ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 136
บทที่ 136
“เชี่ย!คงจะไม่ได้ให้ฉันไปฆ่าคนลอบวางเพลิงหรอกล่ะมั้ง? หรือว่าลักลอบค้ายาเสพติด?”
ไม่แปลกที่เฉินห้าวจะคิดเช่นนี้ บ้านหลังนี้สามสี่ล้าน ก็ยกให้กับเขาเฉยๆ ไม่เพียงเท่านี้ ยังจะออกค่าหมอค่ายาให้เขา จ้างแม่บ้านมาดูแลแม่ของเขา แค่คิดก็รู้แล้วว่า เรื่องที่จะต้องทำนี้ ไม่ใช่เรื่องที่ซื่อตรงอะไรอย่างแน่นอน!
เฉินห้าวจึงได้พักลงในบ้านหลังใหม่ด้วยความรู้สึกที่ไม่เป็นสุข
รุ่งเช้าวันที่สอง เฉินห้าวโทรศัพท์หาไป๋ยี่เฟย เขาคิดมาตลอดทั้งคืน ต่อให้เป็นการฆ่าคนลอบวางเพลิงจริงๆ เขาก็ยอมแล้ว ถึงอย่างไรโอกาสแบบนี้ก็ไม่ได้มีมาได้ตลอด
“อีกสักครู่ผมจะไปรับแม่ของผม ไม่ว่าคุณจะให้ผมทำเรื่องอะไร ผมก็จะไปทำ แต่ผมมีเพียงข้อเดียว หวังว่าคุณจะไม่บอกแม่ผม ผมไม่อยากให้ท่านได้รับแรงกระตุ้นอีกแล้ว”
“คุณคิดมากเกินไปแล้ว ผมก็ไม่ใช่ว่าจะให้คุณไปฆ่าคนลอบวางเพลิงเสียหน่อย ผมบอกกับคุณแล้วว่า ผมคือนักธุรกิจที่ซื่อตรง เรื่องที่ทำล้วนเป็นเรื่องที่ซื่อตรง” ไป๋ยี่เฟยตอบกลับจากสายโทรศัพท์ฝั่งนั้น”
เฉินห้าวตกตะลึง “งั้นต้องทำอะไร?”
“คุณนำคุณแม่ของคุณมาลงหลักปักฐานให้ดีก่อน มีเรื่องทำแล้ว ผมจะไปหาคุณเอง”
…
หลังจากเลิกงาน ไป๋ยี่เฟยก็ไปดักซุ่มที่ร้านบาร์บีคิวข้างทางกับไป๋หู่ต่อ
ตอนที่ถึงสวีลั่งได้อยู่ที่นั่นแล้ว สั่งบาร์บีคิวมาบางส่วน แล้วก็เบียร์เย็นสองกระป๋อง กินไปด้วยมองดูฝั่งตรงข้ามไปด้วย
“ยังไม่ปรากฏตัวออกมาอีก?” ไป๋ยี่เฟยนั่งลงบนเก้าอี้อีกตัวพร้อมกับเอ่ยถาม
สวีลั่งพยักหน้า กินมะเขือยาวย่างไปคำหนึ่ง “พวกคุณไม่จำเป็นต้องมาทุกวัน”
เพราะว่าคนที่วางยานั่น มีเพียงสวีลั่งคนเดียวที่เคยเห็น ต่อให้ไป๋ยี่เฟยกับไป๋หู่มา ก็ดูไม่ออก
ไป๋ยี่เฟยรู้ แต่เขาเป็นห่วงหลี่เสว่มาก ดังนั้นถึงได้มาดักซุ่มด้วยตัวเอง อีกทั้งมีไป๋หู่อยู่ หากพบคนๆนั้นเข้า ยังสามารถมาเป็นผู้ช่วยได้
“สามคนย่อมแข็งแกร่งกว่าคนๆเดียว” ไป๋ยี่เฟยตอบกลับ
ทั้งสามคนกินบาร์บีคิว ดื่มเบียร์กันอย่างเงียบๆ
ทันใดนั้น ด้านข้างโต๊ะทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส บนตำแหน่งนั้นที่เหลือไว้เพียงหนึ่งเดียว ก็มีสาวสวยหุ่นเซ็กซี่ สวมกระโปรงสั้นรัดรูปนั่งลงมา
ทั้งสามคนหันหน้าไปมอง ไป๋หู่กับสวีลั่งต่างก็เพียงแค่มองดูแวบเดียว ก็จ้องไปที่หน้าประตูKTVต่อ
แต่ไป๋ยี่เฟยค่อนข้างที่จะประหลาดใจ สาวสวยคนนี้มองดูแล้วรู้สึกคุ้นตาจัง!
