ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 142
บทที่ 142
“ใช่แล้ว คราวก่อนเคยบอกว่าจะเลี้ยงข้าวคุณ สู้ตอนนี้เลยละกัน?”
ไป๋ยี่เฟยโน้มสายตาลงต่ำ ผู้หญิงคนนี้ปรากฏตัวต่อหน้าของเขามาสามครั้งแล้ว ทุกครั้งดูเหมือนเป็นความบังเอิญ แต่ลองคิดอย่างละเอียด ดูเหมือนหลงเหลือร่องรอยของความจงใจอยู่
“ได้ครับ” ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า เขาอยากจะลองดูว่า ผู้หญิงคนนี้จะทำอะไรกันแน่?
มาถึงร้านอาหารยุโรปแห่งหนึ่ง ทั้งสองคนนั่งตรงข้ามกัน
สั่งอาหารเสร็จ เย่อ้ายหัวเราะขึ้นอย่างอ่อนหวาน “ใช่แล้วค่ะ ยังไม่รู้จักชื่อของผู้มีพระคุณเลยนะ?”
“ไป๋ยี่เฟย”
ตลอดเส้นทางนี้ ไม่ว่าเย่อ้ายจะหาเรื่องพูดยังไง ส่วนมากไป๋ยี่เฟยก็จะอืมอ๋อ หรือว่าพยักหน้า ส่ายศีรษะ หรือว่าไม่กี่คำก็ตอบกลับคำถามของเธอ
ไป๋ยี่เฟยมองดูเย่อ้ายแวบหนึ่ง ในใจหัวเราะขึ้นอย่างประชดประชัน ถือว่ามีความอดทน นานขนาดนี้ก็ยังไม่แสดงออกว่ามีเป้าหมายอะไร
ไม่นานนัก สเต็กเนื้อที่สั่งไปก็ขึ้นเสิร์ฟ ไป๋ยี่เฟยกินอย่างช้าๆ ที่จริงแล้วเขาไม่ค่อยชอบกินอาหารยุโรปสักเท่าไร ทั้งมีดทั้งส้อม ไม่สะดวกเป็นอย่างยิ่ง
เย่อ้ายกลับเหมือนดั่งสตรีสูงศักดิ์ที่สง่างาม มีดส้อมใช้ได้อย่างชำนาญมาก ช้าๆ บวกกับที่เป็นสามงามคนหนึ่งอีก ดังนั้นมองดูแล้วเจริญตาเจริญใจเป็นอย่างยิ่ง
กินมาถึงครึ่ง ไป๋ยี่เฟยมองเห็นคนๆหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงได้ลุกขึ้นพร้อมกับเอ่ย “ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน”
เย่อ้ายพยักหน้า
ในห้องน้ำ หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยพบหน้ากับคนที่คุ้นเคย ฝ่ายตรงข้ามเตือนเขามาหนึ่งคำ “เหล้า”
หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า ก็เดินออกจากห้องน้ำ กลับไปที่โต๊ะใหม่อีกครั้ง
เห็นไป๋ยี่เฟยกลับมา เย่อ้ายก็ยิ้มขึ้นเล็กน้อย หยิบแก้วไวน์ขึ้นมาก่อน “ผู้มีประคุณ ฉันดื่มให้คุณค่ะ ขอบคุณที่ช่วยฉันถึงสองครั้ง”
ไป๋ยี่เฟยมองดูแก้วไวน์ที่อยู่ในมือของเย่อ้ายแวบหนึ่ง ค่อยหยิบแก้วไวน์ของตนเองขึ้นมา เอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบว่า “ไม่ต้องเกรงใจครับ”
ทั้งสองคนชนแก้ว ดื่มไวน์เข้าไปคำหนึ่ง
เย่อ้ายยิ้มขึ้นอย่างพึงพอใจ ทานสเต็กเนื้อต่อไป
ไป๋ยี่เฟยโน้มสายตาลงต่ำ หลังจากที่กินสเต็กเนื้อเข้าไปสองคำ ก็รู้สึกมึนศีรษะเล็กน้อย ไม่นานนัก ก็ฟุบลงไปกับโต๊ะ
…
ภายในห้องของโรงแรม เย่อ้ายนำไป๋ยี่เฟยทิ้งลงบนเตียง
“ชิ คราวก่อนจำได้แต่ถ่ายรูป คิดไม่ถึงว่าจะลืมหยิบเอาโทรศัพท์มือถือของคุณ” เย่อ้ายเอ่ยพึมพำกับตัวเอง
พูดจบ เย่อ้ายก็ยื่นมือออกไปล้วงเอาโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของไป๋ยี่เฟย จากนั้นค่อยใช้รอยนิ้วมือของไป๋ยี่เฟยปลดล็อค
เงียบไปสักพัก เย่อ้ายก็ขมวดคิ้วพร้อมกับเอ่ย “เอกสารทั้งหมดใส่เอาไว้ที่ไหนกัน? ทำไมไม่มีวีแชท?”
