ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 628 สามีภรรยา
พระชายาฉีอ๋องยืนนิ่งอยู่ที่เก่าเนิ่นนาน สาวรับใช้จึงขานเรียก “พระชายา พระชายาเยี่ยนอ๋องเสด็จไปแล้ว ตรงนี้ลมแรง ขึ้นรถม้าเถิดเพคะ”
พระชายาฉีอ๋องหลุดจากภวังค์ นางเหลือบมองไปที่สาวรับใช้ “เรื่องที่พระชายาเยี่ยนอ๋องพูดวันนี้ อย่าได้เอาไปพูดไร้สาระเป็นอันขาด”
สาวรับใช้รีบก้มศีรษะต่ำ “เพคะ”
พระชายาฉีอ๋องเอื้อมมือไปจับแขนของสาวรับใช้แล้วจึงก้าวขึ้นไปบนรถม้า
เมื่อกลับมาถึงจวนอ๋อง สองสามีภรรยาพบหน้ากัน
ฉีอ๋องก็เปิดประเด็นทันที “ที่ให้เจ้าและพระชายาเยี่ยนอ๋องอยู่ต่อ เสด็จแม่ทรงมีรับสั่งเรื่องอะไรหรือ”
พระชายาฉีอ๋องพิศมองบุรุษที่ยืนอยู่เบื้องหน้า
วันเวลาขัดเกลาบุรุษผู้นี้ เขาไม่ได้อยู่ในวัยที่ใช้ชีวิตโดยไม่คิดหน้าคิดหลังอีกแล้ว ฉีอ๋องในตอนนี้แลดูภูมิฐานมากกว่าตอนที่แต่งงานกันใหม่ๆ เสียอีก กิริยาท่าทางก็สง่างามมั่นคงกว่าก่อนมาก
แต่ก็อย่างที่พระชายาเยี่ยนอ๋องว่า หากวันใด ท่านอ๋องเคยชินกับสิ่งที่นางทุ่มเท วันนั้นเขาก็จะไม่เห็นค่าของนางอีกต่อไป ว่าแต่เมื่อถึงตอนนั้นเขาจะโทษที่นางพยายามไม่พอด้วยหรือไม่
แม้พระชายาฉีอ๋องจะถูกความรักและอำนาจมอมเมาจนหูอื้อตาลาย แต่นางก็มิใช่คนเขลา แล้วนางจะไม่รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของท่านอ๋องได้อย่างไร
ครั้งแรกที่นางเสนอให้ท่านอ๋องรับอนุภรรยาเข้ามา ท่านอ๋องยืนกรานปฏิเสธหนักแน่น แต่สุดท้ายก็ตอบรับด้วยความไม่เต็มใจ หลังจากครั้งนั้นเขาก็เพียงพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย และถึงตอนนี้…
พระชายาฉีอ๋องหวนนึกถึงท่าทีไม่พอใจของท่านอ๋องที่มีต่อนางเมื่อเร็วๆ นี้ ในใจของนางก็ขมขื่นเกินจะกล่าว
เดี๋ยวนี้ท่านอ๋องเคยปฏิเสธที่ไหนกัน มิหนำซ้ำร้ายยังต่อว่านางที่เลือกอนุภรรยาหน้าตาไม่ถูกใจ คำตำหนิอย่างอ้อมในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นคำต่อว่าซึ่งๆ หน้าในตอนท้าย
ใจคนถูกโน้มน้าวได้ง่ายทั้งที่พระชายาเยี่ยนอ๋องไม่จำเป็นต้องพูดเกินจริงเพื่อข่มขู่นางเลยด้วยซ้ำ
ฉีอ๋องที่ถูกเขม้นจ้องเลิกคิ้วถาม “เหตุใดถึงเงียบไป”
พระชายาฉีอ๋องหลุดออกจากภวังค์ นางฝืนยิ้มพลางหันไปสบตา “แค่คิดถึงงานที่เสด็จแม่มอบหมายให้หม่อมฉัน หม่อมฉันก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อยเพคะ”
“เสด็จแม่มอบหมายงานอะไรให้เจ้าหรือ” ฉีอ๋องถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
บุรุษรับผิดชอบงานภายนอก ส่วนสตรีรับผิดชอบงานภายใน ในช่วงวิกฤตเช่นนี้ การที่พระชายาดูแลจวนได้อย่างเรียบร้อยช่วยเขาได้มากทีเดียว
ท่าทีอ่อนโยนของฉีอ๋องทำให้พระชายารู้สึกสับสน
นางไม่ควรปล่อยให้คำพูดของพระชายาเยี่ยนอ๋องมีอิทธิพลต่อความคิดของตัวเอง ท่านอ๋องแตกต่างจากบุรุษทั่วไป เขาไม่มีทางทรยศความดีของนางอย่างแน่นอน
