ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 749 โครงกระดูกแห้ง
ภายในบ่ออันรกร้างนั้นเต็มไปด้วยกิ่งไม้และใบไม้แห้ง ดูเหมือนว่าในบ่อนั้นจะมีรูกลมๆ สีดำหันเข้าหาหลู่อ๋องจ้องมองมา
สายตาของหลู่อ๋องจ้องเขม็ง สมองของเขาว่างเปล่า
นั่นมันอะไรกัน
เอ้อร์หนิวเห็นว่าหลู่อ๋องได้แต่ก้มศีรษะลงไปมองไม่ขยับเขยื้อน จึงได้เห่าอีกครั้ง
มันค้นพบสิ่งแปลกประหลาดเช่นนี้ แต่ทำไมคนคนนี้ถึงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง
ตอนที่เจ้าสุนัขเห่าขึ้นอีกครั้ง หลู่อ๋องจึงได้สติกลับคืนมาและเหมือนจะเข้าใจได้ทันทีว่ามันคืออะไร
ด้วยความรู้สึกตกตะลึง หลู่อ๋องอ่อนแรงแทบจะตกลงไปในบ่อ โชคดีที่เขามีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็ว มือข้างหนึ่งจึงได้รีบคว้าปากบ่อน้ำเอาไว้
“เอ้อร์หนิวรีบช่วยข้าเร็วเข้า” ท่ามกลางความตื่นตระหนกหลู่อ๋องไม่สนใจว่าเอ้อร์หนิวจะฟังออกหรือไม่ เขารีบร้องขอความช่วยเหลือจากมัน
เอ้อร์หนิวรีบวิ่งเข้ามางับข้อมือของหลู่อ๋อง ที่คว้าปากบ่อเอาไว้
เดิมทีหากไม่มีเอ้อร์หนิวเข้ามางับ ด้วยพละกำลังของหลู่อ๋องคาดว่าคงจะปีนขึ้นไปได้อย่างสำเร็จราบรื่น แต่บัดนี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป ร่างใหญ่โตของเขาตกลงไปด้านล่างทันที“…”
เสียงร้องอันโหยหวนดังขึ้นว่า “ช่วยข้าด้วย!”
อวี้จิ่นที่รีบวิ่งตามมาได้ยินดังนั้นก็ตะโกนว่า “พี่ห้า อยู่ในบ่อน้ำหรือ!”
หลังจากได้ยินเสียงร้องอันโหยหวน ฉินอ๋องและคนอื่นๆ ที่วิ่งตามมาก็ตกตะลึง “น้องห้า/พี่ห้า ตกลงไปในบ่อน้ำหรือ”
มีเพียงเซียงอ๋องเท่านั้นที่ริมฝีปากสั่นเทาฟันกระทบกันใบหน้าซีดเผือดราวกับเห็นผี
อะไรกัน เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร!
