ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 174
บทที่ 174
มองสีหน้าของไป๋ยี่เฟยอีกครั้ง หนิววั่งก็เข้าใจแล้ว ส่ายหน้าอย่างจำใจ “ฉันจะพยายาม”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า “ขอบคุณมากหมอหนิว”
พูดจบ ไป๋ยี่เฟยหยิบยาถอนพิษกลับไป
หนิววั่งมองภาพด้านหลังของไป๋ยี่เฟย ไม่รู้ว่านึกถึงอะไร ก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “เฮ้อ!”
สังคมปัจจุบันนี้ การดำรงชีวิตระดับสูง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเจริญก้าวหน้า ทุกคนล้วนอาศัยอยู่ท่ามกลางภาวะเรือนกระจก สันดานเดิมในความเห็นแก่ตัวก็ยิ่งชัดเจนขึ้น ประมาณว่าไม่มีใครเสียสละชีวิตตนเองเพื่อใคร
ถึงจะเป็นคนที่สนิทที่สุดของตนเอง!
แน่นอน ก็ไม่สามารถใช้มาตรฐานเดียวกัน แต่คนแบบนี้ถึงอย่างไรก็ถือว่าน้อย
พอดิบพอดี ไป๋ยี่เฟยก็คือหนึ่งในจำนวนคนที่น้อยนี้
กลับถึงคฤหาสน์ ไป๋ยี่เฟยพบว่าหลี่เสว่ยังคงนอนหลับอยู่ ด้วยเหตุนี้จึงหยิบน้ำแก้วนึงเข้าไป เรียกหลี่เสว่ให้ตื่น
“เสว่เอ๋อ ตื่นๆ ทานยาก่อน ทานยาเสร็จค่อยนอน”
หลี่เสว่ตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ เรียกเบาๆมาคำนึง “สามี…..”
เห็นหลี่เสว่ไม่มีเรี่ยวแรงเช่นนี้ ไป๋ยี่เฟยก็เจ็บปวดใจ กล่าวด้วยเสียงอบอุ่นว่า: “มา ทานยา ทานยาเสร็จก็จะดีขึ้น”
หลี่เสว่นั่งพิงหัวเตียง มองไป๋ยี่เฟย กล่าวอย่างไม่เชื่อว่า: “มีของดีขนาดนั้นที่ไหนกัน?”
“อีกอย่าง นี่คือยาอะไร? ทำไมถึงเป็นสีดำ?”
“นี่คือยาถอนพิษ ทานแล้วคุณก็จะหาย”
หลี่เสว่กระพริบตา สงสัยว่าตนเองจะฟังผิด
ไป๋ยี่เฟยกล่าวยิ้มๆว่า: “นี่เป็นยาถอนพิษจริงๆ ฉันไปหาให้หมอหนิวตรวจสอบมาแล้ว วางใจเถอะ!”
หลี่เสว่เห็นเช่นนี้ จึงกินยาลงไปอย่างเชื่อฟัง
……
หลิวเสี่ยวอิงกลับไปถึงบ้านเช่าของหลงหลิงหลิง นำกระเป๋าเป้ของตนเองโยนลงบนโซฟา “โรงพยาบาลอะไรกัน! น่ารังเกียจขนาดนี้ ยังจะเป็นคณบดีและหัวหน้าแผนก!”
อย่างชัดเจนว่า หลิวเสี่ยวอิงเกลียดคณบดีและหัวหน้าแผนกเข้ากระดูกดำ
“เพียงแต่ ทำไมคุ้นเคยกับคนนั้นขนาดนั้น? เหมือนกับเคยเจอกันที่ไหน?” หลิวเสี่ยวอิงยังไม่ได้คิดถึงฐานะทางสังคมของไป๋ยี่เฟย ไม่พูดไม่ได้ว่า ความทรงจำนี้แย่เกินพอ
บ่นเสร็จแล้ว หลิวเสี่ยวอิงก็โทรศัพท์ไปหาหลงหลิงหลิง บอกว่าเย็นนี้จะไปทานข้าวด้วย
หลังจากหลงหลิงหลิงตอบรับก็วางสาย มองห้องทำงานประธานข้างๆที่ว่างเปล่า ก็กังวลใจอย่างมาก โทรศัพท์ไปหาไป๋ยี่เฟยก็ยังไม่ตอบกลับ ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง?
