ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 114
บทที่ 114
สีหน้าของหลี่เสว่เต็มไปด้วยความโกรธโมโห หล่อนยื่นมือเข้าไปจะตบ แต่เสียดายที่ถูกยามจับข้อมือไว้ก่อน
หลี่ฝานเหลือบมองมือที่ยามจับไว้อยู่ “เธออยากตบฉัน?”
หลี่เสว่จ้องหน้าหลี่ฝานด้วยความโมโห “ใช่ นายอย่ามาเปิดโอกาสนี้ให้ฉันเป็นดีที่สุด ไม่เช่นนั้น ตบฉาดนี้ ฉันจะตบคืนสองเท่าให้นาย!”
“หึ!” หลี่ฝานหัวเราะเย้ย “ฝันไปเถอะ! ตบคืนสองเท่า เธอมีความสามารถพอเหรอ? เธอไม่คิดจะพึ่งพาสามีไม่เอาไหนนั่นแล้วหรือไง?”
“ฮ่าๆ…ฉันก็ไม่กลัวที่จะบอกเธอว่า วันนี้ไป๋ยี่เฟย อย่าคิดแม้แต่จะเยื้องก้าวเข้ามาในตึกหลี่ซื่อ!”
“อ๋อ งั้นเหรอ?”
เสียงดังขึ้นมาจากด้านหลัง ดึงดูดของสายตาของทุกคน ต่างพากันหันไปมองตรงประตูหน้าห้องประชุม
“ปั้ง” เสียงดังขึ้น ยามหน้าประตูสองคนล้มลงไปกองกับพื้น
ไป๋ยี่เฟยและไป๋หู่เดินตามหลังกันเข้ามา
หลี่ฝานตกใจ “แก…”
หลี่เสว่กลับรู้สึกชื่นชมมาก
ทุกคนพร้อมใจกันมองไปที่ไป๋ยี่เฟยและไป๋หู่ที่กำลังเดินเข้ามา รู้สึกประหลาดใจกันมากเช่นกัน
โดยเฉพาะเมื่อไป๋หู่เข้ามา ทุกคนต่างรู้สึกได้ถึงความกดดัน ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าหายใจเสียงดัง
ไป๋ยี่เฟยเหลือบตามองหลี่ฝานด้วยสายตาเย็นชา “ฉันเข้ามาแล้วนี่ไง”
หลี่ฝานตกใจตะลึง “ไป๋ยี่เฟย! แกเข้ามาในหลี่ซื่อโดยพลการฉันขอไม่พูด แต่นี่ยังทำร้ายคนของฉันด้วย! วันนี้แกอย่าคิดว่าจะได้ออกไปจากหลี่ซื่อ! ”
ไป๋ยี่เฟยเดินไปหยุดข้างหลี่เสว่ เห็นรอยนิ้วมือทั้งห้าบนหน้าของหล่อน สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที เขาหันหลังขวับ มองหน้าหลี่ฝานด้วยสายตาเยือกเย็น
“นี่นายเป็นคนตบงั้นเหรอ?” ไป๋ยี่เฟยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำน่าสะพรึงกลัว
หลี่ฝานไม่มีท่าทีสนใจแม้แต่น้อย ยังพูดด้วยความหยิ่งผยอง: “ถ้าฉันตบแล้วจะทำไม?”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินเช่นนั้น หัวเราะอย่างดุร้าย จากนั้นสีหน้านิ่งขรึมขึ้นมาทันที เดินไปหยุดตรงหน้าหลี่ฝาน ยกมือขึ้นตบหน้าเขาอย่างจัง
“เพี้ยะ!”
ตบฉากนี้ไป๋ยี่เฟยตบด้วยกำลังและแรงทั้งหมดที่เขามี จนทำให้หลี่ฝานมึนสลบล้มกองลงไปกับพื้นทันที
หลี่ฝานจ้องหน้าไป๋ยี่เฟยด้วยความโกรธแค้น “ไป๋ยี่เฟย! แกกล้าตบฉันเหรอ! ฉันจะบอกแกให้…”
“เพี้ยะ!”
ตบอีกครั้งหนึ่ง
“ไป๋ยี่เฟย! ฉัน…”
“เพี้ยะ!”
“ฉัน…”
“เพี้ยะ!”
