ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 672 สตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่เดินตามไพ่ที่วางไว้
เจียงซื่อจิบสุราเข้าไปอึกหนึ่ง จากนั้นวางจอกสุราลงไปบนโต๊ะ
ไม่มีดอกไม้ไฟปรากฏขึ้นอีกครั้ง มองดูแล้วพี่รองคงจะถูกช่วยออกไปแล้วจริงๆ
ไม่เลว นับแต่แรกนางก็ไม่ได้คาดหวังว่าหัวหน้าผู้อาวุโสและผู้อาวุโสฮวาจะยึดมั่นในสัจจะตนที่ให้ไว้
พึ่งผู้อื่นหรือจะสู้พึ่งตนเอง เพียงแค่พี่รองไม่ได้อยู่ในน้ำมือของเผ่าอูเหมียว เช่นนั้นนางก็สามารถเคลื่อนไหวได้ตามต้องการแล้ว
เจียงซื่อที่บัดนี้ลดแรงกดดันลงไม่น้อย นางรู้สึกผ่อนคลายอย่างยิ่ง
ในที่สุด ก็รอจนกระทั่งงานเลี้ยงกลางแจ้งจบลง จากนั้นผู้อาวุโสเผ่าอูเหมียวสองท่านทำการส่งเผ่าอื่นๆ กลับไปที่ประตู ส่วนผู้อาวุโสคนอื่นรวมตัวด้วยกันอย่างตื่นเต้น
เสียงเพลงและการร่ายรำของคนในเผ่าจากด้านนอกยังไม่หยุดลง หัวใจของพวกเขาดูเหมือนจะเต้นไปตามทำนองจังหวะเพลงด้วยความชื่นชมยินดี
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกว่าจะได้เห็นฉากนี้ หัวหน้าผู้อาวุโส จึงรู้สึกอิ่มเอมใจยิ่งนักที่เห็นทุกคนมีความสุข ริมฝีปากเผยอขึ้นด้วยรอยยิ้ม
จู่ๆ ผู้อาวุโสหน้ายาวก็ได้เข้ามาคำนับหัวหน้าผู้อาวุโสอย่างสุดซึ้ง
หัวหน้าผู้อาวุโสเอ่ยถามด้วยความเฉยเมยว่า “ท่านอาวุโสอัน ท่านทำสิ่งใดกัน”
ผู้อาวุโสอันทำใบหน้าละอายใจออกมาแล้วกล่าวว่า “ตลอดที่ผ่านมาข้าเข้าใจหัวหน้าผู้อาวุโสผิดไป ขอหัวหน้าผู้อาวุโสโปรดให้อภัย และขอสตรีศักดิ์สิทธิ์โปรดให้อภัยข้าด้วย”
หัวหน้าผู้อาวุโสพยักหน้าอย่างสงบเสงี่ยม “ผู้อาวุโสอันไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้หรอก ท่านเองทำไปก็เพราะคิดแทนเผ่าอูเหมียวของเรา หลายปีมานี้แม้ความคิดเห็นของพวกเราอาจจะไม่ตรงกันเท่าไหร่นัก แต่ทุกคนล้วนทำไปเพื่อเผ่าอูเหมียวทั้งสิ้น”
แม้หัวหน้าผู้อาวุโสจะกล่าวเช่นนั้น แต่ก็ได้แอบถอนหายใจเบาๆ
หลายปีมานี้นางขัดแย้งกับผู้อาวุโสต่างๆ มากมาย โดยมากมักจะนำโดยผู้อาวุโสอัน
อาซังคือสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่มีความสามารถน้อยที่สุดในบรรดาสตรีศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ตอนที่นางยังมีชีวิตอยู่ นางฝึกทักษะวิชาการสกัดหนอนกู่ได้เพียงแค่หนึ่งในสิบ จากนั้นนางก็ไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนเป็นเวลาเนิ่นนาน
