ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 1024
แต่ปวดหัวแค่ไหนก็ช่วยไม่ได้เช่นกัน ยังคงต้องเดินเข้าไป
พอเข้าไปก็มองเห็นครอบครัวใหญ่นั่งอยู่บนโซฟาห้องรับแขก กำลังพูดคุยหัวเราะกัน ดูอบอุ่นเป็นอย่างมาก
เวลานี้ น้าเจี่ยงตะโกนบอกแก่คนในบ้าน “คุณไป๋กลับมาแล้วค่ะ!”
เพราะเสียงตะโกนนี้ ทุกคนจึงหันมามอง
ไป๋ยี่เฟยได้แต่ร้องทักทีละคนๆ “พ่อแม่ พ่อแม่”
ซึ่งหลังจากที่ทุกคนเห็นเขา รอยยิ้มบนใบหน้าก็เลือนหายไปทันที
ไป๋ยี่เฟยเห็นเช่นนี้ในใจก็เต้นโครมคราม เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาทันที
ขณะเดียวกัน จู่ๆ หลี่เสว่ก็ตะโกนบอกไป๋ยี่เฟยว่า “คุณคะ ไปเร็ว!”
ไป๋ยี่เฟยชะงักไป ไม่รู้โดยสิ้นเชิงว่าเกิดอะไรขึ้น ผลคือพอเหลือบตาขึ้นมอง ก็เห็นถาดใสที่ไว้ใช้จัดใส่ผลไม้โดยเฉพาะใบหนึ่ง บินตรงมาทางเขา
จากนั้นก็มีเสียงด่าของหลิวจื่อหยุนดังมา “ไป๋ยี่เฟยไอ้คนเนรคุณ! หลี่เสว่ของเรารักแกอย่างสุดหัวใจ แถมยังให้กำเนิดครรภ์หงส์มังกรคู่หนึ่งกับแก แต่แกล่ะ? แกถึงกับ……คอยดูวันนี้ฉันจะตีแกให้ตาย!”
“เคร้ง!”
ไป๋ยี่เฟยเอียงศีรษะหลบ ถาดใสใบนั้นจึงกระแทกเข้ากับกำแพงที่อยู่ด้านหลังเขาโดยตรง แปรเปลี่ยนเป็นชิ้นๆ แล้วตกลงสู่พื้น
หลิวจื่อหยุนคว้าร่มคันหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะกลางขึ้นมาแล้วพุ่งเข้ามา
“แกไอ้คนเนรคุณ ฉันจะตีแกให้ตายเลยคอยดู!”
“สารเลว! เอาแต่เที่ยวผู้หญิงอยู่ข้างนอก!”
“ไอ้คนเนรคุณชั่วช้า!”
หลิวจื่อหยุนถือร่มต้องการจะฟาดเข้าที่ศีรษะของไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้หลบ เพราะอย่างไรด้วยแรงของหลิวจื่อหยุนและร่มคันเดียวไม่อาจสร้างความเจ็บปวดอะไรแก่เขาได้
อีกทั้งได้ยินหลิวจื่อหยุนด่าเช่นนี้ ก็รู้แล้วว่าเธอจะต้องรู้เรื่องของหลิวเสี่ยวอิงแล้วแน่ ซึ่งเรื่องนี้เดิมทีก็เป็นเขาที่เป็นฝ่ายผิด ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าโต้แย้ง
แต่……
“พลั่ก!”
จู่ๆ ยีหยุนที่อยู่ข้างหลังไป๋ยี่เฟยก็เดินขึ้นหน้ามาหนึ่งก้าว ใช้มือปัดร่มในมือของหลิวจื่อหยุนออกไป จากนั้นก็เอามือข้างหนึ่งกุมลำคอของหลิวจื่อหยุนไว้
“แกรนหาที่ตาย!” ยีหยุนกล่าวเสียงเย็น
ยีหยุนไม่รู้ถึงความเกี่ยวพันของไป๋ยี่เฟยกับหลิวจื่อหยุน เธอเห็นเพียงไป๋ยี่เฟยมีอันตราย อีกทั้งบาดแผลบนร่างเขาเพียงแค่อาการดีขึ้นแต่ยังไม่หายเป็นปกติ ดังนั้นจึงก้าวออกมา
เดิมบรรยากาศที่ตึงเครียดอยู่แล้วพอถูกทำเช่นนี้ ก็แปรเปลี่ยนเป็นตึงเครียดมากกว่าเดิม
โชคดีที่ไป๋ยี่เฟยตอบสนองได้ทันเวลา ดึงยีหยุนออกมา ตำหนิเสียงดังว่า “เธอจะทำอะไร? ท่านเป็นแม่ฉันเอง!”
ยีหยุนชะงักอยู่กับที่
หลังหลิวจื่อหยุนถูกปล่อยแล้ว ก็นั่งก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น ทั้งร้องไห้ทั้งโวยวายว่า “วันนี้คงไม่อาจปล่อยให้ผ่านไปได้แล้ว!”