“ทำไมมีแค่บันทึกการสนทนา?”
ยิ่งพูดยิ่งหงุดหงิด เย่อ้ายจึงขว้างโทรศัพท์มือถือทิ้งไปเลย “โทรศัพท์มือถือบ้าอะไรกัน ของที่มีประโยชน์สักนิดก็ไม่มี!”
ผ่านไปสักพักอีก เย่อ้ายนั่งลงบนข้างเตียง มองดูไป๋ยี่เฟยอย่างเงียบๆ มือลูบไปบนใบหน้าของเขาโดยที่ไม่รู้ตัว
“หากเปลี่ยนเป็นฉัน คุณจะทำเช่นนี้เหมือนกันหรือเปล่า?”
“แต่ว่าท่าทีของคุณ ดูเหมือนจะไม่สนใจฉันเลย?”
พูดจบ เย่อ้ายก็หมุนตัวเดินออกจากห้องไป
รอจนกระทั่งเย่อ้ายไปแล้ว ไป๋ยี่เฟยที่เดิมทีควรจะสลบอยู่บนเตียงก็ลืมตาขึ้น
ไป๋ยี่เฟยลุกขึ้นมานั่ง หยิบโทรศัพท์มือถือที่ถูกโยนทิ้งอยู่ด้านข้างขึ้นมา เลื่อนเปิดดูเล็กน้อย จากนั้นโทรศัพท์ไปหาคนๆหนึ่ง “816”
ไม่นานนัก ประตูก็ถูกเคาะดังขึ้น
ไป๋ยี่เฟยเปิดประตูห้อง เฉินห้าวเดินเข้ามา
“บอส คุณยังโอเคอยู่ใช่ไหมครับ?” เฉินห้าวเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง
เมื่อครู่นี้ที่ร้านอาหารยุโรป คนที่ไป๋ยี่เฟยเห็นคนนั้นก็คือเฉินห้าว。
ความสามารถของเฉินห้าวไม่ต้องพูดเยอะ ประเด็นสำคัญที่สุดก็ยังคงเป็นเฉินห้าวไม่ได้ปรากฏตัวอยู่ในสายตาของสาธารณชน ดังนั้นให้เขาแอบดำเนินการ สะดวกที่สุด
เป็นอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ เมื่อครู่นี้ที่ร้านอาหารยุโรป เฉินห้าวพูดคำว่า“เหล้า”คำนี้ตอนอยู่ที่ห้องน้ำ งั้นความหมายก็คือเหล้ามีปัญหา
ไป๋ยี่เฟยรู้ว่า เฉินห้าวพูดแบบนี้ จะต้องได้เปลี่ยนเหล้าเอาไว้แล้วอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงดื่มไปอย่างวางใจมาก จากนั้นแสร้งทำเป็นสลบ ลองดูว่าผู้หญิงคนนี้จะทำอะไร
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า “เธอเพียงแค่ค้นโทรศัพท์มือถือของฉัน หาเอกสารบางอย่างอยู่ แต่ว่าเธอพูดคำพูดบางอย่าง ทำให้ฉันรู้สึกไม่วางใจเป็นอย่างมาก”
หลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำ ไป๋ยี่เฟยเพื่อคำนึงถึงความปลอดภัย จึงย้ายที่เอกสารภายในโทรศัพท์ จากนั้นลบการดาวน์โหลดอุปกรณ์การพูดคุยทั้งหมด ถึงขั้นแม้แต่ข้อความก็ยังลบ
ความจริงพิสูจน์ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นล้วนถูกต้อง
เย่อ้ายพูดถึงคราวก่อนถ่ายรูปลืมดูโทรศัพท์มือถือของเขา และคราวก่อน ก็เป็นครั้งนั้นที่กำลังจับคนวางยา พวกเขาเป็นเพราะว่าได้รับสารพิษจึงหมดสติลงไป เย่อ้ายจะทำอะไรก็สะดวกเป็นอย่างยิ่ง
“เป็นอะไรไปครับ?” เฉินห้าวเอ่ยถาม
ไป๋ยี่เฟยเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ “ฉันต้องการโทรศัพท์มือถือของเธอ ทำได้ไหม?”