ผู้อาวุโสอันเกิดความคิดอย่างกล้าหาญขึ้น นางคิดว่าอาซังไม่ใช่สตรีศักดิ์สิทธิ์ที่เบื้องบนกำหนดไว้ และโทษหัวหน้าผู้อาวุโสว่าได้เลือกสตรีศักดิ์สิทธิ์ขึ้นอย่างเร่งรีบเพื่อเป็นการปลอบใจคนในชนเผ่าอูเหมียว แต่อันที่จริงแล้วเผ่าอูเหมียวหาได้มีคนสืบสานต่อ
ประโยคนี้แรกเริ่มไม่มีใครยอมรับนัก แต่เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ พบว่าอาซังไม่ปรากฏกายต่อทุกคนเป็นเวลาเนิ่นนาน ผู้ที่สนับสนุนความคิดเห็นของผู้อาวุโสอันก็มากขึ้นเรื่อยๆ
แน่นอนว่าข้อพิพาทเหล่านี้มีเพียงผู้อาวุโสรุ่นแรกและรุ่นสองเท่านั้นที่รับรู้ ส่วนคนอื่นในชนเผ่าไม่ทราบถึงคลื่นใต้น้ำนี้
ปัจจุบันเมื่อเห็นอาซังแสดงพลังอำนาจของนางในงานซินหั่วขึ้น ที่สุดแล้วผู้อาวุโสอันจึงจำเป็นต้องก้มหน้ายอมรับ
ขณะเดียวกันนั้น หัวหน้าผู้อาวุโสกลับถอนหายใจออกมา นางไม่ได้รู้สึกภาคภูมิใจเท่าไรนัก
นางรู้สึกสับสน ผู้อาวุโสอันผิดจริงหรือ อาซังได้ตายไปแล้วและสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถบรรลุวิธีการสกัดหนอนกู่ได้ ไม่ใช่สตรีศักดิ์สิทธิ์คนที่นางเคยเลือกกับมือในตอนนั้น
หางตาของนางเหลือบไปมองยังเจียงซื่อที่ดูผ่อนคลาย หัวหน้าผู้อาวุโสแอบตัดสินใจอย่างลับๆ ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร ไม่ว่าต้องสูญเสียสิ่งใดไปก็ตาม นางจะให้เจียงซื่ออยู่ต่อที่นี่ให้ได้!
เพื่อไม่ให้เผ่าอูเหมียวต้องเผชิญหน้ากับหายนะการล้างเผ่าพันธุ์ ต่อให้นางและผู้อาวุโสฮวาจะต้องทนทุกข์ทรมานจากการผิดคำสาบาน แต่นั่นมันก็คุ้มค่า
นางแก่แล้ว และเผ่าอู่เหมียวจะปราศจากสตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้
“ทุกคนแยกย้ายกันไปเถิด” หลังจากที่หัวหน้าผู้อาวุโสตัดสินใจแล้วจึงได้เอ่ยขึ้นเบาๆ
ผู้อาวุโสทุกคนพากันโค้งคำนับอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนที่จะเตรียมตัวจากไป
“อาซังและผู้อาวุโสฮวา พวกเจ้าอยู่ที่นี่ก่อน”
ไม่นานต่อมา ภายในห้องจึงเหลือเพียงแค่สามคน
หัวหน้าผู้อาวุโสมองมาทางเจียงซื่อ “อาซัง…”
เจียงซื่อยกมือขึ้นโบกแล้วยิ้ม “ท่านหัวหน้าผู้อาวุโส บัดนี้ข้าทำหน้าที่ของตนได้สำเร็จแล้ว ท่านควรจะปล่อยข้าและพี่ชายไปใช่หรือไม่”
นางต้องการจะดูให้แน่ใจก่อนว่าพี่รองของนางยังอยู่ที่นี่หรือไม่
หัวหน้าผู้อาวุโสฝืนยิ้มออกมา “วันนี้เจ้าเพิ่งจะปรากฏกายให้ทุกคนเห็น ความชื่นชมยินดีของบรรดาคนในชนเผ่ายังไม่ทันได้จางหายไป หากเจ้าจะจากไปในครานี้ในบัดดลคาดว่าคงจะเร็วเกินไป”
เจียงซื่อขมวดคิ้วขึ้นเบาๆ “หัวหน้าผู้อาวุโสท่านหมายความว่าอย่างไร”