ทำซ้ำวนไปเช่นนี้ ภายในห้องประชุมได้ยินเพียงแค่เสียงตบ “เพี้ยะๆ”
ทุกคนตกตะลึงกันหมด และไม่รู้เป็นเพราะสะเทือนใจเกินไป หรือหวาดกลัว จึงไม่มีใครกล้าเข้าไปห้าม
หากในสถานการณ์ปกติ รูปร่างของไป๋ยี่เฟยเทียบไม่ได้กับหลี่ฝาน แต่ตอนนี้ในสถานการณ์คับขัน ภายใต้ความโกรธแค้นของไป๋ยี่เฟย ทำให้เทียบกับปกติไม่ได้
ไป๋ยี่เฟยกดตัวหลี่ฝานลงกับพื้น ตบตีกันอยู่นานจนมือด้านขวาเลือดออก แต่ยังคงตบต่อ จนใจเย็นลง จึงจะยอมหยุด
ขณะนั้น หลี่ฝานถูกตบจนมึนงง ใบหน้าบวมเป่ง รวมถึงเลือดบนมือของไป๋ยี่เฟย ใครเห็นเป็นต้องสะพรึงกลัว
เมื่อคนของตระกูลหลี่ที่อยู่ในสถานการณ์ตั้งสติขึ้นมาได้ เห็นใบหน้าของหลี่ฝานที่เต็มไปด้วยเลือด ตกใจขึ้นมาทันใด
“คงไม่ตบจนตายใช่ไหม?”
“ให้ตายสิ เลือดเต็มไปหมด!”
“รีบแจ้งตำรวจสิ!”
จากนั้นมีคนหยิบมือถือออกมา แจ้งตำรวจ
ทันใดนั้น นายท่านหลี่นำลูกชายของตัวเองเดินเข้ามาในห้องทำงาน
เมื่อหลี่ต้าไห่เห็นลูกชายของตัวเองนอนอยู่บนพื้น ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด จึงวิ่งเข้าไปหาทันที
นายท่านหลี่ก็เห็นหลี่ฝานเช่นกัน ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร ดังนั้นเขาจึงหันไปมองไป๋ยี่เฟยด้วยสายตาเย็นชา
ไป๋ยี่เฟยกันหลี่เสว่ไว้ด้านหลัง มองนายท่านหลี่ด้วยความไม่หวั่นเกรง “ให้เหตุผลผมหนึ่งข้อ”
นายท่านหลี่หัวเราะเย้ย: “เหตุผล? นายก็เป็นคนฉลาด ทำไมถามคำถามโง่เขลาแบบนี้ล่ะ? เพื่อผลประโยชน์ทั้งนั้น นายต้องการเหตุผลอะไร?”
หลี่ต้าไห่มองดูสภาพของหลี่ฝาน ด่าด้วยความโมโห: “ไป๋ยี่เฟย! นายทำเกินไปแล้ว! ทำไมต้องลงมือโหดขนาดนี้?”
นายท่านหลี่หันไปมองหลี่ฝาน หรี่สายตาลง พูดด้วยเสียงนิ่งขรึม: “วันนี้เราต้องมาคุยเรื่องนี้กันให้จบ จัดการทุกอย่างให้เสร็จสิ้น”
ไป๋ยี่เฟยหันไปมองนายท่านหลี่ รู้ว่าเขาไปหาที่พึ่งใหม่แล้ว จึงมีความมั่นใจขนาดนี้ แต่ทว่าเขากลับรู้สึกสงสัยมากว่าที่พึ่งใหม่ของเขาคือใคร?
ใครช่างกล้าขนาดนั้น กล้าท้าประลองกับโหวจวี๋กรุ๊ป?
อีกอย่าง ไม่รู้เช่นกันว่านายท่านหลี่ได้เปิดโปงตัวตนที่แท้จริงของเขาไปแล้วหรือไม่?
ไป๋ยี่เฟยครุ่นคิดไม่ตก แต่เป็นเพียงแค่เรื่องชั่วคราว จากนั้นจึงถามต่อ: “ได้สิ! คุณปู่คิดจะจัดการยังไงดีล่ะ?”
นายท่านหลี่พูดด้วยท่าทีนิ่งขรึม: “ข้อแรก ตอนนี้หลี่ซื่อและโหวจวี๋กรุ๊ปไม่มีความสัมพันธ์ใดๆต่อกัน พวกนายบุกเข้ามาในสำนักงานของหลี่ซื่อโดยพลการ และยังลอบเข้ามาในห้องประชุมอีกด้วย”
“ข้อสอง พวกนายใช้กำลังทำร้ายคน ทำให้หลานของฉันต้องได้รับบาดเจ็บ นายว่าคิดว่าสองเรื่องนี้ อยากจะให้จัดการด้วยความเมตตาหรือจัดการด้วยกำลังดีล่ะ?”