“คนสวย คุณอยากจะร่วมโต๊ะ?” ไป๋ยี่เฟยเอ่ยถามขึ้นอย่างมีมารยาท
สาวสวยยิ้มขึ้นอย่างอ่อนหวาน “ฉันมาหาคุณต่างหาก”
“หาผม?” ไป๋ยี่เฟยมึนงงเล็กน้อย “ผมรู้จักคุณหรอครับ?”
สาวสวยเอ่ยแนะนำตัวเอง “ฉันชื่อเย่อ้าย อืม คืนวันก่อน พวกเรายังอยู่ที่โรงแรม…”
คำพูดนี้ค่อนข้างที่จะคลุมเครือ คนที่ไม่รู้ก็ต้องคิดเป็นอื่นเป็นธรรมดา
ไป๋ยี่เฟยได้ฟัง ก็รีบมีปฏิกิริยาตอบกลับในทันที “อ๋อ คุณคือคนสวยที่ดื่มจนเมาในวันนั้นสินะครับ? วันนั้นผมเพียงแค่ส่งคุณไปถึงโรงแรม อย่างอื่นผมไม่ได้ทำอะไรเลย”
เย่อ้ายหัวเราะขึ้นเบาๆ “คุณทำไม่ทำ ตัวฉันเองไม่รู้?”
ไป๋ยี่เฟยชะงักงัน ก็จริง จากนั้นยิ้มพร้อมกับเอ่ย “งั้นที่คุณมาในวันนี้…”
“แน่นอนว่าก็ต้องตั้งใจมาขอบคุณคุณสิคะ!” เย่อ้ายเปลี่ยนท่านั่ง “ฉันเลี้ยงข้าวคุณค่ะ”
ไป๋ยี่เฟยส่ายศีรษะ ปฏิเสธอย่างสุภาพ “ไม่ต้องหรอกครับ ตอนนี้ผมกำลังทานอยู่”
“แค่นี้? อิ่มได้ด้วยหรอคะ?” เย่อ้ายโน้มสายตาลงมองบาร์บีคิวที่อยู่บนโต๊ะ
ไป๋ยี่เฟยก็เหลือบมองเช่นเดียวกัน พูดตามตรง กินไม่อิ่มจริงๆ แต่กินอยู่ตลอดก็เลยไม่หิว อีกทั้งนี่ไม่ใช่เหตุผลสำคัญ เหตุผลที่สำคัญก็คือเขาจะต้องดักซุ่มคนที่วางยาคนนั้นอยู่ที่นี่ เขาจะพลาดไปไม่ได้
เย่อ้ายถอนหายใจออกมา แสดงท่าทีผิดหวังมากอย่างเห็นได้ชัด “เฮ้อ ฉันเพียงแต่อยากจะขอบคุณคุณ ไม่ได้มีความหมายอย่างอื่น…”
สาวสวยคนหนึ่งแสดงสีหน้าที่ผิดหวังเช่นนี้ออกมา คนเป็นผู้ชายต่างก็ต้องรู้สึกปวดใจสักนิดด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่ไป๋ยี่เฟยมีเรื่องสำคัญที่จะต้องทำจริงๆ
“วันนั้นก็เป็นเพียงแค่เรื่องที่ทำไปตามสะดวกเท่านั้น คุณไม่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ” ไป๋ยี่เฟยเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ
เย่อ้ายได้ฟังก็ถอนหายใจออกมาอีก “ดูเหมือนคุณจะรังเกียจฉันแล้ว”
“เอ่อ…” ไป๋ยี่เฟยทำตัวไม่ถูก มองไปทางไป๋หู่และสวีลั่ง
ทว่าทั้งสองคนกลับแสร้งทำเป็นท่าทีไม่รู้อะไรเลย เพียงแต่มองไปที่หน้าประตูKTVอย่างตั้งใจทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด
“คนสวย ผมยังมีธุระจริงๆ ไม่อย่างนั้นคราวหน้าก็แล้วกัน?” ไป๋ยี่เฟยพยายามเอ่ยผัดออกไป
เย่อ้ายได้ยินดังนั้นก็เบ้ปาก “คราวหน้าก็ได้ค่ะ งั้นคุณให้ช่องทางการติดต่อกับฉันสักทางหนึ่ง มีเวลาว่างก็มาหาฉัน”
สาวสวยต้องการช่องทางการติดต่อเรื่องแบบนี้ หากเป็นเมื่อก่อนได้พบ ไป๋ยี่เฟยสามารถดีใจไปครึ่งค่อนวัน แต่ตอนนี้น่ะหรอ กลับไม่มีความรู้สึกอะไร
ในขณะที่ไป๋ยี่เฟยกำลังจะปฏิเสธนั้น น้ำเสียงที่ทุ้มเบาของสวีลั่งก็ดังสะท้อนเข้ามา “ปรากฏตัวแล้ว”
ไป๋ยี่เฟยมองไปตามสายตาของสวีลั่ง ตอนนี้เป็นเวลาช่วงค่ำแล้ว หน้าประตูKTVคนค่อนข้างเยอะ เดินผ่านไปผ่านมา ไป๋ยี่เฟยไม่รู้ว่าคนที่สวีลั่งมองนั้นคือใคร
ในเวลานี้ สวีลั่งกับไป๋หู่ได้ยืนขึ้นมาแล้ว สวีลั่งเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ “คนที่สวมหมวกคนนั้น”
ไป๋ยี่เฟยแวบเดียวก็มองเห็น ในนั้นมีชายหนุ่มที่สวมหมวกเบสบอลสีดำ เสื้อยืดสีดำ ท่าทางประมาณยี่สิบกว่าปี บนใบหน้าแนบไปด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย มองดูแล้วไม่ค่อยซื่อตรงเท่าไรนัก
เพียงแต่ทำไมถึงได้รู้สึกว่าคนๆนี้ค่อนข้างที่จะคุ้นตา?
