ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 1019
เขาก้มมองไปยังท้องของตัวเอง สายตานั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและไม่พอใจ
ทั้งๆ ที่เขาโดนแทงไปแค่ทีเดียว แต่ท้องของเขากลับเกิดเป็นรูใหญ่ รูใหญ่ๆ นั่นก็มีเลือดไหลออกมา และไส้ยังทะลักเต็มพื้น
ทุกคนต่างตื่นตกใจ
ทุกคนต่างกลั้นหายใจอย่างไม่ตั้งใจ
ส่วนดาบในมือของไป๋ยี่เฟยนั้นได้แหลกไปจนหมดแล้ว
จากนั้นเขาก็ค่อยๆ เดินเข้าไปหาชายหัวล้าน
“แกมันสมควรตาย!”
“ไม่เอื๊อก……”
จะพูดให้จบสักคำชายหัวล้านยังไม่สามารถจบได้ เพราะพอเขาเปิดปากพูด เลือดก็จะทะลักออกมาทันที
สายตาที่เขามองไป๋ยี่เฟยก็ดูหวาดกลัวเข้าไปทุกที
ไป๋ยี่เฟยเดินมาถึงหน้าเขาแล้ว ยกแผ่นเหล็กในมือของเขาขึ้นมา โบกสะบัดไปชุดหนึ่ง ฟันลงบนตัวเขาอย่างบ้าคลั่ง เลือดสดๆ กระจายไปทั่ว เลอะเทอะเต็มตัวไป๋ยี่เฟยไปหมด
ร่างกายของไป๋ยี่เฟยถูกย้อมไปด้วยคราบเลือด บวกกับดวงตาที่แดงก่ำของเขา และการกระทำที่บ้าคลั่งของเขาตอนนี้ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นมองดูเขาก็เหมือนกับกำลังจ้องมองปีศาจตนหนึ่งอยู่
ทุกคนต่างก็อึ้งไป
ทุกคนต่างรู้สึกหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด
ยีหยุนที่เห็นไป๋ยี่เฟยสามารถเอาชนะไป๋ยี่เฟยไปได้นั้น ตอนแรกเธอก็ยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่เลย แต่พอได้เห็นสภาพที่บ้าคลั่งของเขาตอนนี้ เธอเองก็ต้องตกใจเหมือนกัน จนเริ่มตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
ท่านดยุกเองก็กำลังจ้องมองไป๋ยี่เฟยด้วยความหวาดกลัวเหมือนกัน เขาจึงรีบหันไปพูดกับลูกน้องของตัวเองว่า “เร็วรีบมาพยุงฉัน……ให้ออกไปจากที่นี่”
และในตอนนั้นเอง ก็ได้มีเสียงเฮลิคอปเตอร์ดังขึ้น
เมื่อทุกคนได้ยิน ต่างก็พากันหันไปมอง
เฮลิคอปเตอร์ห้าลำบินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนพวกมันค่อยๆ ลงจอด
ท่านดยุกที่กำลังจะหนี พอเห็นแบบนั้นก็รู้สึกดีใจขึ้นมาทันที เขารีบสั่งห้ามลูกน้องของตัวเองเอาไว้ “เดี๋ยวก่อน! กำลังเสริมของสหพันธ์วรยุทธได้มาถึงแล้ว!”
พอได้ยินแบบนั้น หัวใจของยีหยุนก็ตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม เธอหันไปมองไป๋ยี่เฟยอีกที แล้วกัดฟัน เธอรีบกระเสือกกระสนลุกออกมาจากซากประหลักหักพัง แล้ววิ่งเข้าไปหาไป๋ยี่เฟย
เธอดึงแขนของไป๋ยี่เฟยไว้ แล้วพูดด้วยความร้อนรนว่า “ไป๋ยี่เฟย รีบหนีเร็ว! คนของสหพันธ์วรยุทธมาแล้ว!”
“ไป๋ยี่เฟย!”
เสียงตะโกนของยีหยุนทำให้ไป๋ยี่เฟยสามารถดึงสติกลับมาได้บางส่วน เขามองหน้ายีหยุนด้วยความมึนงง จากนั้นก็มองตามสายตาของเธอไป แล้วก็ได้เห็นเฮลิคอปเตอร์ที่ลงจอดแล้ว
ยีหยุนกระชากตัวไป๋ยี่เฟย “เรารีบหนีเร็ว!”
แต่ว่าไป๋ยี่เฟยกลับไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย แถมสายตาที่มองไปยังเฮลิคอปเตอร์พวกนั้นยังเย็นเยือกมากด้วย “มาได้จังหวะพอดี!”