ฉีอ๋องลูบผมพระชายาแผ่วเบา น้ำเสียงนุ่มนวลกว่าเดิมเป็นเท่าตัว “สรุปแล้วมีเรื่องอะไรงั้นหรือ”
พระชายาฉีอ๋องไม่เห็นสายตาแห่งความรำคาญใจของผู้เป็นสามีเพราะนางมัวแต่หลุบตามองพื้น
ขนตาของพระชายาฉีอ๋องไหววูบ นางเอ่ยแผ่วเบา “เสด็จแม่ให้หม่อมฉันชวนพระชายาเยี่ยนอ๋องไปถวายธูปที่วัดไป๋อวิ๋น และสั่งให้…”
“สั่งให้ทำอะไรงั้นหรือ” ฉีอ๋องถามเสียงเรียบ
พระชายาฉีอ๋องเม้มปากพร้อมแสดงท่าทีตื่นตระหนก “สั่งให้หม่อมฉันจัดฉากสังหารพระชายาเยี่ยนอ๋องให้เหมือนเป็นอุบัติเหตุเพคะ…”
ฉีอ๋องหรี่ตาพลางเอ่ยถาม “เสด็จแม่ตรัสสั่งเช่นนั้นจริงๆ งั้นหรือ”
พระชายาฉีอ๋องเหลือบมองไปที่ชายตรงหน้าและกล่าวอย่างโกรธเคือง “ท่านอ๋องกำลังจะบอกว่าหม่อมฉันโกหกอย่างนั้นหรือเพคะ แม้หม่อมฉันจะไม่ลงรอยกับพระชายาเยี่ยนอ๋อง แต่ก็ไม่เคยคิดจะทำเรื่องเช่นนี้เลยนะเพคะ…”
ถึงนางจะเชื่อว่าฉีอ๋องจะไม่ทรยศความดีของนาง แต่ถึงกระนั้นนางก็ต้องป้องกันตัวไว้ก่อน นางไม่อยากให้ท่านอ๋องคิดว่านางเป็นสตรีโหดเหี้ยมอำมหิต
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ พระชายาฉีอ๋องก็ถอนหายใจแต่เพียงในใจ
ถ้ามีทางเลือกอื่น หญิงคนใดจะไม่อยากเป็นสตรีอ่อนโยนในสายตาของผู้เป็นสามี ติดตรงที่นางต้องช่วยท่านอ๋องแย่งชิงตำแหน่งนั้นมาให้ได้ นางจึงไม่มีโอกาสทำตัวเป็นหญิงไร้เดียงสา
นางหวังแต่เพียงว่าท่านอ๋องจะเห็นความพยายามของนาง และจดจำความดีนั้นไว้ให้ขึ้นใจ
ฉีอ๋องยืดแขนไปโอบพระชายาฉีอ๋องและเอ่ยนุ่มนวล “ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนจิตใจงาม แต่ที่เจ้าทำทั้งหมดเพราะเจ้าหวังดีกับข้า”
พระชายาฉีอ๋องถอนหายใจแผ่วเบา “เพียงท่านอ๋องตรัสเท่านี้ หม่อมฉันก็พอใจแล้วเพคะ ต่อให้มือของหม่อมฉันจะต้องแปดเปื้อน หม่อมฉันก็ไม่นึกเสียดาย ขอเพียงแค่ท่านอ๋องไม่แสดงท่าทีรังเกียจหม่อมฉัน…”
ฉีอ๋องจับมือพระชายาไว้แน่นพลางตำหนิ “เจ้าพูดอะไรของเจ้า ข้าดูเป็นคนใจร้ายขนาดนั้นเชียวหรือ”
“ท่านอ๋องอย่ากริ้วไปเลยเพคะ หม่อมฉันแค่คิดมาไปเอง”
ฉีอ๋องคลี่ยิ้ม “เจ้าอย่าคิดไปเองเช่นนี้อีกเลย สามีภรรยาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน อนาคตหากข้าได้นั่งบัลลังก์มังกร เจ้าก็จะสวมมงกุฎหงส์นั่งเคียงข้างข้า และเราทั้งสองจะได้ครองแผ่นดินผืนนี้ร่วมกัน”
ฉีอ๋องไม่ได้ถามถึงเรื่องรายละเอียดว่านางจะกำจัดพระชายาเยี่ยนอ๋องอย่างไร
การถามลงลึกเช่นนี้มีแต่จะทำให้พระชายาดูไม่ดี อีกทั้งมิได้ก่อให้เกิดประโยชน์อันใด สู้ไม่ถามและรอดูผลลัพธ์จะดีกว่า
หลังจากนั้นเสด็จแม่ก็จะเลือกหญิงที่อยู่ภายใต้การควบคุมมาแต่งงานกับเจ้าเจ็ดเพื่อจะเอื้อประโยชน์แก่เขา แต่คงไม่โชคดีปานนั้น อย่างมากก็คงเหมือนในตอนนี้ แค่ไม่คอยขัดแข้งขัดขาเขาก็เท่านั้น
แต่เมื่อนึกถึงใบหน้าแฉล้มของเจียงซื่อ ฉีอ๋องก็รู้สึกเสียดาย
รูปโฉมของพระชายาเยี่ยนอ๋องถือว่าเป็นอันดับต้นๆ ของเมืองหลวง ช่างน่าเสียดายหากนางต้องตายไปเช่นนี้…