เสียงร้องอันน่าสลดหดหู่ดังลงดังขึ้นมาจากก้นบ่อว่า “ข้างบนไม่มีคนหรืออย่างไรกัน พวกเจ้ารีบเอาข้าขึ้นไปสิ”
เจ้าพวกพี่น้องเหล่านี้ช่างใจดำกันเหลือเกิน เห็นได้ชัดว่าไอ้พวกนั้นเดินทางมากันแล้วแต่กลับไม่มีใครคิดจะช่วย
เมื่อได้ยินเซียงอ๋องหลู่อ๋องตะโกนขึ้น เซียงอ๋องก็ได้สติตื่นขึ้นราวกับฝัน เขาตะโกนบอกบ่าวรับใช้ที่ติดตามมาว่า “รีบช่วยหลู่อ๋องขึ้นมาเร็ว”
เขาจำได้ว่าตอนนั้นสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทำการถมบ่อน้ำไปแล้ว คาดว่าพี่ห้าคงเพียงแค่ตกลงไป ไม่ได้พบร่างของชุยหมิงเย่ว์ เซียงอ๋องคิดด้วยความหวังอันริบหรี่
ในไม่ช้าบ่าวรับใช้ก็ทำการดึงหลู่อ๋องขึ้นมาได้สำเร็จ
แค่กๆๆ! หลู่อ๋องนั่งอยู่บนพื้นแล้วไอออกมาอย่างรุนแรง สีหน้าของเขาไม่ได้ดีไปกว่าเซียงอ๋องเท่าไรนัก
ฉินอ๋องก้าวไปด้านหน้าแล้วเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงกังวลว่า “น้องห้า เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่”
สู่อ๋องยืนอยู่ด้านข้างแล้วส่ายหน้า
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาถูกสะใภ้ห้ากดขี่อย่างไม่อาจเงยหน้าขึ้นได้ เขาเพียงแค่วิ่งตามเอ้อร์หนิวยังสามารถเอาตัวเองตกลงไปในบ่อน้ำได้ ทั้งยังไม่สามารถปีนขึ้นมาด้วยตนเอง ช่างไร้ความสามารถสิ้นดี
หลู่อ๋องที่ถูกสู่อ๋องมองไปด้วยความดูหมิ่นถอยหนีออกจากบ่อน้ำนั้น เมื่อเขาเคลื่อนไหว กระดูกบริเวณฝ่ามือก็ตกลงมาจากข้างกาย
เมื่อมองไปยังกระดูกที่ตกลงบนพื้นแล้วมองไปทางหลู่อ๋อง สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป
หลู่อ๋องยิ้มให้ฉินอ๋องอย่างลำบากใจ “พี่ใหญ่คิดว่าข้าเป็นอะไรหรือไม่เล่า”
ฉินอ๋องจับจ้องมองไปยังกระดูกฝ่ามือนั้นด้วยความเงียบงัน
หลู่อ๋องแทบจะร้องไห้ออกมา “ในบ่อมีโครงกระดูกอยู่ ตอนที่ข้าตกลงไปนั้นบังเอิญชนเขากับโครงกระดูกนั้นพอดี…อี๋ น่าสะอิดสะเอียนยิ่งนัก…”
แน่นอนว่าเขาเคยเห็นคนตาย แต่เขาไม่เคยเห็นโครงกระดูกเช่นนี้มาก่อน ยิ่งไม่เคยคิดเลยว่ามีอยู่วันหนึ่งเขาจะต้องมาสัมผัสกับโครงกระดูกอย่างใกล้ชิด เพียงแค่นึกถึงฉากเมื่อสักครู่ หลู่อ๋องก็อยากจะร่ำไห้ออกมาอย่างไม่คำหนึ่งถึงศักดิ์ศรีของลูกผู้ชาย
“พี่ห้าหมายความว่า…ในบ่อน้ำนั้นมีคนตายหรือ” สู่อ๋องเป็นคนแรกที่ได้สติกลับคืนมาแล้วสายตาเหลือบมองไปยังเซียงอ๋องซึ่งทำสีหน้าซีดเผือด ก่อนจะตรงเข้าไปดูด้านใน
กะโหลกศีรษะที่มีรูราวกับกำลังจ้องเขาอย่างเงียบๆ
สู่อ๋องขนลุกซู่และรีบมองไปทางอื่น