หลังจากเลิกงาน หลงหลิงหลิงและหลิวเสี่ยวอิงก็ไปทานข้าวที่ร้านอาหารร้านนึง
“หลิงหลิง คุณไม่รู้หรอกว่า วันนี้ฉันไปสัมภาษณ์ที่โรงพยาบาลแห่งนั้นมา เรียกได้ว่าเป็นคนที่น่ารังเกียจคนนึง ที่พิเศษคือคณบดีและหัวหน้าแผนก….” หลิวเสี่ยวอิงบ่นกับหลงหลิงหลิงอีกครั้งนึง
หลงหลิงหลิงส่ายหัวอย่างจนปัญญา “แล้วคุณทำยังไงล่ะ? วิชาชีพแพทย์ของคุณนี้คงไม่เสียแรงเปล่านะ!”
“อ่า พูดเรื่องนี้ขึ้นมา ฉันคิดเรื่องนึงขึ้นมาได้ เมื่อสัมภาษณ์งานเสร็จแล้ว เหมือนกับพบคู่สามีภรรยาคู่นึง ภรรยาโดนยาพิษ สามีเฝ้าอยู่ข้างๆตลอด ยังคงรักกันอยู่”
“อีกทั้ง พวกเขาต่างก็ไม่เชื่อฉัน เขาก็ให้ฉันไปลองดู ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ภรรยาของเขาก็อาจจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”
หลงหลิงหลิงไม่ได้คิดอะไรมาก “อย่างนั้นคุณก็เก่งมากเลยนะ! ช่วยชีวิตคนอื่นไว้ได้ เออใช่ คุณช่วยชีวิตคนไว้ คณบดีก็คงจะบอกไม่ได้ว่าคุณไม่มีประสบการณ์ใช่ไหม?”
“เชี่ย สีหน้านั้นของพวกเขา คล้ายกับก้นหม้อที่ดำ ไม่ยอมรับอย่างแน่นอน! หลิวเสี่ยวอิงกล่าวพลางค้อนกลับ
หลงหลิงหลิงหัวเราะ “ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็ไม่ต้องการคุณ เป็นความสูญเสียของพวกเขา”
“นั่นแน่นอน!” หลิวเสี่ยวอิงเชื่อมั่นในวิชาแพทย์ของตัวเองอย่างมาก
คนทั้งสองกินไปพลางพูดคุยกันไปพลาง และพวกเธอมองไม่เห็นว่าชั้นสอง มีคนสนใจพวกเธออยู่
เย่อ้ายมองคนทั้งสองที่อยู่ด้านล่างอย่างไม่แสดงอารมณ์อะไร
กลับกันหลิ่วอู๋ฉงก็หัวเราะ
เย่อ้ายได้ยินจึงกล่าวถามว่า: “คุณรู้จักหรอ?”
“ไม่เพียงแค่รู้จัก นั่นคือนักเรียนของฉัน”หลิ่วอู๋ฉงกล่าวพลางมองไปยังหลิวเสี่ยวอิง
เย่อ้ายมองไปอีกครั้ง “นักเรียนของคุณเก่งมากเลยหรอ?”
หลิ่วอู๋ฉงหัวเราะเยาะ “คุณรู้ไหม เพราะอะไรฉันเป็นอาจารย์ เธอเป็นนักเรียนหรอ?”
เย่อ้ายเงียบปาก
หลิ่วอู๋ฉงดึงสายตากลับ “คุณรีบลงมือหน่อยจะดีที่สุด ไม่เช่นนั้นโอกาสดีๆแบบนี้ก็จะหมดไป”
“ตัวฉันเองรู้ดี” เย่อ้ายขมวดคิ้วกล่าวตอบกลับ ถ้าไม่ใช่หลิ่วอู๋ฉงให้เธอวางยา เธอก็จะไม่ทำงานเพื่อหลิ่วอู๋ฉง
“อันที่จริงถ้าเรื่องนี้สำเร็จแล้ว ก็คือผลกำไรของคุณ ถึงอย่างไร ไป๋ยี่เฟยยังไม่เคยร่วมห้องกับหลี่เสว่ คุณก็จะเป็นผู้หญิงคนแรกของไป๋ยี่เฟย”
เย่อ้ายได้ยินคำพูดก็เงียบไม่พูดจา
แต่พูดตามตรง ในใจก็ยังคงตื่นเต้นหวั่นไหวเล็กน้อย เธอก็รู้ว่า ไป๋ยี่เฟยและหลี่เสว่แต่งงานกันมาสองปีแล้ว ยังไม่มีความสมบูรณ์ของการเป็นคู่สามีภรรยา นี่ทำให้เธอมีโอกาสที่จะได้ใช้ประโยชน์จากมัน
ถึงเวลานี้ดีที่สุดคือทำให้หลี่เสว่ได้เห็นกับตาของตัวเอง ความรักความผูกพันระหว่างพวกเขานั้น จะจากไปอย่างไม่ย้อนกลับไหม?
