ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 605 ค้นตงกง
ฮองเฮามองหน้าพระชายาไท่จื่อ
ใบหน้าของพระชายาไท่จื่อขาดเลือดโดยสิ้นเชิง ความสงบนิ่งในตามิใช่ความสงบจากภายใน แต่เป็นความพยายามเข้มแข็งก่อนที่ทุกอย่างจะพังทลาย
ไม่มีผู้ใดทนรับผลลัพธ์ของการทำหุ่นไม้คุณไสยใส่ฮ่องเต้ได้
ฮองเฮาคิดและตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว “ตามข้าไปพบฝ่าบาท!”
ในตอนนั้น จิ่งหมิงฮ่องเต้ยังไม่เข้าบรรทม
แม้ความเจ็บปวดเมื่อช่วงกลางวันจะทุกข์ทรมานแสนสาหัสจนไร้เรี่ยวแรง แต่อาการเจ็บแปลบที่บริเวณหัวใจยังคงกำเริบอยู่เนืองๆ เขาจึงนอนหลับไม่สนิท
จิ่งหมิงฮ่องเต้วางมือทาบอกพร้อมกับความรู้สึกหนักอึ้ง
หากพวกหมอหลวงไร้ความสามารถ อาการของเขาก็คงไม่อาจกลับมาดี เช่นนั้นเขาคงต้องรีบปลดไท่จื่อ และพิจารณาตำแหน่งขุนนางที่ทำหน้าที่บริหารงานราชสำนักเสียใหม่
แต่หากเขาปลดไท่จื่อตอนที่กำลังป่วยหนักเช่นนี้ เหล่าขุนนางคงไม่ยอมให้ปล่อยตำแหน่งองค์รัชทายาทว่างไว้เช่นนั้น ดังนั้นจึงต้องมีการเลือกไท่จื่อคนใหม่
และเมื่อเคยผ่านการปลดและการแต่งตั้งใหม่มาแล้วครั้งหนึ่ง หากจะปลดอีก เขาคงไม่สามารถเลือกตามความพอใจของตัวเองได้อีกแล้ว
โอรสพวกนั้นต่างก็มีทั้งข้อดีและข้อด้อย เขาไม่อยากเลือกแบบขอไปทีแล้วมานั่งเสียใจภายหลังอย่างที่ผ่านมา
ในวินาทีนั้น จิ่งหมิงฮ่องเต้รู้ซึ้งถึงคำที่ว่า เวลาไม่เคยรอใคร
เป็นเพราะไท่จื่อตัวดีนั่นแท้ๆ เขาเป็นห่วงจิตใจของเขามากเกินไป เสียดายก็แต่พระชายาไท่จื่อที่เปี่ยมล้นไปด้วยคุณธรรม และเด็กฉลาดปราดเปรื่องอย่างฉุนเกอเอ๋อร์…
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ จิ่งหมิงฮ่องเต้ก็ใจเต้นรัว
หรือว่าปลดไท่จื่อและสถาปนาไท่ซุนไปเลย?
