ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 178
บทที่ 178
ไป๋ยี่เฟยได้ยินก็หัวเราะ “คิดถึงคุณ? คิดว่าคุณทำลายฉันจนย่อยยับได้อย่างไรนะหรอ?”
เย่อ้ายยิ้มตีหน้าตาย : “คุณพูดอะไร?ฉันจะไปทำลายคุณจนย่อยยับได้อย่างไร? ฉันยังไม่ทันได้ขอบคุณเลยนะ?”
ไป๋ยี่เฟยมองไปทางเย่อ้าย เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อคำพูดของเย่อ้ายเท่าไหร่ “คุณทำอะไร กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง ไม่ต้องให้ฉันอธิบายหรอกมั้ง?”
เรื่องราวของหลี่ฝาน ทั้งหมดเป็นเย่อ้ายที่ชี้นำอยู่เบื้องหลัง เขารู้หมดแล้ว
พูดจบ เย่อ้ายก็ดึงมือกลับ มองไป๋ยี่เฟยนิ่งๆไม่กี่วินาที จึงยิ้มแล้วพูดว่า : “ใช่ เพียงแต่ว่า ฉันชอบคุณจริงๆ คุณเป็นแฟนฉันไม่ดีกว่าหรอ?”
“ฉันมีภรรยาแล้ว” ไป๋ยี่เฟยพูดตอบกลับอย่างเย็นชา
เย่อ้ายไม่คิดว่าจะดื้อรั้น : “แต่ว่าคุณจะมีหรือไม่มีไม่ได้แตกต่างกัน? สิงปีกว่าแล้ว คุณยังไม่ได้นอนกับภรรยาคุณเลยใช่ไหม?”
ไป๋ยี่เฟยสะอึก นี่คือสิ่งที่เขาต้องการที่สุดมาตลอด เขาเพียงแต่ชอบหลี่เสว่ แต่ไม่ใช่เพื่ออยากนอนกับเธอ
“สามีภรรยาไม่ได้มีแต่นอนอย่างเดียว คุณไม่เข้าใจหรอก”
พูดจบ ก็ไม่เปิดโอกาสให้เย่อ้ายพูด ถามตรงๆว่า : “พูดมาเถอะ ครั้งนี้คุณมาหาฉันจุดประสงค์คืออะไร?”
แววตาของเย่อ้ายเป็นประกาย กล่าวว่า : “ก็ฉันคิดถึงคุณ เลยมาดูคุณ”
ไป๋ยี่เฟยไม่เชื่อ แต่เธอไม่พูดจุดประสงค์ของตัวเอง เขาก็ไม่อดทนที่จะอยู่เสียเวลากับเธอที่นี่ ก็เลยพูดว่า : “ไม่ทีอะไรจะพูด เชิญคุณออกไป”
“อย่าไร้น้ำใจแบบนี้สิ!” เย่อ้ายพูดแบบออดอ้อน
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกหนาวอย่างช่วยไม่ได้ “เชิญคุณออกไป”
เย่อ้ายเห็นท่าทางของไป๋ยี่เฟย ก็กัดฟัน จำใจต้องออกไป
ไป๋ยี่เฟยคิดไม่ออก ท้ายที่สุดแล้วผู้หญิงคนนี้มาทำอะไร? เสียเวลาเขาจริงๆเลย ก็ไม่รู้ว่าเสว่เอ๋อจะเป็นอย่างไรบ้าง?
