ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 1003
ไป๋ยี่เฟยเห็นแล้วก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ความรู้สึกนี้…….คุ้นเคยมาก เหมือนจางหรงเล็กน้อย
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกไม่มีความหมาย ขี้เกียจสนใจคนแบบนี้ เพียงแค่พูดกับพวกหมีฉาอย่างเรียบเฉย “ไปเถอะ”
พวกหมีฉาก็พยักหน้า ตามไป๋ยี่เฟยออกจากบ่อนคาสิโน
แต่พวกเขาไม่ได้สังเกต ภาพเมื่อครู่นี้ถูกเจ้ามือพนันสาวคนนั้นเห็นแล้ว
เจ้ามือพนันสาวมองดูทิศทางที่ไป๋ยี่เฟยจากไป ก็พูดกับอากาศกะทันหันว่า “ออกมาเถอะ”
พูดจบ ลูกพี่เป่ยก็เดินออกมาจากข้างหลังเธอ และพูดอย่างโมโห “ไอ้สัตว์ทางเหนือสมควรตายจริงๆ รอฉันมีโอกาสเมื่อไหร่ เอามันให้ตายแน่”
เจ้ามือพนันสาวได้ยินแล้วก็ทำเสียงเย็นชา พูดด้วยนำเสียงเหยียดหยาม “คุณเหรอ?”
ลูกพี่เป่ยอึ้งเล็กน้อย รู้สึกอึดอัด จากนั้นก็พูดกับเจ้ามือพนันสาวอย่างเคารพ “ขอโทษครับ ทำให้ท่านดยุกต้องขายหน้าแล้ว”
ตามหลักแล้วลูกพี่เป่ยคือเจ้าของบ่อนคาสิโน เจ้ามือพนันสาวควรเคารพลูกพี่เป่ยถึงจะถูก แต่ตอนนี้กลับกัน ถ้าหากให้ไป๋ยี่เฟยเห็น คิดว่าคงจะตะลึงน่าดู
เจ้ามือพนันสาวมองลูกพี่เป่ยอย่างเรียบเฉย พูดว่า “เขาคือยอดฝีมือระดับที่หนึ่ง แพ้ให้เขา ก็ไม่ขายหน้า”
“อะไร?” ลูกพี่เป่ยตะลึงจนเบิกตากว้าง “เขา เขาคือ……”
เจ้ามือพนันสาวพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ไม่แน่ใจ แต่ยอมฆ่าผิดพันคน ก็ปล่อยไปไม่ได้แม้แต่คนเดียว สามารถส่งข่าวไปเบื้องบนได้แล้ว ถ้าหากเป็นจริง คุณก็ช่วยท่านดยุกสร้างผลงานชิ้นใหญ่แล้ว”
ลูกพี่เป่ยสีหน้าดีใจ แล้วถามต่อ “งั้นผมส่งคนตามพวกเขาไปเดี๋ยวนี้”
“ไม่ต้องแล้ว” เจ้ามือพนันสาวส่ายหน้าพูดว่า “คนของฉันตามไปแล้ว”
…….
