เสด็จพ่อโง่งมหรืออย่างไร!”
ในสายตาคนทั่วไป ฉีอ๋องคือผู้ที่มีความสงบสุขและสุภาพยิ่งนัก เขาไม่เคยเสียมารยาทเช่นนี้มาก่อน
สีหน้าของพระชายาฉีอ๋องเปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนจะกระซิบว่า “ท่านอ๋องโปรดระวังวาจา”
ต่อให้จะรู้สึกว่าฮ่องเต้ชราเสียจนสับสน ก็ไม่ควรกล่าวออกมา
“ท่านอ๋อง ท่านว่าเสด็จพ่อคิดอย่างไรกันจึงแต่งตั้งยศให้แก่ทารกที่เพิ่งถือกำเนิดได้เพียงสามวันเช่นนี้มีที่ไหน…”
ฉีอ๋องนวดไปที่ขมับแล้วพยายามกล่าวอย่างใจเย็นว่า “ดูเหมือนเสด็จพ่อยังเห็นแก่ผลงานของเจ้าเจ็ดที่สร้างไว้ในอำเภอเฉียนเหอ”
เมื่อกล่าวถึงผลงานของอวี้จิ่นในอำเภอเฉียนเหออันโดดเด่น ประกอบกับบัดนี้ชื่อเสียงอันดีงามของเขาเผยแพร่ไปทั่วหมู่ประชาชน พระชายาฉีอ๋องก็ไม่ได้ที่จะแอบคิดในใจว่า หากผู้ที่เดินทางไปอำเภอเฉียนเหอในครานั้นเป็นท่านอ๋อง เกรงว่าคงไม่อาจจะสร้างผลงานได้ดีเท่าเยี่ยนอ๋อง
ฉีอ๋องสงบสติอารมณ์แล้วกลับรู้สึกว่าเป็นเรื่องดี “เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงแค่บุตรีคนหนึ่ง แต่งตั้งก็จงแต่งตั้งไปเถิด อีกอย่าง ต่อให้จะพิเศษหรือสูงส่งเพียงใดก็เป็นเพียงแค่จวิ้นจู่ ยังดีกว่าให้เสด็จพ่อจดจำคุณงามความดีของเจ้าเจ็ดนั้นเอาไว้ในใจแล้วชดเชยให้เขาในด้านอื่น”
“ท่านอ๋องกล่าวได้ถูกต้องแล้วเพคะ”
ฉีอ๋องเหลือบมองไปทางพระชายาและถอนหายใจออกมาว่า “ตัวเจ้าเองก็อย่าได้มัวแต่จับตามองดูเรื่องเหล่านี้ รักษาสุขภาพร่างกายให้ดีแล้วรีบให้กำเนิดบุตรแก่ข้าสักทีเถิด เรื่องนี้สำคัญกว่าไหนๆ”
พระชายาฉีอ๋องสะท้านไปทั้งร่าง นางพยักหน้าเบาๆ แต่ในใจนั้นช่างขมขื่น
แม้ว่าหลังจากนางแท้งบุตร สุขภาพจะดีขึ้นมากแล้วก็ตาม แต่รอบเดือนของนางไม่ปกตินัก หากต้องการตั้งครรภ์อีกครั้งคาดว่าร่างกายคงไม่อาจฟื้นตัวได้ในเวลาอันสั้น
เมื่อนึกถึงเรื่องราวเหล่านี้ พระชายาฉีอ๋องก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาแล้วฝืนยิ้มว่า “ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันได้เลือกสาวใช้ห้องข้างที่ดูฉลาดหลักแหลมไว้ให้ท่านสองคน ท่านลองเลือกดูหน่อยหรือไม่ว่าคืนนี้จะให้ผู้ใดไปดูแลรับใช้ท่านดี”
ฉีอ๋องไม่รู้สึกสนใจสาวใช้ห้องข้างที่พระชายาฉีอ๋องเลือกมาให้ เขาเพียงกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “สตรีที่คัดเลือกมาให้ข้าก่อนหน้านี้ล้วนเหมือนกันหมด ล้วนให้กำเนิดแต่บุตรสาว พระชายาอย่าได้เข้มงวดไป ลองเลือกผู้ที่มีลักษณะโดดเด่นมาให้ข้าเลือกสักคนสองคนเป็นอย่างไร”