แต่ว่าเป็นเวลาที่เหมาะที่ไป๋ยี่เฟยจะกลับไป หลงหลิงหลิงเข้ามารายงาน : “ท่านประธาน กรรมการจางมาแล้ว”
“เรื่องอะไร?” ไป๋ยี่เฟยเพิ่งจะถามเสร็จ จางหรงก็เข้ามาเองเลย
“ท่านประธาน! หกกรุ๊ปนั่น มาตรการคว่ำบาตรต่อโหวจวี๋นานวันยิ่งรุนแรงขึ้นมาก พวกเราจะไม่ใช้มาตรการใดๆสักหน่อยเลยหรอ? อีกทั้ง กรรมการคนอื่นๆก็ถามเช่นกัน ท่านประธานบอกว่าจะแก้ไขได้ภายในสองวันไม่ใช่หรอ? นี่ผ่านมาเกือบสัปดาห์แล้ว……”
จางหรงมีความกล้าที่จะถามไป๋ยี่เฟยขนาดนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะผลักดันด้วยผลประโยชน์ ถ้าไป๋ยี่เฟยไม่ดูแลโหวจวี๋ โหวจวี๋ก็จะปิดตัวลง จางหรงเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้น แต่ว่าประโยชน์สักนิดก็หาไม่เจอ ไม่เพียงแค่นั้น ไม่แน่อาจจะต้องสิ้นเนื้อประดาตัว
ไป๋ยี่เฟยพูดอย่างไม่แยแสว่า : “ฉันบอกจะแก้ปัญหาในสองวัน จริงคือแก้ปัญหาแล้ว เพียงแต่พวกคุณมองไม่เห็นผลก็เท่านั้น”
“นี่……” จางหรงไม่เชื่อ เพียงแต่แก้ไขปัญหาแล้ว จะมองไม่เห็นได้อย่างไร?
ตอนนี้ทั้งหกบริษัทยังคว่ำบาตรโหวจวี๋อยู่ แต่ไหนแต่ไรไม่มีท่าทีจะหยุด
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้อธิบาย “พวกคุณไม่จำเป็นต้องมากังวลเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ เตรียมการประมูลอย่างสบายใจก็พอแล้ว”
จางหรงยังอยากจะพูดอะไร ก็ถูกไป๋ยี่เฟยยกมือให้หยุด “ฉันรู้ นี่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ส่วนตัวของกรรมการ ฉันไม่ได้พูดล้อเล่น อย่างไรเสีย นี่ผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดคือพ่อของฉัน”
พูดจบ จางหไม่มีคำจะพูดอีก จำใจต้องออกไป
เห็นว่าเขาออกไปแล้ว หลงหลิงหลิงพูดอย่างไม่สบายใจ : “ท่านประธาน กรรมการจางคนนี้มากเกินไปแล้ว……”
“ไม่เป็นไร” ไป๋ยี่เฟยพูดอย่างเย็นชา “คนอย่างนี้ใช้สอยดีที่สุด แต่ไม่น่าไว้วางใจ ถึงอย่างไรเขายังมีความสบายใจมากขนาดนี้ คุณก็เตรียมเรื่องให้เขาทำสักหน่อย”
“รับทราบ ท่านประธาน” หลงหลิงหลิงพยักหน้า
ไป๋ยี่เฟยลุกขึ้น “ฉันยังมีธุระ ไปก่อน”
หลงหลิงหลิงมองภาพไป๋ยี่เฟยที่รีบร้อนออกไป อยากจะเรียกเขา น่าเสียดาย ที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีเหตุผลอะไร
ไป๋ยี่เฟยขับรถ ไปซุปเปอร์มาร์เก็ตซื้อทอฟฟี่กระต่ายสีขาวให้หลี่เสว่สองสามห่อ ยังซื้อทอฟฟี่ชนิดอื่นๆอีก จึงออกมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ต
เพิ่งมาถึงลานจอดรถของซุปเปอร์มาร์เก็ต ก็เห็นคนคนหนึ่ง คนที่เขาไม่ได้ให้ความสนใจมาเป็นเวลานาน
“ไป๋ยี่เฟย!” คนนั้นจ้องมองไป๋ยี่เฟย เหมือนต้องการจะกลืนกินไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยแปลกใจเล็กน้อย “จ้าวเผิง?”