แต่ความรู้สึกเสียดายของฉีอ๋องอยู่ไม่นาน
เขาไม่มีทางทำให้เสียเรื่องเพียงเพื่อหญิงงามเพียงคนเดียว เขาไม่เหมือนไท่จื่ออายุขัยสั้นที่ร่างกายท่อนร่างอยู่เหนือการควบคุมของสมอง และเขาก็ไม่เหมือนเจ้าเจ็ดที่หน้ามืดตามัวเพราะความรัก หากสุดท้ายเขาได้เป็นผู้กุมชัยชนะ เป็นเจ้าของแผ่นดินต้าโจว แล้วเขาจะมีเวลามานั่งเสียดายเพราะไร้หญิงงามข้างกายงั้นหรือ
เมื่อถึงตอนนั้น เขาจะมีนางในในครอบครองกว่าสามพันคน ปรารถนาจะได้หญิงงามคนใดก็มีให้เลือกสรร จะไปเสียดายอะไรกับแค่พระชายาเยี่ยนอ๋องคนเดียว
อารมณ์ของฉีอ๋องค่อยๆ สงบลง แต่เนื่องจากเขารู้ว่าพระชายาฉีอ๋องมีเรื่องทุกข์ใจ เขาจึงสละเวลาปลอบโยนนางอยู่พักใหญ่
เมื่อพระชายาฉีอ๋องที่เฝ้าโหยหาความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาได้ยินถ้อยคำหวานซึ้งจากปากของคนที่รัก ความเคลือบแคลงสงสัยก็พลันมลายหายสิ้น เหลือเพียงความคาดหวังสำหรับชีวิตอนาคตเท่านั้น
เมื่อถึงเวลานั้น ท่านอ๋องจะนั่งอยู่บัลลังก์มังกร ส่วนนางก็จะได้สวมมงกุฎหงส์นั่งอยู่เคียงข้าง ช่างเป็นภาพที่งดงามอะไรปานนี้
เหตุการณ์หลังจากนั้นของพระชายาฉีอ๋องไม่จำเป็นต้องอธิบายต่อให้มากความ ฝ่ายเจียงซื่อกำลังขบคิดถึงการเดินทางไปที่วัดไป๋อวิ๋นในอีกสองวันข้างหน้า
พระชายาฉีอ๋องหมายจะเอาชีวิตนางระหว่างทางไปถวายธูป ในจุดนี้นางค่อนข้างมั่นใจ ฉะนั้นนางก็จะซ้อนแผนอีกที เพื่อจะได้กำจัดเป้าหมายเล็กๆ นี้ไปเสีย
ในมุมของเจียงซื่อ เมื่อเข้าใกล้เป้าหมายที่เคยคิดว่ายากทีละนิด กลับทำให้นางเห็นว่าเป้าหมายเหล่านั้นกลายเป็นเพียงเป้าหมายเล็กๆ
ซึ่งนั่นก็หมายถึงพระชายาฉีอ๋องและเสียนเฟย
เจียงซื่อสลัดผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยพลางยกยิ้มมุมปาก
ตั้งใจจะใช้จังหวะที่อาจิ่นไม่อยู่จัดการกับนางอย่างนั้นหรือ ก็เข้ามาสิ ในเมื่อไม่มีอาจิ่นค่อยเป็นห่วง นางก็จะได้แสดงอภินิหารอย่างเต็มที
“เหนียงเหนียง ไปถวายธูปคราวนี้ตั้งใจจะพาใครไปเจ้าคะ” อาหมานถามอย่างมีความหวัง
“อาเฉี่ยวก็แล้วกัน”
ใบหน้างามของหญิงรับใช้หงอยลง นางกล่าวแย้ง “เหนียงเหนียง อาเฉี่ยวเรี่ยวแรงไม่ค่อยมี เดินเท้าไกลๆ ร่างกายจะทรุดเอานะเจ้าคะ”
อาเฉี่ยวที่ยืนอยู่ข้างๆ แอบบุ้ยปาก
นางเรี่ยวแรงไม่ค่อยมีตั้งแต่เมื่อไหร่กัน อีกอย่าง ใครบอกกันว่าการไปวัดไป๋อวิ๋นต้องเดินเท้า…
เมื่ออาหมานใส่ไฟ ส่วนเจียงซื่อก็เล่นไปตามน้ำ “งั้นอาหมานก็แล้วกัน”
อาหมานดีใจยกใหญ่ในขณะที่อาเฉี่ยวมองเจียงซื่อด้วยสายตาไม่พอใจ
เจียงซื่อเอ่ยลอยๆ “เอาอาหมานไปก็สะดวกดี”
ครั้นอาเฉี่ยวได้ยินดังนั้นก็ได้แต่อ้าปากค้าง
แย่แล้ว นี่นายหญิงกำลังจะไปก่อเรื่องอีกแล้ว!
เอ๊ะ แต่ทำไมคราวนี้ถึงไม่มีลางสังหรณ์เลยนะ หนำซ้ำยังรู้สึกดีเสียด้วย
อาเฉี่ยวเตือนสติตัวเองให้อยู่ในอาการสำรวม
เพียงชั่วพริบตาก็ถึงวันที่ต้องเดินทางไปถวายธูป