ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 1037
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ตอบคำถามเขา เนื่องจากตัวเขาเองยังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น
ในสายตาของเขาจากกลางคืนกลายเป็นกลางวัน
เรื่องที่แปลกประหลาดนี้ทำให้เขาไม่สามารถเข้าใจได้ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ แต่ว่าตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาคิดเรื่องพวกนี้เช่นกัน
ไป๋ยี่เฟยรีบรีบวิ่งตรงเข้าไปทางหน้าประตูที่อยู่ด้านในสุดของโรงจอดรถ ก่อนที่เขาจะยื่นมือออกไปผลักประตูออกอย่างเต็มแรง
“แกร๊ก!”
ด้ามจับประตูถูกเขาจับจนแตกหักลงมา
และหลังจากที่ไป๋ยี่เฟยเห็นภาพที่อยู่ด้านในได้อย่างชัดเจนแล้ว เขาก็ผงะยืนอยู่กับที่ไปทันที
ด้านหลังของประตูบานนี้คือห้องนอนที่กว้างประมาณหนึ่งร้อยตารางเมตรงั้นหรอเฟอร์นิเจอร์ที่ตกแต่งอยู่ภายในห้องหรูหรามาก อีกอย่างตรงกลางสุดของห้องมีเตียงking-sizeวางอยู่ด้วยเตียงนึง อีกฝั่งนึงคือโต๊ะเครื่องแป้งขนาดใหญ่ และมีโต๊ะวงกลมและเก้าอี้อีกสองสามใบ
มีหญิงสาวที่เปลือยกายคนนึงกำลังฟุบนอนอยู่บนเตียง
อีกอย่างภายในห้องดังกล่าวก็มีแค่ผู้หญิงคนนี้คนเดียวเท่านั้น
ไป๋ยี่เฟยดึงสติกลับมาก่อนจะเข้าใจขึ้นมาได้ทันที ที่นี่ต้องมีทางออกอื่นแน่นอน และหวังเจียจุ้นได้หลบหนีไปแล้ว
และหญิงสาวที่อยู่บนเตียงคือใครไม่ต้องพูดก็คาดว่าน่าจะรู้
ไป๋ยี่เฟยมองเห็นร่างกายที่เปลือยเปล่าของหลงหลิงหลิง ทำให้เขาเบิกตากว้างขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“หลิงหลิง!”
ไป๋ยี่เฟยพุ่งตรงเข้าไปอย่างเร็ว ยกร่างกายเธอขึ้นและพลิกตัวเธอหันมาในเวลาเดียวกันก่อนจะใช้ผ้านวมบนเตียงมาห่มให้เธอ
“ขอโทษ…..” ไป๋ยี่เฟยพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นคลอน “ขอโทษ ฉันมาช้า…..”
และแล้วเขายังไม่ทันได้พูด เขาก็ได้หยุดชะงักไปก่อน
ถึงแม้หญิงสาวที่ถูกพลิกตัวกลับมาจะสวยงามมากๆ แต่สำหรับเขาแล้วเป็นผู้หญิงที่แปลกหน้ามากคนนึง
ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่หลงหลิงหลิงเลยด้วยซ้ำ
หลังจากที่ดึงสติกลับมาแล้ว ไป๋ยี่เฟยรู้สึกดีใจ ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่หลงหลิงหลิง งั้นก็แสดงว่าบางทีตอนนี้หลงหลิงหลิงอาจจะยังไม่ถูกหวังเจียจุ้นทำร้าย
และในตอนนี้เอง หญิงสาวคนดังกล่าวลืมตาขึ้นมาอย่างกะทันหัน แล้วยื่นมือออกมาจากใต้ผ้านวม และในมือของเธอมีดสั้นอยู่เล่มนึงอีกด้วย ก่อนที่เธอจะไปใช้มีดแทงเข้ามาทางไป๋ยี่เฟยอย่างรวดเร็ว
ภายใต้สถานการณ์ที่ปกติของห้องนี้ ไม่ได้เปิดไฟไว้ น่าจะมืดหมดทั้งห้อง
แต่ทว่าในสายตาของไป๋ยี่เฟยห้องนี้กลับสว่างจ้ามากๆ เพราะฉะนั้นเขาสามารถมองเห็นทุกการกระทำของหญิงสาวได้อย่างชัดเจนมาก ในขณะเดียวกันเขาก็รู้เราว่าตัวเองติดกับแล้ว
ไป๋ยี่เฟยลงมือภายในพริบตา เข้าไปจับข้อมือของหญิงสาวไว้ ก่อนจะออกแรงบีบ
“ฉึก!”