บรรดาสาวใช้ห้องข้างที่หลี่ซื่อคัดเลือกมาให้เขาล้วนเป็นผู้ที่มีหน้าตาธรรมดา ปรุงแต่งด้วยเครื่องประทินโฉม พวกนางไม่อาจให้กำเนิดบุตรชายได้ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญก็คือบุตรสาวแต่ละคนล้วนเหมือนกับมารดา ไม่มีคนใดที่โดดเด่นเลย เขานึกถึงอนาคตอีกสิบปีข้างหน้าหัวใจดวงนั้นก็ห่อเหี่ยว
จะว่าไปแล้วนางก็เพียงทำเป็นใจดีเท่านั้น แท้จริงคงไม่กล้าจะจัดหาสาวใช้ห้องข้างซึ่งมีหน้าตางดงามแก่เขา
ฉีอ๋องคิดถึงเรื่องราวเหล่านี้ขึ้นมาได้ก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจพระชายาฉีอ๋องมากขึ้นกว่าเดิม แต่สีหน้าไม่ได้ปรากฏสิ่งใดออกมา
มือทั้งสองข้างซึ่งอยู่ในแขนเสื้อของพระชายาฉีอ๋องกำแน่น ใบหน้าของนางเผยรอยยิ้มจางๆ ขึ้นมา “หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ”
“เช่นนั้นข้าขอตัวไปห้องหนังสือก่อน พระชายาไปพักผ่อนเถิด”
เมื่อกลับไปยังห้องหนังสืออีกครั้ง ฉีอ๋องก็ได้เล่าเรื่องที่บุตรีคนโตของเยี่ยนอ๋องได้รับการแต่งตั้งให้แก่เสนาธิการฟัง
เสนาธิการผู้นั้นลูบไปที่เครายาวแล้วตอบว่า “ท่านอ๋องอย่าได้ใส่ใจสิ่งเหล่านี้เลย เยี่ยนอ๋องเป็นโอรสในอันดับที่เจ็ด ไม่ว่าเรื่องใดล้วนจะต้องอยู่หลังท่านอ๋องเสมอ บัดนี้ท่านอ๋องมีเพียงเรื่องเดียวที่ควรจะทำนั่นก็คือจัดการกับผู้อยู่ตำแหน่งนั้นเสีย…”
ฉีอ๋องพยักหน้าเงียบๆ
“ท่านเสนาธิการกล่าวได้ถูกต้องแล้ว” องค์รัชทายาทจึงจะเป็นผู้ที่กีดขวางเขามากที่สุด ตราบใดที่ยังคงนั่งอยู่ในตำแหน่งนั้น คนอื่นๆ ก็ทำได้เพียงจ้องมองด้วยความว่างเปล่า
หากต้องการจะหาเรื่องใครบางคนก็ควรจะต้องหาข้อบกพร่องของเขาหยิบยกออกมา โชคดีเหลือเกินที่องค์รัชทายาทผู้โง่เง่านั่นมีข้อเสียเต็มไปหมด จนไม่รู้ว่าควรจะเริ่มลงมือจากเรื่องใดก่อนดี
ค่อยๆ ทำทีละขั้นตอนก็แล้วกัน
ในเดือนหกนี้ยังมีอีกหนึ่งเรื่องเรื่องราวที่เกิดขึ้น
วันเกิดของอวี้จิ่นอยู่ในเดือนหก บัดนี้เขาก็มีอายุครบยี่สิบปีแล้ว ถึงเวลาที่จะทำพิธีสวมหมวก เมื่อชายหนุ่มทำพิธีสวมหมวก นั่นก็หมายความว่าได้เข้าสู่ช่วงผู้ใหญ่อย่างแท้จริง
พิธีสวมกวนขององค์ชายจะต้องถูกจัดอยู่ในวัดไท่ พิธีต่างๆ ช่างซับซ้อนและเคร่งขรึม ไม่ต้องกล่าวถึงรายละเอียดต่างๆ
เดือนหกผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วพริบตา จวนเยี่ยนอ๋องก็ได้ดำเนินมาถึงวันที่ต้องจัดงานครบรอบอายุหนึ่งเดือนของเหอซูจวิ้นจู่
พิธีนี้แตกต่างกับพิธีทำขวัญซึ่งเชิญชวนแต่ญาติสนิท งานครบรอบหนึ่งเดือนนี้จะต้องเชิญแขกมามากมาย
ในครั้งนี้แม้แต่องค์รัชทายาทเองก็ได้เสด็จมาด้วย