ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 145
บทที่ 145
ไป๋ยี่เฟยมองดูเขา เอ่ยขึ้นอย่างเยือกเย็น “อ๋อ? งั้นหรอ?”
หลิ่วอู๋ฉงเห็นไป๋ยี่เฟยไม่แยแส ก็โมโหขึ้นมาในชั่วขณะ “ไป๋ยี่เฟย!อย่านึกว่าแกมีโหวจวี๋ก็จะไม่กลัวเพราะมีที่พึ่งพิงได้ ฉันจะบอกแกให้ โหวจวี๋เป็นเพียงแค่บริษัทเดียว แข็งแกร่งยังไง ก็แข็งแกร่งไม่เท่าพลังที่สิบกว่าบริษัทรวมเข้าไว้ด้วยกันได้!”
ดวงตาของไป๋ยี่เฟยโน้มต่ำลงเล็กน้อย คิดอะไรขึ้นได้ เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับเอ่ย “พูดแบบนี้ แกกำลังลงมือแล้ว? งั้นฉันก็อยากจะลองดูสักหน่อย ผลลัพธ์จะเป็นยังไง?”
“หึ!ไป๋ยี่เฟย แกรอก็แล้วกัน!” หลิ่วอู๋ฉงประชิดเข้ามาใกล้ไป๋ยี่เฟย “พวกเราเริ่มจากเขตนอกเมืองใต้ที่ดินผืนนั้นก่อน ลองดูว่าสุดท้าย ดอกไม้จะตกลงที่บ้านใครกันแน่?”
เขตนอกเมืองใต้ที่ดินผืนนั้น?
ไป๋ยี่เฟยอยู่ๆคิดขึ้นมาได้ว่าหลงหลิงหลิงดูเหมือนเคยเอ่ยถึงเขตนอกเมืองใต้ที่ดินผืนนั้นมาก่อน เดิมทีคือโหวจวี๋กับเถ้าแก่เฉาพัฒนาไปด้วยกัน แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะถูกประมูลแล้ว
ช่วงนี้เขาเป็นกังวลเกี่ยวกับยาถอนพิษของหลี่เสว่อยู่ตลอดเวลา เรื่องที่เกิดขึ้นที่โหวจวี๋ ส่วนมากต่างก็ฟังผ่านๆแล้วก็ลืม แต่เขาก็รู้ว่า ระยะนี้โหวจวี๋ถูกลูกค้าจำนวนมากปฏิเสธ ยังมีผู้ร่วมลงทุนฝ่ายตรงข้ามมากมายก็ปฏิเสธการร่วมลงทุน สรุปก็คือปัญหาต่างๆมากมาย
ที่แท้คือเขาที่ทำเรื่องบ้าๆ!
“งั้นพวกเราคอยดูก็แล้วกัน”
ไป๋ยี่เฟยไม่มีอารมณ์ที่จะอยู่ต่อไป จึงได้หมุนตัวออกไปเลย เพียงแต่เพิ่งจะเดินได้ไม่ถึงสองก้าว คิดไม่ถึงว่าจะเห็นหลี่เสว่ที่สวมชุดเดรสสีขาวเดินเข้ามา
หลี่เสว่ทำไมถึงได้มาที่นี่?
และหลี่เสว่ก็มองเห็นไป๋ยี่เฟย มีข้อสงสัยเช่นเดียวกัน ไป๋ยี่เฟยทำไมถึงได้อยู่ที่นี่?
“เสว่เอ๋อ”
เสียงนี้ไม่ใช่ไป๋ยี่เฟยที่เรียก แต่เป็นหลิ่วจาวเฟิง
ที่จริงแล้ว ก็เป็นหลิ่วจาวเฟิงที่เรียกหลี่เสว่มา
“คุณเรียกฉันมาทำอะไร?” หลี่เสว่ไม่ได้มีสีหน้าที่ดีอะไร
หลิ่วจาวเฟิงเพียงแต่หัวเราะขึ้นพร้อมกับเอ่ย “แน่นอนว่าต้องมีเรื่องสำคัญจะบอกกับคุณน่ะสิครับ”
เขาส่งข้อความให้กับหลี่เสว่ พูดว่าจะบอกเรื่องเกี่ยวกับไป๋ยี่เฟยกับเธอ หลี่เสว่แคร์ไป๋ยี่เฟย ฉะนั้นถึงได้มา
ไป๋ยี่เฟยได้ฟังดวงตาก็หนังอึ้ง คือหลิ่วจาวเฟิงที่เรียกหลี่เสว่มา?