ดูเหมือนฉีอ๋องจะไม่ค่อยเชื่อ เขาจึงได้ตามเข้าไปดูและต้องชะงักลงทันทีเมื่อเห็นภาพในบ่อน้ำ
สู่อ๋องมองไปทางเซียงอ๋องแล้วเอ่ยถามอย่างมีความหมาย “น้องแปดรู้หรือไม่ว่ามีคนตาย”
เซียงอ๋องรีบปฏิเสธด้วยความตกใจว่า “พี่หกอย่าได้พูดจาล้อเล่นไป ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าในบ่อนั้นมีคนตาย”
“แล้วโครงกระดูกผู้ตายในบ่อน้ำนี้เป็นมาอย่างไรเล่า” สู่อ๋องไม่ปล่อยเซียงอ๋องไปแล้วรีบเอ่ยถามทันที
เห็นได้ชัดว่าเจ้าแปดเป็นพวกเดียวกันกับเจ้าสี่ ส่วนเจ้าสี่นั้นเป็นศัตรูตัวฉกาจกับเขา เมื่อมีโอกาสโจมตีฝ่ายตรงข้ามจะปล่อยไปง่ายๆ ได้อย่างไร
เซียงอ๋องพยายามกลบเกลื่อนความกลัวบนใบหน้า “ใครจะรู้กันเล่า จวนอ๋องมีผู้คนมากมายเพียงนี้ และไม่มีนายหญิงคอยดูแลจัดการ บางทีอาจจะเป็นคนรับใช้คนใดไปทำร้ายใครเข้า จึงได้เอาศพมาซ่อนไว้ในบ่อน้ำนี้…”
ความตื่นตระหนกของเซียงอ๋องถูกระงับลงทันที
บัดนี้ชุยหมิงเย่ว์กลายเป็นเพียงแค่โครงกระดูกแล้ว เพียงแค่เขายืนกรานปฏิเสธใครจะรู้ได้เล่าว่าคนที่อยู่ในบ่อน้ำและกลายเป็นโครงกระดูกนี้คือแม่นางชุย
อืม เพียงแค่เขาไม่ยอมรับ ใครจะมาทำอะไรเขาได้
เซียงอ๋องยืดหลังขึ้นตัวตรงๆ
“ในเมื่อเราพบศพในบ่อน้ำ ก็ควรจะแจ้งคดี” น้ำเสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างเยือกเย็นทางด้านหลัง
เซียงอ๋องตกตะลึงแล้วหันไปมองทางน้ำเสียง ก่อนจะพูดด้วยความหนักแน่นว่า “มิได้!”
อวี้จิ่นรู้สึกงุนงง “มีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้น เหตุใดจึงแจ้งคดีไม่ได้”
เซียงอ๋องหัวเราะขึ้นด้วยความเยือกเย็น “พี่เจ็ดก็ว่าง่าย พบศพในบ่อร้างในจวนเซียงอ๋อง เรื่องนี้หากเผยแพร่ออกไปจะดูไม่ดีเพียงไรกัน ข้าไม่อาจขายหน้าเช่นนี้ได้”
อวี้จิ่นประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม “สำหรับน้องแปดแล้วศักดิ์ศรีสำคัญกว่าชีวิตคนงั้นหรือ”
เซียงอ๋องชะงักลงแล้วกล่าวด้วยความโกรธเคืองว่า “พี่เจ็ดช่างเอ่ยโดยไม่รู้ร้อนรู้หนาว หากว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นในจวนของพี่ พี่จะไปแจ้งคดีหรือไม่”
อย่าว่าแต่ราชวงศ์เลย แม้แต่ตามตระกูลใหญ่ทั่วไป หากมีคนตายในจวนปีละหลายคนก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่เคยได้ยินผู้ใดต้องไปแจ้งคดีเลย
ผู้ใดจะคิดเล่าว่าอวี้จิ่นพยักหน้าโดยไม่ลังเล “แจ้งสิ หากไม่สืบพบตัวฆาตกร แล้วในอนาคตเขาลงมือกระทำผิดอีกจะทำเช่นไร ในตอนนั้นพี่สาวคนโตของพี่สะใภ้เจ้าพบเข้ากับม้าคลั่ง พี่สะใภ้เจ้าก็รีบไปแจ้งคดี น้องแปด เจ้าเป็นลูกผู้ชาย เหตุใดจึงมองไม่กระจ่างแจ้ง สู้สตรียังไม่ได้เล่า”