นางพอจะเข้าใจความหมายของหัวหน้าผู้อาวุโสแล้ว นอกจากความรู้สึกผิดหวัง นางก็ยังรู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติ เมื่อเทียบกับความอยู่รอดของชนเผ่า คำสัญญาที่ให้ไว้กับสตรีเพียงคนเดียวเช่นนางเทียบกันไม่ได้เลย
ผู้อาวุโสฮวารีบเอ่ยขึ้นว่า “ความหมายของท่านผู้อาวุโสให้เจ้ารออีกสักสองสามวันค่อยไป รอให้ผู้คนในชนเผ่าวางใจ แล้วพระชายาอ๋องค่อยเดินทางจากไปก็ยังไม่สาย อีกอย่าง พี่ชายของท่าน บัดนี้ยังได้รับบาดเจ็บอีกด้วย เขาจำเป็นต้องใช้เวลาพักฟื้นอีกสักพัก”
เจียงซื่อยิ้มขึ้นขัดคำอธิบายของผู้อาวุโสฮวา “ถึงอย่างไรก็ควรจะให้ข้าได้พบกับพี่ชายข้าเสียก่อนค่อยกล่าวถึงเรื่องอื่น”
ท่านอาวุโสฮวาอดไม่ได้ที่จะมองไปยังหัวหน้าผู้อาวุโส หัวหน้าผู้อาวุโสนิ่งเงียบครุ่นคิดก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย “ผู้อาวุโสฮวา พาอาซังไปหาคุณชายผู้นั้นเถิด”
ผู้อาวุโสฮวาพยักหน้าอย่างรู้ความหมาย
ในเมื่อเรียกนางว่าอาซัง เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องแปลงโฉมให้เหมือนกับอาฮวา เพียงแค่พานางไปมองดูจากด้านนอก จากนั้นก็ถอยออกมา
“เชิญตามข้ามาเถิด”
เจียงซื่อโค้งกายให้แก่หัวหน้าผู้อาวุโสเล็กน้อยแล้วเดินตามผู้อาวุโสฮวาออกไปยังสถานที่ซึ่งเจียงจั้นถูกขังเอาไว้
เมื่อเดินเข้าไปบริเวณลึกของในค่าย ระหว่างทางแทบไม่เจอผู้ใดเลย
คนในชนเผ่าต่างพากันเฉลิมฉลองด้วยความยินดี คงต้องรอถึงยามค่ำคืนพวกเขาทั้งหลายจึงจะแยกย้าย
เมื่อมาถึงห้องนั้น ทั้งสองคนก็ผลักประตูเข้าไป ภายในลานเงียบสงบ ไม่มีผู้ใดคอยคุ้มกัน
เจียงซื่อเข้าใจดีถึงความเชื่อมั่นของชนเผ่าอูเหมียว
บริเวณลานกว้างนี้เต็มไปด้วยดอกไม้และพืชมีพิษ อีกทั้งมีแมลงพิษอยู่มากมายนับไม่ถ้วน สิ่งที่ทำให้คนติดอยู่ในนี้แท้จริงแล้วก็คือสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น พวกเขาเชื่อว่าคนภายนอกยากจะย่างเท้าก้าวเข้ามาได้
“บัดนี้คุณชายยังไม่หายดี พวกท่านรออีกสักสองสามวันค่อยว่ากันเถิด” ผู้อาวุโสฮวากล่าวได้เพียงเท่านั้น คำพูดก็หยุดลง นางมองไปยังห้องอันว่างเปล่าด้วยความตกตะลึง
ผ่านไปสักพัก กว่าผู้อาวุโสฮวาจะได้สติกลับคืนมา นางรีบมองไปรอบๆ เพื่อค้นหา จากนั้นจ้องมองไปยังชามข้าว พึมพำว่า “เขาอยู่ที่ใด”
เจียงซื่อถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ในเมื่อพี่รองไม่อยู่ที่นี่ และดอกไม้ไฟสีแดงได้ถูกจุดขึ้น มองดูแล้วพี่รองคงจะไปอยู่กับหลงต้านเรียบร้อย
สีหน้าของนางไม่ได้เปิดเผยถึงความคิดในใจออกมา ได้แต่เอ่ยถามอย่างหนักแน่นว่า “พี่รองของข้าอยู่ที่ใด!”
