ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 139
บทที่ 139
หลี่เสว่ผูกเน็กไทให้กับไป๋ยี่เฟย ทั้งยังจัดระเบียบอีกเล็กน้อย แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ไม่เลวค่ะ”
ไป๋ยี่เฟยยิ้มขึ้นเบาๆ ยื่นมือออกไปกุมมือของหลี่เสว่เอาไว้ คิดจะพูดอะไรบางอย่าง กลับพบว่ามือของหลี่เสว่เย็นเป็นอย่างยิ่ง ตอนนี้เป็นหน้าร้อน ถึงแม้ภายในห้องมีแอร์ มือก็ไม่ควรจะเย็นขนาดนี้ถึงจะถูก
“เสว่เอ๋อ มือของคุณทำไมถึงเย็นขนาดนี้?”
หลี่เสว่ชะงักไปชั่วขณะ ดึงมือออกมาพร้อมกับเอ่ย “ไม่เป็นอะไรค่ะ”
พูดจบ หลี่เสว่ก็หยิบถุงที่อยู่บนโซฟาเดินขึ้นชั้นบน
ไป๋ยี่เฟยมองดูแผ่นหลังของเธอ สีหน้าหนักอึ้ง ดูเหมือนพิษที่อยู่บนร่างกายของหลี่เสว่ ได้รุนแรงมากยิ่งขึ้นแล้ว
พร้อมกับคิดไปถึงคนที่วางยานั่น ไป๋ยี่เฟยขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เขาจำเป็นจะต้องเอายาถอนพิษมาให้ได้!
ทันใดนั้น ไป๋ยี่เฟยก็สะดุ้งขึ้นมา เดินสองสามก้าวขึ้นชั้นบน ไปดูที่ห้องรับรองแขก สวีลั่งไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว
เพียงแต่ว่าบนโต๊ะมีกระดาษแผ่นหนึ่งเหลือทิ้งเอาไว้
“เปลี่ยนมุมคิดปัญหา”
เปลี่ยนมุม? มุมอะไร? คนที่วางยานั่น? หรือว่าคนที่จ้างนึกฆ่าอยู่เบื้องหลัง?
ไม่สนใจแล้ว เขาต้องหาคนที่วางยานั่นให้เจอก่อน
หลังจากรับประทานอาหารค่ำ หลี่เสว่ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง
“พี่หลิว มีอะไรหรอคะ?” หลี่เสว่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับการโทรมาของพี่หลิว
พวกเขาทั้งครอบครัวต่างก็ย้ายมาที่คฤหาสน์ บ้านหลังเดิมก็เลยว่าง พอดีกับที่มีสามีภรรยาที่มาทำงานใช้แรงงานจากต่างเมืองต้องการที่จะเช่าบ้านผู้ชายนามสกุลเหอ ผู้หญิงนามสกุลหลิว ก็เลยนำบ้านให้กับพวกเขาเช่า
ในสายโทรศัพท์สะท้อนเสียงของพี่หลิวออกมา “เสี่ยวเสว่จ๊ะ เรื่องบ้านเกิดอะไรขึ้นน่ะ? ไม่ใช่จ่ายค่าเช่าไปแล้วหนึ่งปีหรอกหรอ? ทำไมถึงได้จะเก็บบ้านกลับคืนไปอีกแล้วล่ะ?”
หลี่เสว่นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ“เปล่านี่คะ พวกเราไม่ได้เก็บบ้านกลับคืนมานะคะ!”
“วันนี้ตอนบ่ายมีคนๆหนึ่งมา บอกว่าบ้านเป็นของตระกูลหลี่ ตอนนี้ต้องการเก็บกลับคืนไป ไม่ให้พวกเราพักอาศัยแล้ว”พี่หลิวเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน “กะทันหันขนาดนี้ บ้านเก็บกลับคืนไป พวกเราจะอาศัยอยู่ไหนกัน?”
หลี่เสว่รีบเอ่ยขึ้นในทันทีว่า “พี่หลิวพี่อย่าเพิ่งร้อนใจค่ะ เป็นใครที่บอกว่าจะเก็บกลับคืนไป บอกฉันได้ไหมคะว่าชื่ออะไร?”
“ดูเหมือนจะเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งของบ้านตระกูลหลี่ บอกว่าตอนนี้บ้านตระกูลหลี่เขาเป็นผู้ดูแล จะต้องเก็บบ้านกลับคืนไปให้ได้”
เด็กหนุ่ม เขาเป็นผู้ดูแลบ้านตระกูลหลี่ หรือว่าจะเป็นหลี่ฝาน?