พวกสือหลู่นั่งขึ้นบนสามล้ออีกครั้ง มุ่งหน้าไปในหมู่บ้าน
ส่วนสือหลู่ในตอนนี้ เปลี่ยนทัศนคติต่อไป๋ยี่เฟยไปอย่างมาก
ตอนแรกเขานึกว่าพวกเขามาทำธุรกิจจากแผ่นดินใหญ่เมืองเหนือ คิดว่าฝีมือการต่อสู้น่าจะเกือบศูนย์ แต่ใครจะไปรู้ผู้ช่วยเหลือมีเพียงเขาคนเดียวก็ช่วยเขากับฉุงลี่ซือออกจากบ่อนคาสิโนของลูกพี่เป่ยได้
ถึงเขาจะไม่ได้เห็นไป๋ยี่เฟยลงมือด้วยตัวเอง แต่หลังจากนั้นตอนอยู่หน้าประตู หมีฉาลงมือแล้ว ความสามารถระดับนั้นไม่ใช่คนทั่วไปสามารถมีได้ ส่วนเขาเคารพต่อไป๋ยี่เฟยมาก
นี่ก็อธิบายปัญหาได้แล้ว เพราะฉะนั้นความรู้สึกที่เขามีต่อไป๋ยี่เฟยก็เกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว
ตอนอยู่ระหว่างทาง สือหลู่ถามไป๋ยี่เฟย “ใช่แล้ว ยังไม่ได้ถามชื่อคุณเลย”
“คุณลุง ผมชื่อสวีลั่ง” ไป๋ยี่เฟยยิ้มแล้วแจ้งชื่อของสวีลั่งออกมาอีกครั้ง
หมีฉาที่อยู่ด้านข้างก็รู้ตัวอย่างดีตั้งชื่อปลอมออกมาหนึ่งชื่อ “ผมชื่อซินถู”
พวกเขาทั้งหลายไม่รู้แม้แต่น้อย ด้านล่างของรถสามล้อของพวกเขา มีเครื่องติดตามตัวหนึ่งที่เล็กเท่าเล็บนิ้วก้อยอยู่บนนั้น
ไป๋ยี่เฟยหยิบใบไม้สีทองออกมาอีกหลายแผ่นยื่นให้สือหลู่ “คุณลุง เรื่องในวันนี้อย่าไปบอกคนอื่นเด็ดขาด มิเช่นนั้นจะอันตรายมาก”
สือหลู่ก็ไม่ใช่คนโง่ รู้ว่าวันนี้พวกเขามีเรื่องกับคนกลุ่มนั้น ต้องไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอน ถึงแม้ไป๋ยี่เฟยจะไม่เตือนเขา เขาก็ไม่กล้าพูดกับคนอื่น
หลายชั่วโมงผ่านไป ในที่สุดพวกเขาก็กลับมาถึงบ้านของสือหลู่
สือหยุนเตรียมอาหารเย็นเรียบร้อย แต่สำหรับคนที่เกินออกมานั้น เธอรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก “ทำไมถึงมีพวกไก่อ่อนมากินฟรีเยอะขนาดนี้?”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำบ่นของสือหยุน รู้สึกตลกในใจ เธอนับถือคนเก่งนั้นไม่มีปัญหาอะไร แต่ก็ไม่ควรมีอคติขนาดนี้มั้ง? รู้สึกเหมือนคนอ่อนแอก็ไม่คู่ควรกินข้าว ไม่คู่ควรมีชีวิตอยู่บนโลกอย่างนั้น
แต่ว่าไป๋ยี่เฟยก็แค่คิดในใจเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องไปโต้ตอบอะไรกับเธอ
ส่วนไป๋ยี่เฟยไม่โต้ตอบ หมีฉาก็ไม่พูดมากอะไรเช่นกัน
สำหรับพฤติกรรมความไม่สนใจของทั้งสองคน สือหยุนยิ่งไม่พอใจกว่าเดิม “หน้าด้านจริงๆ อะไรก็ไม่ทำ รู้แต่มากินฟรีดื่มฟรี”
สือหลู่เห็นแล้วก็มองไป๋ยี่เฟยและหมีฉาอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ต่อว่าสือหยุน “พอแล้ว กินข้าวของเธอดีๆ ว่าไปแล้ว คุณสวีเขาก็ไม่ใช่ว่าไม่ให้เงิน ยังมีอะไรต้องพูดอีก?”
สือหยุนได้ยินแล้วกลับหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “หนูเกลียดที่สุดก็พวกอ่อนหัดที่มีแต่เงินกลับไม่มีความสามารถเลยแม้แต่น้อย”
“ยายหนู หุบปากเดี๋ยวนี้” สือหลู่ต่อว่า “อย่าดูคนอื่นแค่ภายนอกเท่านั้น”
เรื่องบางอย่างเขาพูดมากไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงได้แค่ตักเตือนแบบนี้ไปคำหนึ่ง
ปรากฏว่าสือหยุนไม่สนใจ ทำเสียงไม่พอใจแล้วลุกเดินจากไป
สือหลู่เห็นแล้วจึงอดถามไม่ได้ “หนูไปไหน?”