“โอ๊ย!”
ข้อมือของหญิงสาวถูกบีบจนกระดูกแตกหัก ก่อนที่เธอจะกรีดร้องอย่างเจ็บปวด
“พรึ่บ!
ในวินาทีเดียวกันไฟของห้องดังกล่าวก็ถูกเปิดออกอย่างกะทันหัน
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกตกตะลึง ก่อนจะรีบมองไปตรงทางเข้า
ผู้คนที่อยู่ด้านนอกได้ล้มลงไปกับพื้นเกือบครึ่ง มีแค่บางส่วนเท่านั้นที่ยังยืนหยัดอยู่ และตอนนี้เหลียนยินกำลังยืนอยู่ข้างๆหม้อแปลงไฟฟ้า
วินาทีที่ไฟถูกเปิดออกพวกเขาก็ได้หยุดการกระทำลง ก่อนจะพากันมองมาทางห้องดังกล่าว
ตอนนี้หญิงสาวที่ถูกไป๋ยี่เฟยบีบข้อมือจนกระดูกแตกหัก อัดอั้นความเจ็บปวดไว้พลางพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “แกหนีไม่รอดแล้ว!”
ผู้คนต่างพากันวิ่งกรูเข้ามา
เหลียนยินก็ได้เดินตามเข้ามาด้วยเช่นกัน เขามองมาทางไป๋ยี่เฟยด้วยสายตาที่เยือกเย็น”แกสามารถมองเห็นในความมืดได้ยังไง?”
ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยกำลังถูกกลุ่มคนพวกนี้รุมล้อมไว้อย่างหนาแน่นในห้องดังกล่าว การที่อยากจะหนีออกไปนั้น มันยากซะยิ่งกว่าการบินขึ้นไปบนสวรรค์เสียอีก
ส่วนเหลียนยิน ถึงแม้เขาจะโดนไป๋ยี่เฟยโจมตีจนบาดเจ็บ แต่มันไม่ได้อันตรายถึงชีวิตเขายังไม่ได้สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ นอกจากพวกลูกน้องเหล่านั้นแล้ว แค่เหลียนยินคนเดียวไป๋ยี่เฟยก็ไม่สามารถจัดการได้แล้ว
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้ว ก่อนจะแย่งมีดสั้นที่อยู่ในมือของหญิงสาวมา แล้วใช้มีดจี้ไปที่คอของเธอ
หญิงสาวพูดอย่างไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อยว่า “ถึงแม้แกจะฆ่าฉัน แกก็ไม่หนีออกไปไม่ได้หรอก!”
เหลียนยินพูดต่ออีกว่า “เธอพูดถูก วันนี้ไม่ว่ายังไงแกก็หนีไม่รอดแล้ว”
เมื่อเห็นแบบนี้ ไป๋ยี่เฟยสูดหายใจเข้าลึกลึกทีนึง ก่อนจะหลับตาลงแล้วพูดขึ้นมาอีกอย่างช้าๆว่า “เหลียนยิน แกรู้ไหมว่าพวกเราเป็นศิษย์สำนักเดียวกัน?”