“ผมคิดว่าเรื่องนี้ต้องนั่งลงพูดกันดีๆ ทุกคนต่างก็ยืนอยู่ตรงนี้ ไม่ดีเท่าไร” หลิ่วจาวเฟิงเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม
ไป๋ยี่เฟยเดินมาถึงข้างกายของหลี่เสว่ จับมือของหลี่เสว่พร้อมกับเอ่ย “ที่รัก พวกเรากลับกันเถอะ!”
หลี่เสว่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในขณะที่กำลังจะพยักหน้า ก็ได้ยินหลิ่วจาวเฟิงเอ่ย “ไป๋ยี่เฟย แกกำลังกลัวฉันจะพูดอะไรกับหลี่เสว่ล่ะสิ? รีบเร่งพาเธอไปขนาดนี้? ร้อนตัวแล้ว?”
ไป๋ยี่เฟยหันหน้ามามองเธอ จากนั้นเอ่ย “เสว่เอ๋อต้องรู้อะไร ฉันในฐานะสามี สามารถบอกกับเธอด้วยตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องให้คนนอกอย่างแกมาสอด”
“เดิมทีแกก็จงใจที่จะปิดบังเธอ แกยังจะบอกกับเสว่เอ๋อ?”
พูดจบ หลิ่วจาวเฟิงก็เอ่ยขึ้นกับหลี่เสว่อีก “เสว่เอ๋อ คุณอย่าเชื่อคำที่มันพูด มันต่างกำลังโกหกคุณ มันไม่ใช่แบบที่คุณเห็นเลยแม้แต่น้อย”
หลี่เสว่ได้ฟังก็จ้องเขม็งไปที่หลิ่วจาวเฟิงพร้อมกับเอ่ย “ไป๋ยี่เฟยคือสามีของฉัน เขาเป็นยังไงฉันรู้ดี ไม่ต้องให้คุณมาพูด อีกอย่างฉันได้พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า ฉันไม่มีทางที่จะชอบคุณ!”
พูดจบ หลี่เสว่ก็จะดึงไป๋ยี่เฟยจากไป
ในเวลานี้เอง อยู่ๆหลิ่วอู๋ฉงก็เอ่ยส่งเสียงออกมา “ไป๋ยี่เฟย แกแคร์เมียของแกมาก?”
ไป๋ยี่เฟยหันหน้าไปอย่างกะทันหัน ดึงหลี่เสว่ไปไว้ที่ด้านหลังของตนเอง “ฉันขอเตือนแก ทางที่ดีที่สุดอย่าแตะต้องเธอ ไม่เช่นนั้น ฉันมีวิธีการนับพันให้แกได้รู้ว่าอะไรที่เรียกว่าเสียใจในภายหลัง!”
หลิ่วอู๋ฉงไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย “คำพูดอย่าพูดเต็มมากจนเกินไป ถึงเวลาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นใครที่เสียใจในภายหลัง!”
แต่มีไป๋หู๋อยู่ ไป๋ยี่เฟยก็ไม่กังวลว่าเขาจะทำยังไงกับหลี่เสว่
ทว่าวินาทีต่อมา หลิ่วอู๋ฉงก็ขึ้นมาหนึ่งก้าวอย่างกะทันหัน ในมือถือสิ่งของที่ดำสนิทเอาไว้ จ่อไปที่ช่วงเอวของไป๋ยี่เฟย
“ฉันขอเตือนแกตอนนี้ทางที่ดีที่สุดอย่ายั่วโมโหฉัน ไม่เช่นนั้นตอนนี้ฉันก็จะฆ่าแก!”
ไป๋ยี่เฟยไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย บนร่างกายมีเหงื่อผุดออกมาอย่างกะทันหัน
เขารู้สึกได้แล้ว ที่จ่ออยู่บนร่างกายของเขาก็คือปืนกระบอกนึง
ไป๋ยี่เฟยยอมรับ เขากลัวแล้ว
แม่งใครถูกปืนจ่อเอาไว้ก็ต้องกลัวน่ะสิ!
“ตอนนี้น่ะเป็นสถานที่สาธารณะ ด้านในนี้ก็มีกล้องวงจรปิด แกกล้าลงมือ?” ภายนอกของไป๋ยี่เฟยยังถือว่านิ่งสงบ
หลิ่วอู๋ฉงเอ่ยขึ้นอย่างไม่แคร์ “ฉันฆ่าแกแล้ว ออกนอกประเทศในทันที ตำรวจไม่มีทางที่จะจับฉันได้เลย!”