ไป๋ยี่เฟยหัวเราะ “มีอะไรแตกต่างกันไหม? จัดการด้วยความเมตตากับจัดการโดยใช้กำลัง สำหรับผมแล้ว ไม่มีอะไรต่างกัน! เพราะผมไม่เลือกสักอย่าง!”
“แก!” นายท่านหลี่โกรธโมโหมาก สุดท้ายราวกับว่าให้โอกาสไป๋ยี่เฟย พูดขึ้น: “แปดสิบล้าน ฉันจะไม่พูดถึงสองเรื่องนี้อีก”
ไป๋ยี่เฟยเข้าใจขึ้นมาทันที “อยากได้เงินของฉันใช่ไหม?”
แปดสิบล้าน สามารถชุบชีวิตให้หลี่ซื่อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง เพราะเดิมทีเขาใช้เงินร้อยล้านลงทุนก่อตั้งหลี่ซื่อ
หลี่เสว่กลับอึ้งและประหลาดใจมาก “คุณปู่ หลี่ฝานตบฉันก่อนนะคะ…”
นายท่านหลี่กลับไม่ทำเป็นมองไม่เห็นหลี่เสว่ ไม่สนใจหล่อนเช่นเดิม
เมื่อไป๋ยี่เฟยเห็นท่าทีที่นายท่านหลี่เช่นนั้น ขมวดคิ้ว พูดขึ้น: “แปดสิบล้าน ผมจ่ายให้ได้”
แววตาของนายท่านหลี่ส่องเป็นประกายขึ้นมาทันที
ไป๋ยี่เฟยพูดต่อ: “แต่ ผมไม่คุณสักสลึงเดียว!”
“ไป๋ยี่เฟย เงินคือวิธีแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุด”
ไป๋ยี่เฟยสบถอย่างไม่พอใจ ไม่สนใจเขา “คุณพูดถูก! แล้วยังไงล่ะ? ผมมีเงิน แต่ผมไม่จ่ายให้คนอย่างพวกคุณหรอก”
“ผมไม่รู้ว่าบริษัทไหนอยู่เบื้องหลังพวกคุณ แต่ถ้ารู้ไปก็เท่านั้น ในเมืองเทียนเป่ย ยังไม่มีใครกล้าแย่งอะไรกับโหวจวี๋กรุ๊ป ถึงแม้ว่ามี ผมก็จะบอกให้เขารู้จุดจบของคนที่กล้าลองดีกับโหวจวี๋กรุ๊ป”
“ในส่วนของพวกคุณ ผมเชื่อว่า พวกคุณจะต้องเสียใจภายหลัง!”
เมื่อพูดจบ สีหน้าของนายท่านหลี่นิ่งไปทันที พูดอะไรไม่ออก
ไป๋ยี่เฟยเหลือบมองหลี่ฝาน พูดต่อ: “หลานชายของคุณตบหลานสาวของคุณ คุณเห็นแต่ทำเป็นไม่สนใจ ไม่เป็นไร แต่เขาตบภรรยาผม ผมให้อภัยไม่ได้ นั่นคือสิ่งที่เขาสมควรได้รับ!”
“ส่วนเลือดพวกนั้น เป็นของผมเอง” เมื่อพูดจบ ไป๋ยี่เฟยแบมือของตัวเองให้ทุกคนดู
หลังจากพูดจบ ไป๋ยี่เฟยหันไปพูดกับหลี่เสว่และไป๋หู่: “พวกเรากลับ”
เพิ่งจะเดินออกไปหนึ่งก้าว หลี่ฝานที่เพิ่งจะฟื้นขึ้นมาก็โวยวายขึ้นมาทันที “ห้ามออกไป! พวกแกห้ามไปไหน! ตบฉันขนาดนี้ยังคิดจะหนี? ไม่มีทาง! วันนี้ต้องให้ฉันตบคืนให้ได้!”
หลี่ต้าไห่ตะโกนด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น: “จับพวกเขาไว้!”
เมื่อพูดจบ ยามก็เข้ามาล้อมพวกเขาทันที