……
ตอนเย็น ไป๋ยี่เฟยตื่นแล้ว หลี่เสว่ยังคงหลับอยู่ ก็ย่องออกไปอย่างเบาๆ
สั่งอาหารเดลิเวอรี่ก่อนเป็นอย่างแรก จากนั้นโทรกลับแต่ละสายๆ
อันดับแรกคือไป๋หู่ ไป๋หู่เบื้องหลังก็ไปตรวจสอบเรื่องราวของชายสวมแว่นคนนั้น แต่ไป๋หู่บอกว่าอะไรก็ล้วนไม่สามารถตรวจสอบได้
สายที่สองคือหลงหลิงหลิง
“ท่านประธาน วันนี้คุณป่วยหรือเปล่า?”
“ฉันไม่เป็นไร การเตรียมพร้อมสถานที่ที่ชานเมืองใต้นั้นเป็นยังไงบ้าง?”
“ข้อมูลและเงินทุนเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว รอหลังจากสามวันก็จะประมูลแล้ว” หลงหลิงหลิงกล่าวตอบกลับ
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า “ดีมาก เอาล่ะ ฉันจะไปติดตามข่าวทางด้านของโรงพยาบาลสักเล็กน้อย ถ้าเป็นไปได้ล่ะก็ ช่วยบอกย้อนหลังเรื่องการประมูลเป็นระยะๆ โหวจวี๋จะพิจารณาการลงทุนโรงพยาบาลนึง”
วางสายแล้ว หลงหลิงหลิงสับสนงุนงงเล็กน้อย ทำไมจู่ๆท่านประธานถึงต้องการลงทุนโรงพยาบาล?
ปัญหาคือตอนนี้ปัญหาของโหวจวี๋ของพวกเขายังไม่ได้รับการแก้ไขให้เสร็จสิ้นทั้งหมด ถ้าจะไปลงทุนอีกล่ะก็ เกรงว่าจะเป็นการไม่ดีหรือเปล่า?
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้อธิบาย เธอก็ไม่กล้าถามมาก
สองคนสุดท้ายที่โทรไปคือไอ้หัวล้านหลิวและฉินหัว คนก็ต้องการหาต่อไป แต่ไม่ต้องร้อนใจขนาดนั้นแล้ว
จัดการโทรศัพท์เสร็จ ไป๋ยี่เฟยจึงหันกลับไปยังห้อง
“เสว่เอ๋อ ตื่นๆ ลุกขึ้นมาทานข้าว”
หลี่เสว่ได้ยินเสียงก็ตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ
“หือ? กี่โมงแล้ว?” หลี่เสว่กล่าวถามอย่างเนือยๆ
ไป๋ยี่เฟยฟังแล้วเหมือนกับว่ามีขนนกมาสะกิดที่ปลายหัวใจของตนเอง จั๊กจี้อย่างมาก
“หกโมงกว่าแล้ว ควรทานข้าวเย็นได้แล้ว”
หลี่เสว่ร้องอ๋อ ลุกขึ้นนั่งแล้วยืดตัวบิดขี้เกียจทีนึง “ฉันรู้สึกว่าตัวเองมีกำลังมากขึ้นแล้ว”
ก่อนหน้านี้เธอรู้สึกว่าร่างกายตัวเองอ่อนแออย่างมาก ไร้เรี่ยวแรง แต่ตอนนี้ เธอรู้สึกกำลังวังชาเหล่านั้นได้กลับมาแล้ว