“หนูไม่กินแล้ว เห้อ” สือหยุนหมุนตัวเดินไปทางห้องนอนของตัวเอง
สือหลู่เห็นแล้วก็โมโหจนวางตะเกียบ “รีบกลับมากินข้าวให้เสร็จเดี๋ยวนี้”
“หนูไม่กิน” สือหยุนไม่แม้แต่หันหัวกลับมา กลับเข้าห้องตัวเองแล้ว
สือหลู่สีหน้าไม่ค่อยดี จากนั้นก็พูดกับไป๋ยี่เฟยอย่างระมัดระวัง “คุณสวีอย่าถือสา ยายหนูก็แค่นิสัยเด็กเท่านั้น คุณอย่างใส่ใจเลยนะ”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหน้าอย่างไม่ใส่ใจ ก้มหน้ากินข้าว
สือหลู่เห็นแล้วค่อยรู้สึกโล่งใจ
หลังจากกินอาหารเย็นเสร็จแล้ว สือหลู่ไม่วางใจสือหยุน ไปหาสือหยุนที่หน้าห้องเธอ “เสี่ยวหยุน รีบออกมากินข้าว อย่าให้ถึงกลางดึกหิวแล้วนอนไม่หลับ”
“หนูไม่กิน” น้ำเสียงอันดื้อรั้นของสือหยุนดังออกมาจากห้อง “ทำไมถึงต้องให้ไอ้ไก่อ่อนสองคนนั้นที่ไม่ทำอะไรเลยมากินข้าว?”
ฉุงลี่ซือตั้งแต่กลับมาก็กลับเข้าห้องนอน ไม่ได้ออกมาอีกเลย
สือหลู่พูดอย่างเอือมระอา “คนอื่นเขาให้เงินแล้วทำไมถึงกินข้าวไม่ได้? ว่าไปแล้ว นี่มันเกี่ยวอะไรกับเรากินหรือไม่กินข้าว?”
“หนูเห็นไอ้ไก่อ่อนพวกนี้แล้วก็กินไม่ลง” สือหยุนพูดอย่างโมโห
สือหลู่ทั้งเอือมระอาทั้งกังวล “คนอื่นเขาอ่อนตรงไหน…….”
พูดได้ครึ่งเดียวเขาก็ชะงัก น้ำเสียงเขาไม่เบา ส่วนไป๋ยี่เฟยอาจจะไม่อยากเปิดเผยตัวเอง เพราะฉะนั้นก็ไม่ได้พูดต่อ
ส่วนไป๋ยี่เฟยกับหมีฉาตอนนี้นั่งอยู่ในสวนหย่อม มองพระจันทร์บนฟ้าไปด้วย คุยไปด้วย
หมีฉาพูด “สิ่งที่คุณกับผมได้ยิน ไม่เหมือนกัน”
“คุณได้ยินยังไงบ้าง?” ไป๋ยี่เฟยถามอย่างอดสงสัยไม่ได้
หมีฉาลังเลเล็กน้อย “นี่…….”
ไป๋ยี่เฟยเห็นเขาลังเล และรู้ว่าไม่ใช่คำพูดที่ดีอะไรแน่นอน แต่เขาไม่ใส่ใจ จึงพูดว่า “คุณพูดเลย ไม่ได้หนักหนาอะไร ผมไม่ใส่ใจ”
หมีฉาเห็นแล้วจึงเปิดปากพูดว่า “พวกเขาบอกว่าคุณคือปีศาจที่ฆ่าคนมานับไม่ถ้วน”
“เพราะว่าคุณฆ่าคุณชายของสหพันธ์พวกเราไปสองคน ไม่เพียงแค่ออกคำสั่งฆ่าอย่างเด็ดขาดต่อคุณ ยังประกาศต่อภายนอกว่าคุณคือปีศาจฆ่าคนนับไม่ถ้วน…….”