ฉุนเกอเอ๋อร์เป็นเด็กดี อนาคตคงไม่ทำตัวโง่เง่าไม่เอาถ่านอย่างผู้เป็นบิดา ติดก็แต่ฉุนเกอเอ๋อร์ยังเด็ก ส่วนพวกอาๆ ก็ยังหนุ่มยังแน่น หากเขาทอดทิ้งบุตร และแต่งตั้งหลานชายขึ้นมาแทน เกรงว่าอาจทิ้งหายนะไว้ให้รุ่นหลาน
จิ่งหมิงฮ่องเต้ใคร่ครวญ พลางรับรู้ได้ว่าสมองกำลังพองบวมราวกับถังใส่น้ำ
พานไห่สับเท้าเข้ามา “ฝ่าบาท ฮองเฮาเหนียงเหนียงและพระชายาไท่จื่อมาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
หนังตาของจิ่งหมิงฮ่องเต้กระตุกวูบ เขาตอบเสียงครึ้ม “ให้เข้ามา”
ฮองเฮาและพระชายาไท่จื่อมาขอเข้าเฝ้ายามนี้หากเป็นเรื่องดีก็แปลกเต็มที แทบจะมั่นใจได้เลยว่าไอ้ไท่จื่อตัวดีคงไปก่อเรื่องใดไว้เป็นแน่
ฮองเฮาเดินนำพระชายาไท่จื่อเข้ามา
“ฮองเฮามีธุระอันใดหรือ” จิ่งหมิงฮ่องเต้ถามพลางชำเลืองมองไปที่พระชายาไท่จื่อ
ฮองเฮาลังเลชั่วอึดใจก่อนจะเอ่ย “เมื่อสักครู่ มีนางในของตงกงมารายงานพระชายาไท่จื่อเรื่องหนึ่งเพคะ…”
พระชายาไท่จื่อมองไปที่ฮองเฮาด้วยสายตาแห่งความซาบซึ้ง
ไม่ว่าฮ่องเต้จะตัดสินพระทัยเช่นไร แต่การที่ฮองเฮาตรัสเช่นนี้ก็เท่ากับเป็นการดึงนางออกมาจากวังวนนั้นแล้ว
แน่นอนว่า หากรังพลิกคว่ำ ไข่ก็ไม่อาจสมบูรณ์ดังเดิม การที่นางจะถูกลากเข้าไปด้วยเป็นสิ่งที่นางไม่อาจหลีกเลี่ยง เพียงแต่ตอนนี้นางต้องทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องฉุนเกอเอ๋อร์
ครั้นจิ่งหมิงฮ่องเต้ได้ยินเช่นนั้น สีพระพักตร์ก็คล้ำหม่นลงทันใด
นางในในตงกงทำคุณไสยใส่เขางั้นหรือ
แม้ฟังดูอาจเป็นเรื่องไร้สาระ แต่อาการเจ็บแปลบที่ทรวงอกนั้นเกิดขึ้นจริง มิได้เป็นการเสแสร้งแกล้งทำ หากให้เชื่อว่าเป็นโรคร้ายที่เกิดขึ้นปุบปับฉับพลัน เขาขอเชื่อว่ามีคนใช้อาคมทำของใส่เขามากกว่า
ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นย่อมทิ้งบทเรียนเอาไว้ เดิมทีหากไม่เรื่องของตั่วหมัวมัว จิ่งหมิงฮ่องเต้คงไม่มีทางนึกถึงเรื่องนี้ แต่ทว่าตอนนี้ จะให้ไม่คิดคงไม่ได้
“แล้วนางในที่แกะสลักหุ่นไม้อยู่ที่ใด”
พระชายาไท่จื่อหลุบตาพลางตอบ “เมื่อกลางวันมีคนมารายงานว่านางล้มป่วยกะทันหัน เสียชีวิตแล้วเพคะ ตอนนี้ศพของนางถูกนำออกจากวังหลวงแล้วเพคะ…”
จิ่งหมิงฮ่องเต้กัดฟันกรอด แผดเสียงดังลั่น “พานไห่…”
“บ่าวอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ”
“ส่งคนไปสืบสาเหตุการตายของนางในบัดเดี๋ยวนี้!”