“คือหลี่ฝานหรือเปล่าคะ?” หลี่เสว่เอ่ยถาม
พี่หลิวตอบรับมาหนึ่งคำ “ดูเหมือนจะใช่ ยังบอกว่าพรุ่งนี้คือวันสุดท้าย พวกเราจำเป็นจะต้องย้ายออกไป”
หลี่เสว่ขมวดคิ้ว แล้วเอ่ยขึ้นว่า “พี่หลิว พรุ่งนี้ฉันจะไปหา พี่อย่าเพิ่งร้อนใจ เรื่องนี้ฉันจัดการได้ค่ะ”
“เฮ้อ ก็ได้ค่ะ!”พี่หลิวก็จนปัญญาเช่นเดียวกัน ได้แต่ตอบรับไป
รุ่งเช้าวันที่สอง ไป๋ยี่เฟยและหลี่เสว่ขับรถมาถึงบ้านหลังเดิม
พี่หลิวอยู่บ้านคนเดียว
“เสี่ยวเสว่ นี่จะทำยังไงดีล่ะ? นี่เร่งรีบเกินไปแล้ว พวกเรายังหาบ้านไม่ได้เลยนะ!”พี่หลิวร้อนรนมาก
หลี่เสว่จับมือของพี่หลิวขึ้นมาพร้อมกับเอ่ย “พี่หลิวอย่าลนค่ะ ฉันจะต้องคิดหาวิธีให้ได้ บ้านหลังนี้เป็นของคุณพ่อคุณแม่ฉัน หลี่ฝานไม่มีสิทธิ์จะมาพูด ฉันจะไปพูดกับเขา พวกพี่พักอาศัยอย่างสบายใจก็พอ”
“นี่…”พี่หลิวก็ไม่รู้เช่นเดียวกันว่าหลี่เสว่จะจัดการเรื่องนี้ได้จริงๆหรือเปล่า หากหลี่ฝานยืนกรานที่จะเอาบ้านกลับคืนจะทำยังไง?
ไป๋ยี่เฟยเห็นแล้ว คิดอะไรดีๆขึ้นมาได้ จึงเอ่ยขึ้นมาว่า “พี่หลิว แบบนี้ก็แล้วกันครับ!ผมเปลี่ยนที่พักให้กับพี่ หมู่บ้านหลันโปกั่ง เป็นบ้านที่มีสามห้องหลัก ค่าเช่าฟรี เพียงแต่มีเงื่อนไขหนึ่งข้อ ก็คือดูแลคนแก่คนหนึ่งที่พักอาศัยอยู่ที่นั่น พี่ว่าเป็นยังไงบ้างครับ?”
“หา?”พี่หลิวกับหลี่เสว่ต่างก็มึนงงไปตามๆกัน
ไป๋ยี่เฟยอธิบายขึ้นว่า “คือแบบนี้ครับ พอดีผมมีพนักงานคนหนึ่ง คุณแม่ของเขามีโรคเกี่ยวกับประสาทเล็กน้อย แต่ว่าไม่รุนแรง ขอเพียงแค่มีคนอยู่เป็นเพื่อน กินยาตลอดเวลาก็ไม่เป็นอะไร แต่ปกติเขาค่อนข้างยุ่ง ดังนั้นอยากจะจ้างแม่บ้านยี่สิบสี่ชั่วโมงสักคนหนึ่ง”
“พูดแล้วก็ง่ายมาก ก็เหมือนกับเวลาปกติ ทำอาหาร ทำความสะอาดบ้าน แล้วก็อยู่เป็นเพื่อนคนแก่เพิ่มขึ้นอีกก็พอ บ้านให้พวกพี่พักฟรี ทุกเดือนก็จะให้เงินเดือนกับพวกพี่ พี่คิดว่าเป็นยังไงครับ?”
พี่หลิวนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เอ่ยถามขึ้นอย่างลังเล “คุณคือ…”
“อ๋อ ผมคือสามีของเสว่เอ๋อ”
พี่หลิวหาออกมาคำหนึ่ง “นั่นไม่ใช่พวก…”
สวะสองคำไม่ได้ออกมาจากปาก แต่ไป๋ยี่เฟยเข้าใจความหมายของเธอ
ไป๋ยี่เฟยยิ้มขึ้นเล็กน้อย “ไม่เป็นไรครับ ผมรู้ พี่วางใจ ที่ผมพูดล้วนเป็นความจริง มีเสว่เอ๋ออยู่ พี่ยังกลัวว่าผมจะหลอกพี่อีกหรอครับ?”
