ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนพิเศษ 3 แค่เกิดช้า
หลังจากเซี่ยชิงเหยาออกเรือนไปแล้ว สิ่งที่นางเป็นห่วงที่สุดคือพี่ชายของนาง
ดูเหมือนว่าเรื่องงานแต่งงานของพี่ชายจะเป็นงานหิน
ไม่ซิ ควรพูดว่าพี่ชายของนางไม่คิดจะมีภรรยาด้วยซ้ำไป
เซี่ยชิงเหยายังไม่ยอมแพ้ เพราะจวนของผู้เป็นสามีอยู่ในเมืองหลวง นางจึงสามารถกลับไปเยี่ยมจวนของมารดาได้บ่อยเพื่อถามเซี่ยอินโหลวเกี่ยวกับเรื่องนี้
“พี่ใหญ่ วันนั้นข้าไปที่เป็นแขกที่จวนของเสนาบดีจ้าว ข้ารู้สึกว่าแม่นางจ้าวที่สิบเจ็ดไม่เลวเลยทีเดียว…”
เซี่ยอินโหลวปราดตามองไปที่เซี่ยชิงเหยา กล่าวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ช่วงนี้น้องไม่ยุ่งรึ”
เซี่ยชิงเหยาผงะไปก่อนจะเอ่ยอย่างหัวเสีย “พี่ใหญ่ ไม่ต้องมาเฉไฉ!”
เซี่ยอินโหลวยังคงนิ่ง พลางถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล “ว่าแต่เมื่อไหร่น้องจะมีหลานมาให้พี่อุ้มสักที”
เซี่ยชิงเหยาโกรธจนหน้าเขียว นางบิดผ้าเช็ดหน้าในมือพลางกล่าวอย่างเดือดดาล “พี่ใหญ่ ข้าเพิ่งแต่งงานได้แค่ครึ่งปี!”
แบบนี้มันเรียกว่าอะไร นางเร่งให้พี่ใหญ่แต่งงาน พี่ใหญ่ก็เลยเร่งให้นางมีลูกงั้นรึ
“น้องเพิ่งจะแต่งงานได้ไม่นาน ควรทุ่มเทกายใจดูแลกิจภายในจวน ไม่ต้องคิดถึงพี่ใหญ่นักหรอก”
“พี่ใหญ่!” เซี่ยชิงเหยาขบริมฝีปากด้วยความโกรธ นางใช้ท่าไม้ตาย ดวงตาค่อยๆ แดงระเรื่อ น้ำตาหยดใสร่วงเผาะๆ “ใครต่างก็พูดว่า บุตรสาวที่ออกเรือนไปแล้วเหมือนกับการสาดน้ำออกไป มิควรยุ่งเรื่องภายในจวน เช่นนั้นข้าที่เป็นน้องสาวแต่งงานออกไปแล้วคงเป็นน้ำที่ถูกนำไปใช้ล้างเท้า พี่ใหญ่ พี่รังเกียจข้าใช่หรือไม่”
ใบหน้าเคร่งขรึมของเซี่ยอินโหลวบิดเบี้ยวไปในบัดดล ในสมองงุนงงถึงขีดสุด “น้องพูดอะไรเช่นนั้น หยุดร้องไห้เถิด…”
“งั้นพี่ใหญ่จะแต่งงานเมื่อไหร่”
เซี่ยอินโหลวเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าว “ตอนนี้พี่ยังไม่คิดจะแต่งงาน”
เซี่ยชิงเหยาวร้อนใจ นางคว้าหมับเข้าที่แขนเสื้อของผู้เป็นพี่ชาย “พี่ใหญ่ พี่กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ตอนนี้ข้าก็มิใช่เด็กสาวตัวเล็กๆ อีกแล้ว หากพี่มีเรื่องทุกข์อันใดก็พูดกับข้าตามตรงมิได้หรือ ท่านพ่อและท่านแม่ไม่อยู่แล้ว โลกนี้เราเหลือกันอยู่สองคนพี่น้อง…”
หากบิดามารดายังอยู่จะดีสักเพียงใด นางที่เป็นแค่น้องสาวคงไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องงานแต่งงานของพี่ชาย
เมื่อเห็นเซี่ยอินโหลวไม่ตอบโต้ เซี่ยชิงเหยาเม้มปากพลางกล่าว “พี่ใหญ่ พี่ยังคิดถึงอาซื่ออยู่ใช่หรือไม่”