ในวังหลวง ร่างของนางในที่เสียชีวิตไม่อาจนำกลับไปฝั่งไว้ที่บ้านของพวกนาง ทันทีที่เสียชีวิต ศพของพวกนางจะถูกนำออกจากวังไปเผาที่จิ้งเล้อถังซึ่งอยู่ในเขตชานเมือง
จิ้งเล้อถังมิได้เป็นพื้นที่โล่งกว้าง แต่เป็นบ่อลึกสองบ่อ เถ้ากระดูกของนางในจะถูกนำไปโปรยลงในบ่อนั้น ซึ่งถือว่าเป็นจุดสิ้นสุดของชีวิตนางใน
ร่างของนางในคนนั้นเพิ่งถูกนำออกไปเมื่อช่วงกลางวัน ตอนนี้คงยังไม่กลายเป็นเถ้าถ่าน
พานไห่รีบสั่งคนไปสืบ
จิ่งหมิงฮ่องเต้เกรี้ยวกราดหนักกว่าเก่าก่อนจะถาม “แล้วนางในที่เปิดโปงเรื่องนี้เล่า”
ไม่นานหงอวี้ก็มาคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าจิ่งหมิงฮ่องเต้
“ในเมื่อเจ้ารู้ว่ามีคนใช้อาคมปลุกเสกหุ่นไม้ แล้วเจ้าทราบหรือไม่ว่าหุ่นนั้นถูกฝังอยู่ที่ใด” จิ่งหมิงฮ่องเต้ถาม
จิ่งหมิงฮ่องเต้สงสัยในรายละเอียดเกี่ยวกับนางในที่เป็นคนเปิดเผยความลับ
เหตุใดถึงได้มีเรื่องบังเอิญเช่นนี้ นางในที่แกะสลักหุ่นไม้กลับถูกนางในจากหมู่บ้านเดียวกันจับได้
หากให้เชื่ออย่างสนิทใจว่านางในผู้นี้มิได้มีปัญหาใด ตำแหน่งจักรพรรดิสิบกว่าปีของเขาคงสูญเปล่า
เพียงแต่นี่จะมิใช่เวลามาซักไซ้ เพราะการหาหุ่นไม้ให้เจอสำคัญยิ่งกว่า
“โดยปกติแล้วหุ่นนั้นจะถูกฝังไว้ใกล้ๆ กับผู้ใช้อาคม แต่ฝังอยู่ที่ใด บ่าวก็ไม่ทราบแน่ชัด จริงอยู่ที่หมู่บ้านของบ่าวมีเรื่องเช่นนี้ แต่ทว่าโดยมากมักเป็นเพียงข่าวลือ คนธรรมดาทั่วไปไม่ทราบรายละเอียดปลีกย่อยเพคะ…”
ใบหน้าคร่ำเคร่งของจิ่งหมิงฮ่องเต้หันไปทางพานไห่ “รีบส่งคนไปค้นที่ตงกงเดี๋ยวนี้ ค้นให้ทั่ว ต่อให้ต้องพลิกผืนดินหาก็ตาม!”
พานไห่ตอบรับขันแข็งแล้วจึงหมุนตัวเตรียมจะออกไป
การเข้าไปค้นที่ตำหนักบูรพา เขาที่เป็นสายตรวจลับในหน่วยงานบูรพาควรไปด้วยตัวเอง
ขณะที่เดินไปถึงประตู เขาได้ยินเสียงฮ่องเต้ถามไล่หลัง “พระชายาไท่จื่อ นางในสองคนนี้ทำงานส่วนใด”
ความเงียบคั่นกลางชั่วอึดใจ พระชายาไท่จื่อเอ่ยตอบ “ทั้งคู่มีหน้าที่ปรนนิบัติไท่จื่อเพคะ…”
พานไห่ชะงักฝีเท้าก่อนจะรีบเดินออกไป
บนท้องฟ้าเมฆดำมลอยเคลื่อน ไร้จันทร์ ไร้ดาว บรรยากาศโดยรอบหดหู่ชวนเศร้าซึม
พานไห่เงยหน้ามองฟ้า พลางพ่นลมหายใจพรูยาว
ฟ้าเปลี่ยนไปเพียงนี้ เห็นทีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่กำลังมาใกล้แล้ว
สีหน้าของข้าหลวงอาวุโสหมองคล้ำ เขามุ่งหน้าไปทางตำหนักบูรพา ไม่นานร่างของเขาก็หายวับไปในความมืด
เขาเป็นข้าหลวงที่ฮ่องเต้วางใจมากที่สุด เมื่อฝ่าบาทถูกลอบทำร้ายหมายจะเอาชีวิต เขาก็พร้อมจะยืนเคียงข้างองค์จักรพรรดิ ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นองค์รัชทายาทก็ตาม
ครั้งนี้ เขาจะพลิกหาให้ทั่วตงกง เขาจะหาหุ่นไม้คุณไสยนั้นให้เจอ!