หลี่เสว่ได้ฟังก็รีบพยักหน้าในทันที “พี่หลิววางใจค่ะ เขาพูดขนาดนี้แล้ว ไม่ใช่เป็นการหลอกพี่อย่างแน่นอน อีกทั้งตอนนี้เขาทำงานอยู่ที่โหวจวี๋กรุ๊ป ที่พูดก็ต้องทำตามสัญญาให้กับพี่ได้ทั้งหมด”
สุดท้ายพี่หลิวก็พยักหน้าตอบรับไปตามธรรมชาติ
แก้ไขเรื่องทางนี้เสร็จ หลี่เสว่กับไป๋ยี่เฟยก็ไปยังหลี่ซื่อกรุ๊ป
เพียงแต่ทั้งสองคนถูกรั้งเอาไว้ที่หน้าประตูบริษัทหลี่ซื่อกรุ๊ป
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่ได้เป็นครั้งแรกที่เห็นไป๋ยี่เฟยแล้ว ก่อนหน้านี้สองครั้งยังคงเด่นชัดเหมือนกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้
“ท่านประธานของพวกเรายุ่งมาก ไม่พบแขก”
ไป๋ยี่เฟยกับหลี่เสว่สบตากันครู่หนึ่ง หลี่เสว่เอ่ยถามขึ้น “เขาคือท่านประธานของหลี่ซื่อกรุ๊ป?”
“ใช่ คุณพนักงานเล็กๆคนหนึ่งอย่ายืนอยู่ที่นี่อีกเลย ท่านประธานไม่มีทางที่จะพบคุณหรอก” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมองดูไป๋ยี่เฟยแวบหนึ่งอย่างไม่แยแส
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้ว ที่มาวันนี้ก็เป็นเพียงเพื่อเรื่องเล็กๆเรื่องหนึ่งเท่านั้น บวกกับไม่ได้พาไป๋หู่มา ก็ไม่มีวิธีการที่จะเหมือนเมื่อก่อนบุกเข้าไปตรงๆ
“ไม่อย่างนั้นพวกเรากลับกันเถอะค่ะ?” หลี่เสว่โน้มน้าว
“งั้นเรื่องบ้านจะทำยังไง?”
“คุณไม่ใช่ว่าจัดการเรียบร้อยแล้วหรอกหรอคะ?” หลี่เสว่ตอบกลับ “เพียงแต่ว่า บ้านเป็นของคุณพ่อคุณแม่ เขาจะเก็บกลับคืนไป ฉันไม่อยาก พวกเราค่อยคิดหาวิธีอื่น”
ไป๋ยี่เฟยมองเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแวบหนึ่ง อยู่ๆคิดอะไรขึ้นมาได้ หลังจากนั้นเขาจูงหลี่เสว่ขึ้นมาบนรถแล้วเอ่ยขึ้นว่า “บ้านไม่ใช่ของคุณพ่อคุณแม่คุณหรอกหรอ? พวกเรากลับไป ให้พ่อแม่รีบนำบ้านเปลี่ยนมือขายออกไป”
“จริงด้วยค่ะ!” ดวงตาทั้งสองข้างของหลี่เสว่เปล่งประกาย “ไป๋ยี่เฟย คุณฉลาดจริงๆ!”
ไป๋ยี่เฟยหัวเราะคิกคัก “แบ่งเบาภาระให้กับภรรยาเป็นสิ่งที่ผมสมควรทำครับ”
กลับมาถึงบ้าน หลี่เสว่นำเรื่องราวพูดให้กับหลี่เฉียงตงและหลิวจื่อหยุนฟังเล็กน้อย หลิวจื่อหยุนก็โมโหตรงนั้นในทันที “ หลี่ฝานมันถือว่าเป็นอะไร? บ้านของพวกเราก็จะเก็บกลับคืนไป?”
“ของบ้านตระกูลหลี่อะไรกัน ไร้สาระ!”
หลี่เสว่จับมือของหลิวจื่อหยุน แล้วเอ่ยขึ้น “แม่ อย่าโมโหเลยค่ะ ไป๋ยี่เฟยบอกว่าให้พวกท่านรีบนำบ้านเปลี่ยนมือขายออกไป ถึงเวลาหลี่ฝานอยากจะเก็บก็เก็บไม่ได้”
“นี่คือว่าเป็นความคิดที่ดี” หลิวจื่อหยุนมองไป๋ยี่เฟยแวบหนึ่ง
สำหรับเรื่องเหล่านี้ หลี่เฉียงตงไม่ได้ใส่ใจมากนัก ก็เลยให้หลิวจื่อหยุนไปติดต่อคนมา
หลังจากทานอาหารเที่ยง ไป๋ยี่เฟยกลับไปยังโหวจวี๋กรุ๊ป。
“ท่านประธาน ช่วงนี้บริษัทลงทุนที่ดินผืนหนึ่งที่เขตนอกเมืองใต้ เดิมทีเจรจากับเถ้าแก่เฉาเรียบร้อยแล้วว่าพัฒนาร่วมกันแต่ไม่รู้ว่าทำไม ที่ดินผืนนั้นจะดำเนินการเปิดประมูลหลังจากนี้หนึ่งสัปดาห์” หลงหลิงหลิงเอ่ยรายงาน
ไป๋ยี่เฟยเพียงแต่พยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก ตอนนี้เขากำลังคิดว่าจะไปหาคนที่วางยานั่นได้ยังไง
“ไปช่วยผมหาจิตรกรมาคนหนึ่ง เอาที่วาดภาพคนเหมือนได้ค่อนข้างดี”