การแต่งกายของจ้าวเผิงแตกต่างจากอดีตเล็กน้อย ไม่มีชุดสูทและรองเท้าหนัง แต่เป็นชุดลำลอง หรือชุดลำลองที่พบเห็นได้ทั่วไปตามท้องถนน
ตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่เห็นไป๋ยี่เฟย ไป๋ยี่เฟยไม่อนุญาตให้บริษัทใดๆโหวจวี๋ร่วมมือกับบริษัทของจ้าวเผิง บริษัทของจ้าวเผิงไม่สามารถดึงดูดการลงทุนได้ เงียบเหงาซบเซา ตอนนี้ก็อยู่ไปวันๆเท่านั้น
และทั้งหมดนี้ จ้าวเผิงโยนความผิดให้ไป๋ยี่เฟยทั้งหมด
เวลานี้ เขาคิดว่าไป๋ยี่เฟยเป็นผู้จัดการทั่วไปของโหวจวี๋ แต่ข่าวเมื่อไม่กี่วันนี้ออกมา จึงได้รู้ คาดไม่ถึงว่าไป๋ยี่เฟยแม่งจะเป็นประธานของโหวจวี๋!
ลองคิดดูสักนิด เดิมทีก็ไม่ดีไปกว่าคนบ้านนอกคอกนา เปลี่ยนไปในพริบตา กลายเป็นประธานบริษัทชั้นนำ ความรู้สึกแบบนี้ ช่างแย่จริงๆ!
แต่ก็เพราะเหตุนี้ จ้าวเผิงยิ่งเกลียดไป๋ยี่เฟยมากยิ่งขึ้น ไป๋ยี่เฟยเป็นประธานของโหวจวี๋ไม่ใช่หรอ? ทำไมเวลานั้นจึงให้เขายืมแค่ 20,000 ทำไมไม่อัดฉีดให้เขาสักสิบล้าน แม้กระทั่งเงินทุนร้อยล้าน?
ถึงท้ายที่สุด แม่งยังเอาหนี้สินตามมาหาเขา!
หึ เขายังไม่ได้คืนเงิน ยังไม่ให้ร่วมมือกันกับบริษัทโหวจวี๋ หน้าเนื้อใจเสือเลวทรามจริงๆ!
เหล่านี้คือความคิดเห็นจ้าวเผิง
ก่อนไป๋ยี่เฟยก็ไม่ได้สนใจจ้าวเผิง บริษัทของเขาเป็นอย่างไร ก็ไม่เกี่ยวกับเขา
“รบกวนหลีกทางหน่อย” จ้าวเผิงยืนอยู่หน้ารถของเขา รถข้างๆน่าจะเป็นรถของจ้าวเผิง
จ้าวเผิงไม่หลีก พูดอย่างรุนแรง : “ไป๋ยี่เฟย ตอนนี้คุณรู้ไหมว่าฉันมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร? คุณแม่งยังมีหน้าสงบจิตสงบใจมาพูดกับฉันแบบนี้อีกหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้ว “แล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน?”
“หึ หากไม่ใช่ว่าคุณปฏิเสธที่จะร่วมมือกับบริษัทฉัน บริษัทของฉันจะสามารถเผชิญกับการล้มละลายหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยพูดอย่างเย็นชา “จ้าวเผิง บริษัทคุณแยกจากโหวจวี๋ไปก็อยู่ไม่ได้เลยหรอ? งั้นยังมีอะไรที่จำเป็นกับเขาอยู่ล่ะ?”
“คุณ!” จ้าวเผิงถลึงตา “สรุปเลยว่า ทั้งหมดนี้เกิดจากคุณ ฉันขอคุณชดเชยค่าเสียหายให้ฉันห้าสิบล้าน!”
พูดจบ ไป๋ยี่เฟยงงงวยไปชั่วขณะ
นี่จ้าวเผิงมาที่นี่เพื่อขัดขวางเขาโดยเฉพาะ?