ท่ามกลางความมืดและความเงียบสงัด ตำหนักบูรพาถูกคนล้อมรอบด้าน
พานไห่พาคนกลุ่มหนึ่งเข้าไป เริ่มค้นจากที่พักของนางในทั้งสอง
แม้ความเคลื่อนไหวจะส่งเสียงดังเพียงใด แต่ยังไร้การตอบสนองจากไท่จื่อ
เนื่องจากเมื่อช่วงกลางวันเขาได้เห็นแล้วว่าหุ่นไม้ทำงานอย่างไร และได้สังหารปิดปากนางในนางนั้นไปแล้ว ฉะนั้นยามเข้าสู่นิทรา ความหวาดกลัวและความตื่นตระหนกจึงก่อตัวขึ้นในใจของไท่จื่อ เขาจึงดื่มสุราไปหนึ่งกาเพื่อให้สภาพจิตใจสงบลง ฤทธิ์สุราทำให้เขาหลับสนิท
“องค์รัชทายาท องค์รัชทายาท…” ข้าหลวงยืนเรียกหน้าซีดอยู่ข้างๆ ไท่จื่อ
ไท่จื่องึมงำสองสามคำ พลิกตัวและนอนต่อ
ข้าหลวงร้อนใจ ออกแรงฉุดไท่จื่อ “องค์รัชทายาท ตื่นบรรทมเถิดพ่ะย่ะค่ะ เกิดเรื่องใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ไท่จื่อยังคงหลับตาพริ้ม ปากพร่ำสบถถ้อยคำด่าทอพลางยกเท้าเตะ
ข้าหลวงกุมท้องเซถอยหลังไปสองสามก้าว เขาได้แต่ยืนอึ้งอยู่อย่างนั้น
“ทำยังไงดี เรียกยังไงก็ไม่ตื่น”
ข้าหลวงอีกคนทำใจดีสู้เสือ เอื้อมมือออกไปเขย่าไหล่ไท่จื่อเต็มแรง “องค์รัชทายาท ตื่นเถิดพ่ะย่ะค่ะ ไฟไหม้พ่ะย่ะค่ะ!”
ไท่จื่อกระเด้งพรวด หันซ้ายหันขวา “ไฟไหม้ที่ไหน”
เขาวิ่งเท้าเปล่าออกไปข้างนอก ศีรษะกระแทกเข้ากับฉากกั้น อาการสะลึมสะลือจากฤทธิ์สุราและความง่วงงุนมลายหายสิ้น สติสัมปชัญญะกลับเข้าที่
เมื่อสติกลับมาครบแล้ว ไท่จื่อก็เผ่นพรวดไปที่หน้าประตู แต่พบว่าไม่มีไฟไหม้แต่อย่างใด จึงเดินกลับมาเตะเข้าที่อกของข้าหลวง พร้อมกล่าวอย่าเดือดดาล “นี่เจ้ากล้าหลอกข้าหรือ!”
ช่างอาจหาญเสียเหลือเกิน เขาเป็นถึงไท่จื่อ และอีกไม่กี่วันก็จะได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้
ข้าหลวงที่ถูกอัดกุมมือไว้ที่อก ปวดร้าวเกินจะเอื้อนเอ่ย ข้าหลวงอีกคนจึงรีบอธิบาย “ไท่จื่อ เกิดเรื่องใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
“เรื่องอะไร”
“พานกงกงพาคนเข้ามาค้นในตงกงพ่ะย่ะค่ะ!”
ไท่จื่อชะงักงัน พูดติดๆ ขัดๆ “เขา…ค้น ค้นอะไร”
“กระหม่อมก็ไม่ทราบว่าค้นอะไรพ่ะย่ะค่ะ” ข้าหลวงแทบจะร้องไห้
พานกงกงพาคนมาค้นเองถึงที่ จะเป็นเรื่องดีได้อย่างไร
“พระชายาล่ะ” ไท่จื่อรีบถามทันควัน