ยีหยุนตกใจอย่างถึงที่สุด
ดวงตาสีเลือดของไป๋ยี่เฟยนั้นส่องแสงกว่าเดิมอย่างน่าประหลาด “ต้องตายให้หมด!”
“คนสหพันธ์วรยุทธ ต้องตายให้หมด!”
ยีหยุนที่เห็นแบบนั้นก็อยากห้ามเขาว่าอย่าใจร้อน แต่ว่า เธอยังไม่ทันได้พูดไป๋ยี่เฟยก็หมดสติไปเลย
ตอนนี้ยีหยุนถึงกับงงไปแล้ว
ไป๋ยี่เฟยล้มลงไปนอนอยู่บนพื้นอย่างไร้สติ มุมปากมีเลือดไหลออกมาค่อนข้างมาก ที่หัวไหล่ยังมีรูที่ถูกนิ้วแทงอีกหลายรู นอกเหนือจากนั้น ตามตัวก็เลอะไปด้วยเลือดของชายหัวล้าน
พอเห็นแบบนั้น ยีหยุนก็นั่งลงกับพื้น แล้วยิ้มออกมาอย่างเจ็บปวด
“สุดท้ายก็หนีไม่รอดอยู่ดี”
พอท่านดยุกได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทางนี้ เขาก็หัวเราะออกมาทันที “แค่พวกแกยังคิดที่จะฆ่าฉันอีกอย่างนั้นเหรอ?”
“ยีหยุน นังสาระเลว ฉันจะทำให้เธอได้รู้ว่าการทรยศฉันมันจะมีจุดจบยังไง!”
“เธอคิดว่าเมื่อก่อนที่อยู่กับฉันเธอนั้นได้รับความอัปยศมากพอแล้วใช่มั้ย?”
“อีกเดี๋ยวฉันจะทำให้เธอได้รู้เองว่าความอัปยศที่แท้จริงมันเป็นยังไง”
ยีหยุนหันไปมองไป๋ยี่เฟยอย่างสิ้นหวังทีหนึ่ง จากนั้นก็กัดฟันแน่น แล้วเธอก็เก็บแผ่นเหล็กที่ตกอยู่ข้างๆ ไป๋ยี่เฟยขึ้นมา
เธอทนกับชีวิตอันอัปยศนี้มานานหลายปีแล้ว เธอไม่อยากจะถูกท่านดยุกย่ำยีอีกต่อไป ถ้าต้องเป็นแบบนั้น สู้ตายไปยังจะดีซะกว่า
เธอนั้นได้เตรียมใจที่จะปลิดชีพตัวเองแล้ว
ในตอนนั้นเอง ยอดฝีมือของสหพันธ์วรยุทธสิบกว่าคนที่ลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ก็ได้เดินตรงมาที่พวกเธอ
ชายวัยกลางคนที่เดินอยู่หน้าสุดพอเห็นสภาพที่เลวร้ายของที่นี่แล้ว เขาก็ต้องขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
ตอนที่เขากำลังจะถามว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ ท่านดยุกก็ได้ชี้ไปทางไป๋ยี่เฟยกับยีหยุนที่อยู่ไม่ไกล “ท่านใหญ่โยว่ ไป๋ยี่เฟยมันอยู่ตรงนั้นครับ!”
“นี่เป็นฝีมือของมันทั้งหมดเลย!”
“แถมมันยังฆ่าผู้อาวุโสอีกด้วย!”
ผู้พิทักษ์สำนักโย่วที่ได้ยินแบบนั้น ก็รู้สึกใจหาย จากนั้นก็มองไปยังไป๋ยี่เฟยที่เลือดท่วมไปทั้งตัว “เอาตัวมันกลับไปกับพวกเรา!”
บรรดายอดฝีมือของสหพันธ์วรยุทธที่ยืนอยู่ด้านหลังเขารีบเดินไปข้างหน้าเพื่อที่จะจับกุมพวกเขา
ยีหยุนที่เห็นแบบนั้นจึงได้ชูแผ่นเหล็กขึ้นมา
แต่ในตอนนั้นเอง บนท้องฟ้าก็ได้มีเสียงของเฮลิคอปเตอร์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง ในเวลาเดียวกันยังมีเสียงประกาศออกมาอีกว่า
“ห้ามแตะต้องคุณชายของเราเด็ดขาด!”