เซียงอ๋องถูกคำพูดของอวี้จิ่น รบเร้าเสียจนน่าเป็นกังวลใจ เขายังคงกัดฟันพูดว่า “นั่นเป็นเพราะจวนเยี่ยนอ๋องของพวกท่านไม่สนใจเรื่องชื่อเสียง แต่ข้าแตกต่างกัน ข้าจะหาวิธีจัดการกับบ่าวผู้อำมหิตคนนี้เอง ทว่าเราไม่อาจแจ้งคดีได้อย่างเด็ดขาด”
อวี้จิ่นยิ้มขึ้นอย่างแผ่วเบา “น้องแปดยืนกรานที่จะไม่แจ้งคดีเช่นนี้ เป็นเพราะในใจหวาดกลัวงั้นหรือ”
“ผู้ใดหวาดกลัวกัน พี่เจ็ดอย่าได้เอ่ยวาจาไร้สาระอีก ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”
สู่อ๋องรู้สึกมีความสุขกับการที่ผู้อื่นกำลังเป็นทุกข์ เขาเกลี้ยกล่อมขึ้นว่า “น้องแปด ข้ารู้สึกว่าน้องเจ็ดกล่าวได้สมเหตุสมผลยิ่ง ความจริงสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด”
หลู่อ๋องก็ให้การสนับสนุนด้วยเช่นกัน “ข้าไม่สน ในวันนี้ข้าต้องตกอยู่ในสภาพอันย่ำแย่น่าขยะแขยง ข้าจะไม่ปล่อยไปง่ายๆ อย่างแน่นอน น้องแปด หากเจ้าไม่ยินยอมไปแจ้งคดี ข้าจะไปทูลต่อเสด็จพ่อ”
เมื่อเห็นท่าทางอันกระสับกระส่ายของเจ้าแปด คาดว่าผู้ที่อยู่ในบ่อร้างนั้นอาจจะเป็นบ่าวรับใช้หรือเป็นสาวใช้ห้องข้างซึ่งหน้าตางดงาม แต่ถูกเจ้าแปดทำร้ายจนเสียชีวิตก็ย่อมได้
หึๆ… ตอนแรกเขาคิดว่าจะสามารถดึงเจ้าแปดลงมาให้อยู่เทียบเท่ากันได้ ดูเหมือนบัดนี้จะมีโอกาสเหยียบย่ำเจ้าแปดลงดินด้วย
หลู่อ๋องยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น ทำให้เขาลืมคิดบัญชีกับเจ้าสุนัขตัวโตที่ทำให้เป็นต้นเหตุให้เขาต้องตกลงไปในบ่อน้ำนั้น
และในขณะนี้ดูเหมือนว่าเอ้อร์หนิวจะถูกทุกคนลืมไปโดยสิ้นเชิง มันก็นั่งยองๆ อยู่ตรงมุมแล้วใส่หางด้วยความเบื่อหน่าย
เมื่อพบว่าอวี้จิ่น ฉีอ๋องและสู่อ๋องล้วนสนับสนุนให้แจ้งคดี ทั้งยังจะไปทูลต่อฮ่องเต้ เซียงอ๋องจึงสูญเสียความยืนหยัดไป
หากว่าเขายังคงยืนกรานล่ะก็คาดว่าคงไม่อาจปฏิเสธข้อสงสัยใดได้
เมื่อคิดว่าหลังจากจัดการชุยหมิงเย่ว์แล้ว เขาก็ทำลายหลักฐานทุกอย่างได้ค่อนข้างดี เซียงอ๋องจึงพยักหน้ายอมรับ
อยากสืบก็จงสืบเถอะ ถึงอย่างไรบัดนี้ชุยหมิงเย่ว์ก็กลายเป็นเพียงแค่โครงกระดูกไปแล้ว เขาไม่เชื่อหรอกว่าผู้ตรวจการศาลาว่าการพระนครเจินซื่อเฉิงจะตรวจสอบพบอะไรได้
เมื่อเห็นว่าเซียงอ๋องพยักหน้าเห็นด้วย อวี้จิ่นก็มองไปบ่าวรับใช้ที่อยู่ไม่ไกลนักของจวนเซียงอ๋อง กล่าวว่า “ยังยืนตกตะลึงสิ่งใดอยู่เล่า ไม่ได้ยินหรือ ท่านอ๋องของพวกเจ้าจะไปแจ้งคดี”
บ่าวรับใช้ต่างพากันตกใจแล้วคารวะรีบจากไปในทันที