“ไป๋ยี่เฟยแกมันสารเลว!”
“ลูกสาวฉันมีความรักให้แกอย่างลึกซึ้ง แถมยังคลอดลูกเลี้ยงลูกให้แก แกกลับไปหาผู้หญิงข้างนอก คืนคนหนึ่งรับมาคนหนึ่ง แบบนี้มันรังแกกันเกินไปแล้ว!”
“ถึงกับยังกล้าทำร้ายฉัน คิดจะบีบคอฉันให้ตายอีก!”
“ฮือๆ ……”
“นี่ยังจะให้ผ่านไปยังไง? ฮือๆ ……”
เพราะการร้องไห้โวยวายของหลิวจื่อหยุน เด็กที่กำลังเงียบสองคนก็ราวกับถูกกระตุ้น พากันร้องไห้ตามขึ้นมา
ในห้องรับแขกพลันเกินเสียงร้องไห้โวยวายดังต่อเนื่องขึ้นมาทันที
หลี่เสว่รีบเข้ามาประคองหลิวจื่อหยุนไว้ แต่หลิวจื่อหยุนไม่ยอมลุกขึ้นมา
“แม่คะ แม่ลุกขึ้นมาก่อนได้ไหม?” หลี่เสว่ออกแรงอีก แต่หลิวจื่อหยุนก็เหมือนกับหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง ไม่ขยับเขยื้อนโดยสิ้นเชิง
ไป๋หยุนเผิงเห็นเช่นนี้ก็เดินมาที่นี่พร้อมกับอู๋กุ้ยเซียง “ชิงแก ลุกขึ้นก่อนเถอะ มีอะไรก็พูดจากันดีๆ”
หลี่เฉียงตงก็มาหยุดตรงหน้าไป๋ยี่เฟย จากนั้นก็ดันเขาออกไป
“พ่อ ผม……” ไป๋ยี่เฟยร้องเรียกอย่างทำอะไรไม่ถูก
หลี่เฉียงตงส่ายหน้ายิ้มขื่นแล้วกล่าวว่า “แม่แกเป็นผู้หญิงหัวโบราณ เรื่องแบบนี้จึงยากจะรับได้ แกให้เธอใจเย็นลงก่อน”
ไป๋ยี่เฟยพูดอย่างทุกข์ใจว่า “ทุกอย่างต้องโทษผม ผมผิดเอง”
“เรื่องของความรัก บอกไม่ได้หรอกว่าใครผิดใครถูก” หลี่เฉียงตงตอบเสียงเรียบ
ไป๋ยี่เฟยในใจทุกข์มากกว่าเดิม
หลี่เฉียงตงตบที่ไหล่ของเขาแล้วกล่าวว่า “แกเดินเล่นอยู่ข้างนอกก่อนเถอะ รอพวกเราไปแล้ว ค่อยให้เสว่เอ๋อโทรหาแก”
“ครับ” จนปัญญา ไป๋ยี่เฟยได้แต่เดินออกมาจากประตู
หลังออกมาแล้ว ยีหยุนดูเหมือนเพิ่งจะได้สติขึ้นมา จากนั้นจึงถามว่า “คุณยังมีผู้หญิงคนอื่นอีก?”
“ใช่” หลังไป๋ยี่เฟยพูดจบก็จุดบุหรี่มวนหนึ่ง
ยีหยุนกลับกล่าวอย่างไม่เข้าใจว่า “เรื่องนี้สำหรับพวกเราที่นั่นธรรมดามาก ทำไมพวกเขาถึงมีปฏิกิริยาใหญ่โตเช่นนี้?”
ไป๋ยี่เฟยพ่นควันออกมาทีหนึ่ง ยิ้มขื่นแล้วกล่าวว่า “ที่นั่นของพวกคุณคือที่นั่นของพวกคุณ ที่นี่ของพวกเราคือที่นี่ของพวกเรา มันไม่เหมือนกัน”
“สำหรับที่นี่ของพวกเราคือรับไม่ได้ มันผิดศีลธรรม”
“พวกเราต่างยึดธรรมเนียมผัวเดียวเมียเดียว เพราะความรักของคนสองคนไม่เพียงเกี่ยวพันถึงคนสองคน แต่ยังเกี่ยวพันถึงครอบครัวทั้งสองฝ่ายด้วย”
“ยิ่งไปกว่านั้น อยู่ที่นี่คุณจะมีเงินมีอำนาจไม่สำคัญ ไม่อาจเพราะมีเงินมีอำนาจแล้ว คิดจะแต่งเท่าไหร่ก็แต่งได้”
ไป๋ยี่เฟยคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ในวันนี้ไว้ก่อนแล้ว เขาเองก็รู้ว่าผู้หญิงอย่างหลิวจื่อหยุน จะให้รับเรื่องเช่นนี้มันแทบจะเป็นไปไม่ได้
ดังนั้นปัญหาที่เขาต้องเผชิญในอนาคตจะยุ่งยากและลำบากมากกว่าเดิม หากเขาจัดการได้ไม่ดีล่ะก็ ยังจะทำร้ายครอบครัวของพวกหลิวเสี่ยวอิง อาจยังรวมไปถึงครอบครัวของหลี่เสว่อีกด้วย
เพราะความผิดที่ไร้จิตสำนึกของเขาคนเดียว ทำให้ตอนนี้ยิ่งผิดพลาดขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ผิดไปหมด สุดท้ายจึงกลายเป็นความยุ่งเหยิงกองหนึ่ง
ไป๋ยี่เฟยสูดควันเข้าลึกทีหนึ่ง แล้วพ่นออกมาก่อนจะกล่าวว่า “สำหรับในนิยาย มีสามภรรยาสี่อนุดูจะสมควรแก่เหตุผล แต่ในความเป็นจริง คนรุ่นเก่าที่หัวโบราณเหล่านั้นไม่มีทางรับได้”
“นอกจากนี้ ยังจะถูกประณามไปทั่วโลกอีกด้วย”
“เฮ้อ!”