ไป๋ยี่เฟยหมดคำพูด
ในเวลานี้เอง อยู่ๆหลิ่วอู๋ฉงก็แข็งทื่อ เพราะว่าที่ด้านหลังของเขาก็ถูกสิ่งของจ่อเอาไว้เช่นเดียวกัน หากเดาไม่ผิดล่ะก็ ก็น่าจะเป็นปืนกระบอกหนึ่งเช่นเดียวกัน
จากนั้นก็สะท้อนเสียงที่เยือกเย็นเสียงหนึ่งขึ้นมา “แกขยับอีกนิด ฉันฆ่าแกในทันที”
ไป๋ยี่เฟยหันไปดูทางด้านหลัง สวีลั่ง?
สวีลั่งมาตั้งแต่เมื่อไรกัน? เมื่อครู่นี้หน้าประตูไม่มีคนเข้ามา
หลิ่วอู๋ฉงตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าขยับซี้ซั้ว “ฉันเก็บของกลับคืนมา แกก็เก็บกลับคืนไปเช่นเดียวกัน”
สวีลั่งไม่ได้เก็บ เอ่ยขึ้นว่า “แกก่อน”
หลิ่วอู๋ฉงไม่มีทางเลือก สุดท้ายก็คือชีวิตสำคัญ ก็เลยเก็บของกลับคืนมา ใส่เข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตนเองใหม่อีกครั้ง แต่ยังคงไม่กล้าที่จะหมุนตัว เพราะว่าเขารู้สึกได้ถึง ว่าคนนี้ที่อยู่ด้านหลังอันตรายมาก
ไป๋ยี่เฟยมองดูสวีลั่งด้วยความประหลาดใจ “แกมาเพื่อช่วยชีวิตฉัน?”
พูดจบ หลี่เสว่ที่อยู่ด้านหลังอยู่ๆก็ตัวสั่นขึ้นมา เพราะว่าเธอจำสวีลั่งได้ คือนักฆ่าคนนั้น
ไป๋ยี่เฟยรีบหมุนตัวไปอธิบาย “ไม่เป็นไร ตอนนี้เขาไม่ฆ่าผมแล้วชั่วคราว”
หลี่เสว่ได้ฟังก็พยักหน้าอย่างมีข้อสงสัย ไม่ได้ถามอะไรมาก เพียงแต่สีหน้าซีดเผือด บางทีอาจเป็นเพราะพิษยา บางทีอาจเป็นเพราะอย่างอื่น
สวีลั่งกลับเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ “คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมเพียงแค่อยากจะฆ่าคุณด้วยมือของผมเอง ไปรับเงินง่ายหน่อย”
หลังจากที่หลิ่วอู๋ฉงได้ยินคำว่าเงินดวงตาก็เปล่งประกายขึ้น “พี่ใหญ่ คุณต้องการเงิน? ผมมี คุณอยากได้เท่าไร คุณเสนอราคามา”
ไป๋ยี่เฟยเห็นดังนั้นก็มีท่าทีดูละครสนุก ก่อนหน้านี้เขาน่ะเคยได้เห็นและเรียนรู้ว่าคนๆนี้ยึดถือคุณธรรมทางด้านอาชีพมากแค่ไหน
ไม่เกินความคาดหมายของเขาจริงๆ
สวีลั่งกวาดตามองหลิ่วอู๋ฉงด้วยสายตาที่เยือกเย็น “ผมมีจรรยาบรรณอาชีพของผม หากคุณกล้าเอาเงินมาพูดอีก ผมฆ่าคุณในทันที”
หลิ่วอู๋ฉงในใจหมดคำพูดไประลอกหนึ่ง
มีเงินยังไม่เอา? คนๆนี้โง่ขนาดไหนกัน? จรรยาบรรณอาชีพบ้าๆ สามารถกินแทนข้าวได้หรอ?
ในเวลานี้เอง หน้าประตูก็สะท้อนเสียงเข้ามาอีก “เกิดอะไรขึ้น?”
ที่แท้ฉินหัวพาตำรวจสองสามนายเดินเข้ามา
หัวใจที่เกร็งแน่นของไป๋ยี่เฟยในที่สุดก็วางลงแล้ว จากนั้นชี้ไปที่หลิ่วอู๋ฉงพร้อมกับเอ่ยในทันที “คุณตำรวจ
เมื่อครู่นี้เขาจะฆ่าผม!ในมือยังมีปืนอีก”