สีหน้าของเซี่ยอินโหลวเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเข้มงวด “น้องเจียงสี่เป็นฮองเฮาแล้ว เจ้ามิควรเอ่ยวาจาเช่นนั้น หากมีใครมาได้ยินเข้าพวกเราจะแย่กันหมด”
“ข้าก็มิได้พูดกับคนอื่นนี่”
เซี่ยอินโหลวเห็นว่าเซี่ยชิงเหยายังไม่ยอมฟังจึงกล่าวอย่างถอนใจ “ข้ามิได้มีความรู้สึกชายหญิงกับน้องเจียงสี่ ในใจของข้า ข้าเห็นนางไม่ต่างจากเจ้า”
“จริงรึ”
เซี่ยวอินโหลวหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้ “แล้วพี่จะโกหกเจ้าทำไม”
“แล้วเหตุใดพี่ใหญ่ถึงไม่ยอมแต่งงานสักที” เซี่ยชิงเหยาฉุกคิดเรื่องหนึ่งก่อนจะสูดลมเย็นเยียบเข้าปอด “พี่ใหญ่ พี่คงไม่ได้เป็นแบบนั้นใช่หรือไม่…”
“อะไร” เซี่ยอินโหลวไม่เข้าใจ
เซี่ยชิงเหยาลดสายตาลงมองแขนเสื้อสีเขียวอมฟ้าที่ตัวเองกำไว้ก่อนจะรีบคลายมือ
พี่ใหญ่คงไม่ได้เป็นพวกชายรักชายหรอกใช่ไหม
เซี่ยอินโหลวขมวดคิ้ว จ้องมองแขนเสื้อห้อยโตงเตงแล้วบรรลุความหมายที่เซี่ยชิงเหยากำลังจะสื่อ
“ชิงเหยา นี่มันก็เย็นมากแล้ว เจ้ารีบกลับจวนไปเถิด!”
เซี่ยชิงเหยาปิดปากตัวเอง “แย่แล้ว ข้าดันเดาถูกเสียนี่ พี่ใหญ่ต้องอับอายจนโกรธข้าเป็นแน่!”
เส้นเลือดบนขมับเซี่ยอินโหลวปูดโปน แต่เพราะเป็นน้องสาวแท้ๆ จึงไม่สามารถดุด่าหรือไล่ตีได้ เขาทำได้เพียงสูดลมหายใจเฮือกใหญ่เข้าปอดก่อนจะกล่าว “พี่ปกติดี!”
“ถ้าอย่างนั้นพี่ใหญ่ลองให้เหตุผลข้ามาสักข้อ ไม่งั้นข้าก็จะไม่กลับ อายุพี่ก็ปาไปตั้งยี่สิบกว่าแล้ว กำหนดการหมั้นหมายอะไรก็ไม่มี ท่านพ่อและท่านแม่ที่เฝ้าดูอยู่บนสรวงสวรรค์จะวางใจได้อย่างไร”
เซี่ยอินโหลวฟังเงียบๆ แล้วใบหน้าก็ค่อยๆ ซีดเผือดแบบที่เซี่ยชิงเหยาก็ไม่เคยเห็นมาก่อน
เซี่ยชิงเหยาเสียใจที่กล่าวออกไปเช่นนั้น นางรีบกลบเกลื่อน “ข้ากลับจวนก่อนดีกว่า ไว้ข้าจะมาเยี่ยมพี่ใหญ่วันหลังก็แล้วกัน”
เมื่อเซี่ยชิงเหยากลับไปแล้ว เซี่ยอินโหลวก็เดินเข้าไปในห้องตำรา
ห้องตำรากว้างขวาง แสงเรื่อเรืองแห่งฤดูใบไม้ผลิสาดเข้ามาทางหน้าต่าง สว่างไสว
แต่ทว่าจิตใจของเซี่ยอินโหลวในยามนี้กลับหนักอึ้ง ราวกับว่ายืนอยู่ในตรอกคับแคบที่มีฝนโปรยลงมาอย่างต่อเนื่อง มิเคยมีวันเวลาสดใสแวะเวียนมาเยือน
หากยกเรื่องคุณธรรมและเรื่องความกตัญญูมาพูด เขาควรจะแต่งงานมีบุตรไปตั้งนานแล้ว จวนปั๋วจะได้มีทายาทสืบสกุล
แต่เขาไม่อยากทำเช่นนั้น
ในเมื่อเขามีคนในใจ เขาก็ไม่อยากแต่งงานกับสตรีอื่น
เขาทราบดีว่าการคิดเช่นนี้เป็นเรื่องน่าขัน ทั้งยังอกตัญญู เพียงแต่เขายังหาทางออกสำหรับเรื่องนี้ไม่ได้
เขาเป็นคนพูดน้อย หากเขาแต่งงานกับคนอื่นที่ไม่ใช่คนผู้นั้น เกรงว่าเขาคงจะสงวนคำหนักกว่าเดิม
หากทำเช่นนั้นจะเป็นการทำร้ายคนอื่นและทำร้ายตัวเองในเวลาเดียวกัน