เวลานี้ จู่ๆ ยีหยุนก็ถามขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า “แค่ผู้หญิงอีกคนของคุณ ตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยชะงักเล็กน้อย ก็รู้ว่าเธอเข้าใจผิดแล้ว ดังนั้นจึงส่ายหน้าพูดว่า “ไม่ใช่เธอ”
ยีหยุนพลันตกใจทันที “แสดงว่ายังมีอีกคน? มิน่าคุณน้าถึงได้โกรธขนาดนี้ไงล่ะ!”
……
ไป๋ยี่เฟยกับยีหยุนขึ้นรถ แล้วขับรถจากไป
เขาวางแผนไว้ว่าอีกสองวันค่อยส่งเถ้ากระดูกของฉุงลี่ซือกลับเมืองหลวง เพียงแต่ไม่รู้ว่าหากพ่อเธอรู้ว่าฉุงลี่ซือตายแล้วจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
แล้วก็ยังมี โชคดีที่หยุนอิงจากไปแล้ว พวกหลี่เสว่จึงปลอดภัยชั่วคราว
เมื่อกี้ซินชิวก็นั่งอยู่ในห้องรับแขกด้วย เขามักทำให้ตนเองมีตัวตนน้อยที่สุดเสมอ ซึ่งไป๋หยุนเผิงกับหลี่เฉียงตงจำไม่ได้ว่าเขาเป็นใครโดยสิ้นเชิง
……
เวลากลางคืน หลังไป๋ยี่เฟยกับหลงหลิงหลิงเตรียมตัวเสร็จแล้วก็ขับรถไปยังภัตตาคารหมิงย่าน
ซึ่งหลงหลิงหลิงในวันนี้ก่อนออกจากบ้านดูเหมือนจะแต่งตัวสักครั้งหนึ่ง ไม่ได้สวมชุดทำงาน แต่สวมชุดราตรีสีน้ำเงินเข้มตัวหนึ่งแทน
ชุดราตรีสีเข้มขับให้ผิวของหลงหลิงหลิงขาวผ่องขึ้นกว่าเดิม ขณะเดียวกันก็เผยรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นของเธอออกมา
หลังหลงหลิงหลิงขึ้นรถก็พบว่าที่เบาะด้านหลังมียีหยุนนั่งอยู่อีกคน เธอที่อารมณ์ดีมากในตอนแรกจู่ๆ ก็ลดลงมากะทันหัน
หลังไป๋ยี่เฟยมองแวบหนึ่ง ก็กล่าวขึ้นเสียงเรียบว่า “เพื่อนคนหนึ่งน่ะ”
หลงหลิงหลิงพยักหน้า จากนั้นก็พยักหน้าให้ยีหยุน
เวลานี้ยีหยุนมองหลงหลิงหลิง จากนั้นก็ถามไป๋ยี่เฟยเสียงเบาว่า “ใช่คนนี้ไหม?”
ไป๋ยี่เฟยไร้คำพูด ทำไมถึงคอยแต่จะถามคำถามนี้ตลอดเลย เขากลัวว่ายีหยุนจะเข้าใจผิดต่อไป จึงรีบพูดว่า “ไม่ใช่ อย่าคิดไปเรื่อยสิ!”
หลงหลิงหลิงมองพวกเขาอย่างไม่เข้าใจ
ยีหยุนกลับทำท่าทางราวกับถึงบางอ้อ “ที่แม่ยายคุณโกรธมากขนาดนั้นเพราะมีเหตุผล ที่แท้คุณก็มีหลายคนนี่เอง!”
ไป๋ยี่เฟย “……”
หลงหลิงหลิงฟังความหมายจากประโยคนี้ออกในทันที พลันหน้าก็แดงอย่างเขินอายขึ้นมา
ซึ่งในเวลานี้จู่ๆ ยีหยุนก็ถามไป๋ยี่เฟยว่า “งั้นนายจะถือสาไหมหากจะเพิ่มอีกสักคน?”