คำพูดพวกนี้ไป๋ยี่เฟยไม่ได้รู้สึกแปลกใจ มีอยู่จุดหนึ่งที่เขาแปลกใจ “สหพันธ์รู้ได้ยังไงว่าผมยังมีชีวิตอยู่?”
“ผมจำได้ เหลียนยินเขาเห็นผมโดดทะเลกับตา”
หมีฉาพยักหน้าเล็กน้อยพูดว่า “นี่เป็นคำสั่งจากประมุข เขาเป็นคนบอกว่าคุณยังมีชีวิตอยู่ เพราะฉะนั้นบอกให้พวกเราจับเป็น ใช้หัวของคุณมาเซ่นไหว้คุณชายทั้งสอง”
คำพูดจบลง ฉุงลี่ซือออกมาจากห้องนอนแล้ว
ตอนแรกเธองอนไป๋ยี่เฟย แต่ว่าเธอซึ่งเป็นคุณหนูลูกไฮโซไม่เคยได้รับความลำบากอะไรมาก ถึงแม้ว่าช่วงนี้จะผ่านอะไรมามากมาย ก็ทนไม่ไหว
ตอนนี้เธอหิวแล้ว หิวมาก เพราะฉะนั้นถึงจะงอนยังไง ก็ต้องปล่อยวาง
ฉุงลี่ซือออกมาแล้วก็เห็นไป๋ยี่เฟย ไป๋ยี่เฟยมองเธออย่างเรียบเฉยครู่เดียวก็หันหน้าไม่มองเธอแล้ว
เห็นแล้ว ฉุงลี่ซือเขินเล็กน้อย แต่มากกว่านั้นคืออยากกินอาหาร ดังนั้นเธอจึงพูดกับไป๋ยี่เฟย “ฉันหิวแล้ว”
ได้ยินคำพูดนี้ ไป๋ยี่เฟยเงียบไปครู่หนึ่งแล้วถอนหายใจพูดว่า “เก็บไว้ให้คุณชุดหนึ่งในครัว ไปกินเองเถอะ”
ฉุงลี่ซือได้ยินก็ดีใจ รู้สึกว่าไป๋ยี่เฟยยังคงเป็นห่วงเธออยู่ ดังนั้นจึงไปกินข้าวในครัวอย่างดีใจ
เมื่อฉุงลี่ซือกินข้าวเสร็จเดินออกมา มองไป๋ยี่เฟย เหมือนอยากพูดอะไรสักอย่าง
แต่ไป๋ยี่เฟยกลับพูดก่อน “คุณกลับไปนอนก่อนเถอะ”
ได้ยินคำนี้แล้ว ฉุงลี่ซือหน้าแดงขึ้นมาทันที
ไป๋ยี่เฟยกลับไม่ได้สนใจเธอ แต่มองไปที่หมีฉา จากนั้นก็หมุนตัวเดินเข้าไปในป่า
“คุณไปไหน?” ฉุงลี่ซือเห็นแล้ว ก็อดถามอย่างรีบร้อนไม่ได้
ไป๋ยี่เฟยพูดอย่างเรียบเฉย “ไปเดินเล่น วางใจได้ ยังไม่ทิ้งคุณตอนนี้หรอก”
ฉุงลี่ซือวางใจแล้ว แต่ในใจก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ เธอยังอยากตามไปด้วยซ้ำ แค่คิดถึงคำพูดที่ไป๋ยี่เฟยพูดกับเธอในบ่อนคาสิโน ก็เลยยอมแพ้
สุดท้าย เธอจึงได้แค่กลับเข้าห้องนอนอย่างไม่พอใจ
ส่วนหมีฉาก็เดินตามไป๋ยี่เฟยเข้าไปในป่าอย่างเงียบๆ