แทนที่จะเป็นเช่นนั้น สู้ปล่อยให้เขาทนสายตาแปลกๆ ของคนทั้งโลก แล้วแก่ตายไปเช่นนี้ยังดีเสียกว่า ตั้งตัวได้เมื่อไหร่ไว้ค่อยรับเด็กในตระกูลมาเป็นลูกบุญธรรม ซึ่งก็คงนับว่าตอบแทนบิดามารดาที่อยู่ในสรวงสวรรค์แล้ว
เซี่ยอินโหลวเปิดช่องลับแล้วหยิบกล่องที่ทำขึ้นอย่างประณีตใบหนึ่งออกมา
กล่องนั้นทำจากไม้หอมอย่างดี แกะสลักลวดลายประณีต เมื่อเปิดออกมา กล่องด้านในบุด้วยผ้ากำมะหยี่ ในกล่องนั้นมีเพียงพับผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่ง
ผ้าเช็ดหน้าสีขาวบริสุทธิ์ แต่อาจเป็นเพราะค้างเดือนเก่าเก็บ จึงทำให้ดูหมองเหลือง
เซี่ยอินโหลวหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นขึ้นมา ลูบแผ่วเบา ก่อนจะวางลงอย่างทะนุถนอม ห้วงความคิดหวนย้อนกลับไปหาวันชื่นคืนเก่า
ในตอนนั้น เขาและเจียงจั้นซุกซนไม่ต่างกัน พวกเขาแกล้งคนอื่นด้วยความคึกคะนอง แต่มีอยู่หนหนึ่งเขาถูกคนอื่นรังแก
ในตอนนั้นเขารู้สึกอับอายเกินกว่าจะกลับไปที่จวนของตนเอง เจ้าของผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ช่วยเช็ดรอยเลือดและซับบาดแผลให้สะอาดดังเดิม
คนผู้นั้นคือพี่สาวคนโตของเจียงจั้น เจียงอี
นับตั้งแต่วันนั้น เขาไม่เคยลืมภาพที่นางเช็ดบาดแผลนั้นเลย
ความทรงจำคราวนั้นย้อนกลับมาฉายในสมองครั้งแล้วครั้งเล่า กว่าเขาจะรู้ตัว นางก็เข้ามาอยู่ในใจของเขาแล้ว
แต่ในตอนนั้นนางถูกชายอื่นหมั้นหมายไว้แล้ว และอีกไม่นานก็จะออกเรือน
เขาเพิ่งจะเข้าใจว่าความรู้สึกเช่นนั้นเรียกว่าความรัก แต่ทว่าสายไปเสียแล้ว
ด้วยอารมณ์ เขาพยายามซ่อนความรู้สึกที่ท่วมท้นไว้ภายในและการแสดงออกอย่างเย็นชา ต่อให้โศกเศร้า เขาก็มิได้ส่งเสียง
แค่ขอได้เห็นนางมีความสุขก็เพียงพอแล้ว และเมื่อถึงถึงวัยที่เหมาะสม เขาก็จะไม่ปฏิเสธข้อเสนอของบิดามารดา
คำสั่งของบุพการีและคำกล่าวของแม่สื่อ ใครเล่าจะฝืนได้ อดทนเสียเถิด เพราะอีกไม่นานชีวิตในชาตินี้ก็จะผ่านไป ขอแค่คนที่เขารักมีชีวิตที่ดีก็พอ
แต่ทว่ากลับเกิดเรื่องร้ายกับนาง
นอกจากนางจะไม่ได้มีชีวิตที่ดีอย่างที่เขาหวังให้เป็นแล้ว นางกลับตกลงไปในถ้ำของอสูรร้าย
นางหย่าร้างกลับมาอยู่ที่จวนตงผิงปั๋ว
คนที่เขารักอยู่ห่างจากเขาแค่เพียงกำแพงกั้น แต่นางใช้ชีวิตอย่างไร้อิสระ
เขาไม่อาจเสแสร้งรับหญิงอื่นมาเป็นภรรยาได้หรอก
……
เมื่อเทียบกับจวนหย่งชังปั๋วที่อยู่ในความสงบ นับวันที่หน้าประตูจวนตงผิงปั๋วครึกครื้นขึ้นเรื่อยๆ
ตระกูลเจียงกลายมาเป็นครอบครัวฝั่งฮองเฮา บัดนี้จึงไม่เหมือนเก่าอีกแล้ว
เซี่ยอินโหลวเฝ้าติดตามทุกความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับจวนตงผิงปั๋ว