เหลียนยินขมวดคิ้วลงทันทีเมื่อได้ยินแบบนี้
เหลียนยินและหยุนอิงรู้ดีเกี่ยวกับเรื่องที่ไป๋ยี่เฟยเข้าไปปลุกปั่นในพันธมิตรแห่งความเที่ยงธรรม และยังฆ่ายอดฝีมือระดับหนั่งขั้นสูงคนหนึ่งในสหพันธ์วรยุทธอีกด้วย งั้นพวกเขาจึงรู้เป็นธรรมดาอยู่เหมือนกันว่า สำนักเฟยซิงเป็นคนที่เข้ามาช่วยชีวิตไป๋ยี่เฟยไว้
งั้นเหลียนยินก็รู้อยู่เหมือนกันว่าไป๋ยี่เฟยเป็นลูกศิษย์ของเมิ่งหลิน
ดังนั้นพ่อเขาก็ถือว่าเป็นศิษย์สำนักเดียวกันอยู่
ไป๋ยี่เฟยจึงถามอีกว่า “ในสำนักเฟยซิง การฆ่าศิษย์ในสำนักเดียวกันจะได้รับโทษอย่างไร?”
สีหน้าของเหลียนยินตึงเครียดขึ้นมาอย่างกะทันหัน แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้เหมือนเคย”แบบนั้นแล้วยังไง? ที่นี่ไม่ใช่สำนักหนานเหมิน ไม่มีใครรู้ว่าฉันฆ่าแก พวกเขาจะรู้แค่ว่าแกถูกตระกูลหวังฆ่า”
ไป๋ยี่เฟยลืมตาขึ้นมาอย่างกะทันหัน แล้วจ้องมองไปทางเหลียนยิน เห็นว่าสีหน้าของเขาไม่ดี ไป๋ยี่เฟยจึงคิดว่าตัวเองน่าจะพูดจี้โดนจุดเขาแล้ว
แต่ทว่าไป๋ยี่เฟยส่ายหน้าพลางยิ้ม ก่อนจะจับตัวหญิงสาวคนดังกล่าวแล้วถอยหลังกลับไป
เขาถอยหลังหนึ่งก้าว คนพวกนั้นก็จะก้าวเดินขึ้นมาหนึ่งก้าว
ไป๋ยี่เฟยยิ้มอย่างเยือกเย็นแล้วพูดว่า “วันนี้ แกฆ่าฉันไม่ได้ แต่พรุ่งนี้ ฉันฆ่าแกแน่!”
“เพราะว่าฉันจะแก้แค้นให้เธอ!”
เหลียนยินกลับหัวเราะเยาะทีนึง “สถานการณ์ตกต่ำถึงขั้นนี้แล้ว แกยังจะฝันลมๆแล้งๆอะไรอีก? แกไม่มีทางหนีออกไปจากที่นี่ได้ด้วยซ้ำ!”
“นอกซะจากว่าแกสามารถหายตัวได้!”
แต่ไป๋ยี่เฟยกลับหัวเราะดังลั่นขึ้นมา “แกเดาถูกจริงๆด้วย”
“อะไรนะ?” เหลียนยินชะงักไปสักพัก ก่อนจะหัวเราะ “หายตัวได้? แกคิดว่าแกเป็นเทพหรือไง? ฉันแค่พูดไปเรื่อยเปื่อย ฉันไม่เชื่อหรอกว่าแกสามารถหายตัวได้จริงๆ”
ไป๋ยี่เฟยหัวเราะพลางพูดว่า “แกเคยได้ยินการเคลื่อนไหวภายในพริบตาหรือเปล่า?”
เหลียนยินขมวดคิ้วลง ทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุต่างมึนงง
วินาทีต่อไป ไป๋ยี่เฟยดึงผ้านวมที่ปิดอยู่บนร่างกายของหญิงสาวออกไปอย่างกะทันหันเผยให้เห็นหุ่นร่างที่เร้าร้อนและเซ็กซี่
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้ ทุกคนต่างเบิกตากว้าง
หญิงสาวคนดังกล่าวคิดไม่ถึงเลยว่าไป๋ยี่เฟยจะทำแบบนี้ เธอโกรธที่เป็นอย่างมากและตะโกนเสียงดังออกมาในเวลาเดียวกัน “ฉันจะฆ่าแก!”