ผู้อาวุโสฮวามองไปทางเจียงซื่อด้วยท่าทางงุนงง
เจียงซื่อทำท่าทางเยือกเย็น “ที่แท้ท่านอาวุโสฮวาท่านตั้งใจจะผิดสัญญาแต่แรก อดใจรอไม่ไหวจนถึงต้องนำพี่ชายข้าไปซ่อนเชียวหรือ”
สีหน้าของผู้อาวุโสฮวาเปลี่ยนไปเล็กน้อย “หาใช่เช่นนั้น พวกเราไม่ได้นำพี่ชายของเจ้าไปซ่อนไว้ที่ใด พระชายาโปรดรอสักครู่ ข้าจะไปสอบถามผู้ที่รู้เรื่องนี้”
แม้นางจะตั้งใจผิดสัญญาก็จริง แต่นางยังไม่ทันได้ทำเลย เหตุใดบัดนี้จึงหาตัวเขาไม่เจอแล้วเล่า
“ข้าจะไปหาหัวหน้าผู้อาวุโส” เจียงซื่อกล่าวขึ้นอย่างเย็นชา
เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวขึ้น ผู้อาวุโสฮวาจะต้องรายงานให้แก่หัวหน้าอาวุโสอย่างแน่นอน ดังนั้นนางจึงพาเจียงซื่อเดินตรงเข้าไปอย่างเร่งรีบ
เมื่อได้รับฟังรายงานจากผู้อาวุโสฮวา หัวหน้าผู้อาวุโสกล่าวขึ้นอย่างเย็นชาว่า “เขาหายตัวไปงั้นหรือ”
ผู้อาวุโสฮวาพยักหน้า “เขากินกับข้าวจนหมดแล้ว แต่ยังมีข้าวอยู่”
ต่อให้ไม่ได้กินข้าว ทว่ามีดอกไม้และแมลงพิษเหล่านั้นมากมาย คุณชายผู้นั้นจะเดินทางจากไปได้อย่างไร
“ข้าจะไปถามอาฮวาดู”
ขณะนั้นภายในห้องจึงเหลือเพียงแค่หัวหน้าผู้อาวุโสกับเจียงซื่อ
“หัวหน้าผู้อาวุโส พวกท่านนำตัวพี่ชายข้าไปซ่อนไว้ที่ใดกันแน่”
หัวหน้าผู้อาวุโสเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “อย่าได้รีบร้อนไป นี่เป็นเพียงแค่สิ่งไม่คาดคิด”
เจียงซื่อหัวเราะเยาะเย้ยออกมาโดยไม่กล่าวสิ่งใด
ไม่นานต่อมา ผุ้อาวุโสฮวาก็เดินทางมากล่าวว่า “ข้าได้ถามอาฮวาแล้ว อาฮวากล่าวว่าตอนที่นำอาหารไปให้คุณชายดูไม่มีสิ่งผิดปกติไป แต่เมื่อสองวันก่อนคุณชายมีทีท่าจะหลบหนี อาฮวาพบว่าที่กำแพงมีรอยปีน แต่ว่าเป็นการปีนกลับเข้ามา…”
ผู้อาวุโสฮวาเหลือบมองไปทางเจียงซื่อ จากนั้นกระแอมออกมาเบาๆ “คาดว่าคุณชายผู้นั้น คงจะพบว่าไปไม่รอดจึงกลับไปอีกครั้ง”
ริมฝีปากของเจียงซื่อกระตุก นางไม่เหลือเรี่ยวแรงจะกล่าวสิ่งใด
หนีไม่รอดจึงได้ปีนกลับมาอีก พี่ชายคนรองของนางคนนี้ไม่คิดจะฮึดสู้เลยหรืออย่างไร
หัวหน้าผู้อาวุโสสับสนยิ่งนัก “ในเมื่อคุณชายผู้นั้นเคยพยายามแล้วครั้งหนึ่งแต่ไม่เป็นผล จากเหตุผลนี้ เขาไม่ควรที่จะกระทำการไร้ประโยชน์อีก”
นางอดไม่ได้ที่จะมองไปทางเจียงซื่อ
เจียงซื่อกล่าวด้วยใบหน้าบูดบึ้งว่า “พี่ชายของข้าหายตัวไปจากที่นี่ หากว่าหัวหน้าผู้อาวุโสไม่สามารถนำตัวเขาออกมาให้ข้าได้เช่นนั้นข้าก็จะไม่ไปไหน!”