เขาแอบรู้มาว่า มีแม่สื่อมากมายเข้ามาที่นี่เพื่อจับคู่ให้เจียงอี
เจียงอีเป็นสตรีงาม แม้ชนชั้นสูงบางกลุ่มอาจติดใจที่นางเคยแต่งงานมาแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายตระกูลที่สนใจว่านางเป็นพี่สาวของฮองเฮามากกว่า
เคยแต่งงานมาแล้วจะเป็นไรไป ขนาดฮองเฮาในราชวงศ์ก่อนมีลูกกับสามีเก่าตั้งหลายคน ยังแต่งงานใหม่เป็นฮองเฮาได้เลย
ใจของเซี่ยอินโหลวว้าวุ่น
ในวันนี้เจียงอีเข้าไปเยี่ยมเจียงซื่อที่วังหลวง แต่ระหว่างทางกลับ นางถูกเซี่ยอินโหลวรั้งตัวไว้
บนถนนชิงซือ หน้าต้นหยางหลิ่ว รถม้าขนาดกะทัดรัดคลุมด้วยผ้าจดนิ่งอยู่ที่ริมถนน เจียงอีเลิกมุมม่าน “น้องเซี่ยมีธุระอันใดหรือ”
เซี่ยอินโหลวทำหน้าเคร่งขรึม หลุบตาพลางกล่าว “ข้ามีเรื่องหนึ่งจะถาม ไม่ทราบว่าสะดวกสนทนาสักเดี๋ยวหรือไม่”
เจียงอีลังเลชั่วอึดใจก่อนจะลงจากรถม้า
ทั้งสองเดินไปที่ข้างต้นหยางหลิ่ว หนีให้พ้นจากสายตาสาวรับใช้
เจียงอีส่งยิ้มพลางถาม “ไม่ทราบว่าน้องเซี่ยมีเรื่องใดจะถามข้างั้นรึ”
เซี่ยอินโหลวเงียบงันชั่วครู่ แต่รู้ว่าไม่ควรปล่อยเวลาให้ผ่านไปเฉยๆ จึงรวบรวมความกล้าแล้วถามออกไปว่า “เจ้า…มีแผนจะแต่งงานใหม่หรือไม่”
รอยยิ้มของเจียงอีค้างแข็ง แม้จะสงสัยสาเหตุที่เซี่ยอินโหลวถามเช่นนั้น แต่นางกลับส่ายศีรษะและตอบเพียง “ไม่เลย”
เซี่ยอินโหวเงียบไปอีกครั้ง
เจียงอีรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ นางจึงย่อเข่าเล็กน้อยพร้อมกล่าว “หากไม่มีธุระใดแล้ว ข้าต้องขอตัวกลับก่อน”
“แล้วถ้าหากคนผู้นั้นเป็นข้า?”
เจียงอีใจเต้นแรง ฝีเท้าพลันก้าวถอยด้วยความตกใจ
เซี่ยอินโหลวจ้องนิ่งไปที่เจียงอี และกล่าวเอ่ยจากใจจริง “เจียงอี เจ้าอย่าเรียกข้าว่าน้องเซี่ย แต่จงเรียกข้าว่าอินโหลว ข้าชอบเจ้ามาตั้งนานแล้ว หากเจ้ายินดีจะแต่งงานกับข้า ข้าจะให้แม่สื่อไปสู่ขอที่จวนปั๋ว...”
“น้องเซี่ยเลิกล้อเล่นเถิด เจ้าควรมีคู่ครองที่ดี ส่วนข้าขอแค่ได้เห็นบุตรสาวเติบโต ข้าก็พอใจแล้ว ไม่เคยมีความคิดที่จะแต่งงานใหม่ ส่วนเรื่องที่ข้าได้ยินจากเจ้าในวันนี้…ข้าจะทำเป็นไม่ได้ยินก็แล้วกัน” เจียงอีกล่าวจบก็รีบออกมาจากตรงนั้นทันที
เซี่ยอินโหวเฝ้ามองรถม้าจวนตงผิงปั๋วที่แล่นออกไป พลางหัวเราะเยาะกับตัวเอง
เขารู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ เพียงแต่ใจไม่ยอมเชื่อฟังก็เท่านั้น
หากหลังจากนี้ นางไม่แต่งงานใหม่ เขาก็จะไม่รับหญิงใดมาเป็นภรรยา เท่านี้ก็นับว่าอยู่เป็นเพื่อนกัน หากเทียบกับคู่ครองที่ต้องตายจากกัน ขอแค่นี้เขาก็พอใจแล้ว
แต่หากชาติหน้ามีจริง ขอให้เขาเกิดเร็วนี้สักหน่อย เพราะเขาไม่อยากเป็นน้องเซี่ยอีกแล้ว