แต่ว่าไป๋ยี่เฟยไม่ได้ให้โอกาสเธอ หลังจากที่เธอตะโกนพูดจบ ไป๋ยี่เฟยใช้ฝ่ามือโจมตีไปที่แผ่นหลังของเธอ
ร่างกายของหญิงสาวพุ่งตรงไปในทิศทางของเหลียนยินอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เหลียนยินไม่มีเวลาคิดอะไรมาก เขายื่นมือออกไปรับร่างกายของหญิงสาวไว้ และใช้เสื้อคลุมตัวนอกของตัวเองใส่ให้หญิงสาว
สำหรับผู้หญิงการกระทำของเขาช่างเป็นสิ่งที่รวดเร็วและยุติธรรมเป็นอย่างมาก
แต่ทว่า…..
“ให้ตายสิ! ไป๋ยี่เฟยหายไปไหนวะ?”
เสียงอุทานนี้ทำให้เหลียนยินรีบเลยหน้าขึ้นมามองตรงจุดที่ไป๋ยี่เฟยเคยยืนในเมื่อกี้นี้สรุปกลับไม่เห็นอะไรเลย
ไป๋ยี่เฟยเหมือนหายตัวไปจริงๆด้วย
ทุกคนต่างอึ้ง
มากไปกว่านั้นยังมีคนถามอีกว่า “นี่…..มีความสามารถในการเคลื่อนไหวภายในพริบตาจริงๆด้วยหรอ?”
แน่นอนว่าไม่มี
มันเป็นแค่วิชาลวงตาเท่านั้นเอง
เมื่อกี้ที่ไป๋ยี่เฟยพูดแบบนั้นกับเหลียนยิน ก็เพื่ออยากถ่วงเวลาเท่านั้น
เขาพบว่าสายเลือดของเขาเปลี่ยนไปอีกครั้ง เขาสามารถเข้าสู่สถานะตาแดงได้อีกครั้งอีกอย่างเขายังสามารถสัมผัสได้ว่าศักยภาพความสามารถของตัวเองแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมามาก
เมื่อเขาหลับตาลง เขาก็สามารถรับรู้ได้ถึงความทองแท้ของทุกสิ่งอย่างของโลกภายนอก มากกว่านั้นเขายังสามารถมองทะลุคาถายันต์ของอาหยางได้อีกด้วย
ซึ่งนี่ก็หมายความว่าหลังจากที่เขาหลับตาลง เขาสามารถสัมผัสได้ถึงสิ่งของและคนที่อยู่รอบๆ เขาก็จะไม่หลงกลต่อสิ่งที่เขาเห็นได้ด้วยตาเปล่า
และห้องนี้เป็นห้องลับที่ออกแบบอย่างชาญฉลาด ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ในห้องนี้จึงไม่มีทางมีแค่ผู้หญิงที่เปลือยกายคนเดียวแน่นอน
เมื่อกี้หวังเจียจุ้นต้องอยู่ในห้องนี้แน่นอน แต่ก่อนที่ไป๋ยี่เฟยจะมาถึงที่นี่เขาได้เคลื่อนย้ายสถานที่ไปยังอีกที่หนึ่งเท่านั้นเอง
แต่เห็นได้ชัดเลยว่าโรงจอดรถชั้นใต้ดินมีทางออกแค่ทางเดียว แต่ไป๋ยี่เฟยกลับไม่เห็นทางออกดังกล่าวเลย ด้วยเหตุนี้จึงอธิบายได้แค่ว่าที่นี่ต้องมีทางออกอีกทางนึงแน่นอน
เพราะฉะนั้นหลังจากที่เขาหลับตาลงแล้ว เขาก็ได้พบกับประตูบานนึง อยู่ในตำแหน่งที่ห่างจากเขาไม่ไกลพอดี แต่ทันทีที่เขาลืมตาขึ้นมา ประตูบานนั้นก็หายวับไปเลย
อีกอย่างพวกคนที่กำลังจะรุมโจมตีเขา ก็ไม่เห็นประตูบานดังกล่าวเหมือนกัน