ค่าเสียหายห้าสิบล้าน เรื่องขี้ปะติ๋ว มีสิทธิ์อะไร?
“ฉันบอกคุณว่า นี่คือสิ่งที่คุณควรจะชดใช้ให้ฉัน!”
จ้าวเผิงรู้สึกว่าในเมื่อไป๋ยี่เฟยเป็นประธานของโหวจวี๋ ห้าสิบล้านสำหรับเขา จัดการได้ง่ายดายมากจริงๆ เพื่อเห็นแก่หน้าตาเพื่อนร่วมชั้นของพวกเขา แถมเขาควรจะต้องจ่ายค่าชดเชยด้วย ดังนั้นที่จ้าวเผิงพูดเป็นไปโดยธรรมชาติ
ไป๋ยี่เฟยแววตาเคร่งขรึม “จ้าวเผิง ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ฉันรู้ว่าคุณ มันไม่เกี่ยวกับเพื่อนเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว ตั้งแต่คุณไม่คืนเงินก็ไม่ใช่แล้ว”
“ทุกสิ่งที่คุณมีในวันนี้ กรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมตามสนองตัวคุณเอง ไม่เกี่ยวกับฉัน จากนี้ต่อไปอย่ามาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก มิเช่นนั้น ฉันจะไม่ใส่ใจที่จะใช้มาตรการพิเศษสักหน่อย”
“คุณรู้ว่า ฉันทำได้” สายตาสุดท้ายของไป๋ยี่เฟย ทำให้จ้าวเผิงตกใจกลัวจริงๆ
ไป๋ยี่เฟยปลีกตัวออกไปจากจ้าวเผิง เปิดประตูรถ ออกไปอย่างสง่าผ่าเผย
จ้าวเผิงตกตะลึงอยู่ที่เดิม ผ่านไปสักพัก จึงตะโกนพูดว่า : “ไป๋ยี่เฟย! คุณรอดูฉันเถอะ!”
……
หลี่เสว่ดูการ์ตูนอยู่บ้านคนเดียว ฉับพลันก็ได้ยินเสียงกริ่ง ก็ดีใจขึ้นมาทันทีทันใด
ลุกขึ้นไปเปิดประตู “คุณลุง คุณกลับมาแล้วหรอ?”
แต่กลับเห็นสาวสวยแปลกหน้าตรงหน้า ชั่วขณะใบหน้าต้องคว่ำลง ยังพาให้งงงวยและประหลาดใจ
เย่อ้ายยืนอยู่หน้าประตู ถูกระเบิดด้วยคำว่าคุณลุงของหลี่เสว่ มองดูท่าทางของหลี่เสว่ จำใจต้องถามว่า : “คุณไม่รู้จักฉันหรอ?”
หลี่เสว่ส่ายหัว “พี่สาวคุณเป็นใคร?”
“พี่สาว?” เย่อ้ายตกใจ “คุณเรียกฉันว่าพี่สาวหรอ?”
อันที่จริงหลี่เสว่อายุน้อยกว่าเย่อ้ายหนึ่งถึงสองปี แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ได้มีสถานภาพถึงอย่างนั้น
หลี่เสว่ทำตาปริบๆ “งั้นจะเรียกว่าอะไร? คุณป้าหรอ?”
เย่อ้ายกลั้นหายใจอยู่ในใจ สีหน้าหม่นหมอง “คุณไม่รู้จริงๆหรอว่าฉันเป็นใคร?”
“ไม่รู้……” หลี่เสว่ส่ายหัว ถามอีกครั้งว่า : “คุณมาหาคุณลุงหรอ? คุณลุงออกไปซื้อทอฟฟี่ให้ฉัน”
“อะไรนะ?” เย่อ้ายสับสนมึนงง
คุณลุง? ซื้อทอฟฟี่?
เดี๋ยวนะ หลี่เสว่นี่ผิดปกติไปมากเลย