“ไม่มีปัญหาครับ” เฉินห้าวรับประกัน
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า “งั้นก็ดี ให้เวลานายสามวัน ถือโอกาสตรวจสอบผู้หญิงคนนี้สักหน่อย”
…
ไป๋ยี่เฟยตรงกลับไปยังคฤหาสน์ ไม่มีอารมณ์ไปที่โหวจวี๋ต่ออีก
หลี่เสว่กำลังรดน้ำดอกไม้ในสวนที่คฤหาสน์ หลังจากที่เห็นไป๋ยี่เฟยกลับมาก็ประหลาดใจเล็กน้อย “ทำไมคุณกลับมาแล้วล่ะคะ? ลืมหยิบอะไรไปหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยส่ายศีรษะ มองดูใบหน้าที่ยิ่งซีดอย่างเห็นได้ชัดขึ้นของหลี่เสว่ ก็รู้สึกปวดใจขึ้นมาระลอกหนึ่ง “ผมกลับมาอยู่เป็นเพื่อนคุณ”
หลี่เสว่จ้องเขม็งไปที่ไป๋ยี่เฟย “คุณไม่ทำงานหรือไงคะ? ฉันก็ไม่ใช่เป็นโรคที่รักษาไม่ได้สักหน่อย อยู่เป็นเพื่อนอะไรกัน?”
ไป๋ยี่เฟยหัวเราะขึ้นอย่างขมขื่น เดินเข้าไป กอดหลี่เสว่เข้ามาไว้ข้างในอ้อมแขนเบาๆ “เสว่เอ๋อ มีคุณอยู่ ดีจริงๆ”
หลี่เสว่ถูกไป๋ยี่เฟยกอดอย่างกะทันหันเช่นนี้ ทำเอามึนงงเล็กน้อย “คุณเป็นอะไรไปคะ?”
“ไม่อย่างนั้นผมเรียกโจวฉวี่เอ๋อมาอยู่เป็นเพื่อนคุณก็แล้วกัน!”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ เธอก็ต้องทำงานเหมือนกันนะคะ!” หลี่เสว่ส่ายหน้าพร้อมตอบกลับ
ไป๋ยี่เฟยจนปัญญา ถูกหลี่เสว่ไล่ออกไป
กลับมาถึงโหวจวี๋ ไป๋ยี่เฟยนั่งอยู่ในห้องทำงาน ไม่ทำอะไรสักอย่าง หยิบโทรศัพท์มือถือออกมารอ เขากำลังคอยโทรศัพท์ที่หาคนวางยาพบ และก็คอยโทรศัพท์จากเฉินห้าวด้วยเช่นเดียวกัน
ตอนบ่าย หลงหลิงหลิงมาที่ห้องทำงาน “ท่านประธาน ช่วงนี้อุตสาหกรรมต่างๆในบริษัทต่างก็เกิดปัญหาไม่มากก็น้อย กรรมการบริษัทท่านอื่นๆต่างก็หวังให้ท่านประธานทำการโต้ตอบออกมา…”
“งั้นเปิดการประชุมคณะกรรมการบริษัทก่อนก็แล้วกัน!”
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง ทุกคนต่างก็มาถึงที่ห้องประชุม พูดกันอย่างเอะอะวุ่นวายถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ แต่ว่าไป๋ยี่เฟยไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับใดๆ เพียงแต่มองดูโทรศัพท์มือถือของตนเอง
หลงหลิงหลิงมองไปทางไป๋ยี่เฟยแวบหนึ่ง ในใจร้อนรนเป็นอย่างยิ่ง
“ท่านประทาน นี่จะต้องมีใครกำลังจงใจพุ่งเป้ามาที่พวกเราอย่างแน่นอน ผมไม่อาจจะปล่อยไปเช่นนี้ได้ จำเป็นจะต้องโต้กลับ”