ไม่ทันที่จะได้คิดมาก ทั้งสามคนเดินไปทางหน้าประตูพร้อมกัน
เย่อ้ายเห็นเช่นนี้ก็ตกตะลึงไปอยู่พักใหญ่ เธอหญิงสาวที่สวยงามเช่นนี้ ถูกสองคนที่รูปร่างสูงใหญ่เมินใส่ก็พอแล้ว ไป๋ยี่เฟยก็มาเมินใส่เธออีก เพียงแต่มองดูท่าทีของพวกเขาดูเหมือนกำลังหาคน?
น่าสนใจ…
ทั้งสามคนเข้าไปใกล้คนๆนั้นอย่างเงียบๆ
และคนๆนั้นที่กำลังพูดคุยกับสาวสวยคนหนึ่งอยู่ที่หน้าประตู ในช่วงระหว่างที่เหลือบตามองเห็นพวกไป๋ยี่เฟยทั้งสามคน ในสายตาก็แฝงไปด้วยความช็อกอย่างชัดเจน จากนั้นหมุนตัววิ่งเข้าไปในKTV
ในKTVมีห้องส่วนตัวมากมาย คนจำนวนมากผสมปนเปกันไปหมด
ไป๋หู่และสวีลั่งถึงอย่างไรก็เป็นคนที่ฝึกวิชา มีความรวดเร็ว รอถึงตอนที่ไป๋ยี่เฟยเดินมาถึงที่หน้าประตู ไป๋หู่กับสวีลั่งก็หายไปแล้ว
เย่อ้ายตามอยู่ที่ด้านหลังของไป๋ยี่เฟย อยากจะดูว่าพวกเขาตามคนๆนั้นเป็นเพราะอะไรกันแน่?
ไป๋ยี่เฟยวิ่งเข้าไป ในKTVเพื่อสร้างบรรยากาศ ปกติแสงไฟต่างก็ค่อนข้างมืด ดังนั้นเขาปรับสายตาอยู่พักใหญ่ๆ ถึงมองเห็นแผนผังด้านในอย่างชัดเจน
ด้านในมีสองเส้นทาง ทางหนึ่งเดินตรงไป ทางหนึ่งเลี้ยวซ้าย ตอนนี้ทั้งสองทางต่างก็ไม่มีคน บางคราวมีพนักงานเดินผ่าน
ข้างใบหูยังสะท้อนเสียงโหยหวนจากในห้องส่วนตัวต่างๆ。
“แม่ง!วิ่งเร็วจริงๆ!”
ไป๋ยี่เฟยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จินตนาการว่าหากตนเองเป็นคนๆนั้น ปฏิกิริยาตอบสนองแรกหลังจากที่วิ่งเข้ามาจะเลือกไปทางไหน?
“ทางซ้าย!”
เพื่อไม่ให้ถูกคนเห็น ปฏิกิริยาตอบสนองแรกของคนไม่มีทางที่จะเลือกทางตรง แต่เป็นทางเลี้ยว ดังนั้นไป๋ยี่เฟยจึงรีบวิ่งไปทางซ้ายในทันที
ในระหว่างนี้ เขาก็ไม่ได้มองเห็นสวีลั่งและไป๋หู่ และก็ไม่ได้ยินว่าห้องส่วนตัวห้องไหนมีเสียงที่ผิดปกติเช่นเดียวกัน
“วิ่งไปที่ไหนแล้ว?”
ไป๋ยี่เฟยไม่ทันที่จะได้คิดมาก มองไปทางช่องบันไดหนีไฟที่อยู่ด้านข้างแวบหนึ่ง เดินขึ้นบันได คิดจะไปชั้นที่อยู่ด้านบน