ไป๋ยี่เฟยในตอนนี้เหมือนจะได้สติขึ้นมาได้นิดหน่อย เขายังคงนอนอยู่บนพื้นอย่างไม่ขยับเขยื้อน
จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่ามีคนกลุ่มหนึ่งมาเพิ่มอีกแล้ว
จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็เริ่มต่อสู้กันขึ้นมา
แต่เขาก็รักษาสติไว้ไม่ได้ จนสลบไปอย่างสมบูรณ์
และไม่รู้ว่ามันผ่านไปนานแค่ไหน เขาก็ค่อยๆ ฟื้นคืนสติขึ้นมา ไม่รู้ว่าเขาแยกแยะความจริงไม่ได้หรือเขากำลังอยู่ในความฝันกันแน่
เขาอยากลืมตาขึ้นมาดู แต่ยังไงก็ทำไม่ได้
จากนั้น เขาก็เหมือนได้ยินผู้หญิงคนหนึ่งกระซิบอะไรบางอย่างกับเขา
“ตอนที่ฉันอายุสิบขวบ พ่อแม่ต่างก็ตายแล้ว เขาเป็นคนช่วยฉันจัดการเรื่องงานศพ”
“ฉันในตอนนั้นไม่รู้ว่าตัวเองควรทำยังไงต่อไปดี และไม่รู้ด้วยว่าต้องเองต้องเจออะไรในอนาคต”
“ฉันรู้สึกกลัวมาก ไม่มีที่พึ่ง”
“แล้วเขาก็พูดกับฉัน มาอยู่กับฉันเถอะ ฉันจะเลี้ยงดูเธอให้เหมือนกับเป็นลูกแท้ๆ เลย”
“ตอนนั้นฉันรู้สึกซาบซึ้งมาก ที่เขายื่นมือมาดึงฉันในตอนที่สิ้นหวังที่สุด”
“ฉันกลับไปกับเขา เขาจ่ายเงินให้ฉันไปเรียน สอนวรยุทธให้ฉัน และยังดูแลเอาใจใส่ฉันเป็นอย่างดี”
“ฉันเคารพเขาเหมือนพ่อแท้ๆคนหนึ่ง”
“ตอนนั้นฉันคิดว่าตัวเองคือคนที่โชคดีที่สุดแล้ว”
“แต่ว่า ตอนที่ฉันอายุสิบหก ฝันร้ายของฉันก็ได้เริ่มต้นขึ้น”
“เขาบอกว่าฉันโตแล้ว แถมยังพูดด้วยรอยยิ้มว่า ฉันเป็นคนสวย”
“ตอนนั้นฉันไม่ได้สนใจการยิ้มของเขา และไม่ได้ใส่ใจความหมายที่เขาแอบแฝงด้วย”
“หลังจากนั้น เขาก็สอนให้ฉันฆ่าคน ฆ่าคนไปเยอะมาก”
“ฉันรู้สึกกลัวมาก”
“และในคืนนั้นเอง เขาก็ช่วยอาบน้ำให้ฉัน จากนั้น……”
“ฉันรู้สึกกลัวมาก แต่ฉันก็ไม่กล้าขัดขืน”
“ฉันเห็นเขาเคยฆ่าคนที่ไม่ได้ทำผิดอะไร เพียงเพราะเขารู้สึกหงุดหงิดเท่านั้น”
“ฉันกลัวว่าถ้าทำให้เขาไม่พอใจแล้วเขาจะฆ่าฉันทิ้ง”
“ด้วยเหตุนี้ ฉันเลยต้องคอยรับใช้เขาอย่างระมัดระวัง”
“สุดท้าย ฉันก็กลายเป็นเครื่องมือที่เขาเอาไว้ระบายความต้องการ เป็นเครื่องจักรสังหารของเขา”
“จนต่อมาฉันก็ได้รู้ว่าเขานั่นแหละที่เป็นคนฆ่าพ่อแม่แท้ๆ ของฉัน แม้แต่จะต่อต้านฉันยังไม่กล้าที่จะคิดเลย”
“เขาเคยให้ฉันมองดูเขาควักลูกตาของคนออกมา แถมยังเคยถลกหนังคนด้วย”
“ฉันกลัว……”
“ฉันรู้สึกกลัวมากจริงๆ”
“ในสายตาของฉันเขาก็คือปีศาจที่ขึ้นมาจากนรก ฉันกลัวว่าวันหนึ่งตัวเองก็จะเป็นเหมือนคนอื่น”
“และในสายตาของเขา ฉันก็เป็นได้แค่เครื่องมือ เพื่อชักชวนคนที่มีความสามารถมาอยู่กับเขามากขึ้น เขาก็เอาฉันไปให้ลูกน้องของเขาเล่น”