ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 208
บทที่ 208
หลิ่วอู๋ฉงโทรศัพท์ไปหาวั่นซิน
“เกิดอะไรขึ้น? คุณประกาศล้มละลาย?”
วั่นซินไม่ได้พูดอะไรมากมาย แต่พูดเตือนขึ้นมา“หลิ่วอู๋ฉง ผมแนะนำคุณ คุณวางมือลงจะดีกว่า อย่าไปต่อกรกับโหวจวี๋ แล้วก็อย่าไปต่อกรกับไป๋ยี่เฟยด้วย คุณสู้ไม่ชนะหรอก”
หลิ่วอู๋ฉงสีหน้านิ่งขรึม“ผมสู้ไม่ชนะ? เหอะ ครั้งนี้ผมแค่ดูถูกไป๋ยี่เฟยมากเกินไป ครั้งหน้า ผมไม่มีทางแพ้ให้กับมันแน่นอน!”
วั่นซิน เห้อ ออกมา“คิดให้ดีๆก่อนทำแล้วกัน!”
พูดจบ วั่นซินก็วางสายไปทันที
หลิ่วอู๋ฉงรู้สึกโกรธมาก“กล้าดียังไงมาบอกฉันว่าสู้ไม่ชนะไป๋ยี่เฟย? ไอ้ไป๋ยี่เฟยนั่นมันก็มีแค่โหวจวี๋เท่านั้นแหละ รอฉันทำลายโหวจวี๋ลงให้ได้ก่อนเถอะ ไป๋ยี่เฟยก็จะไม่เหลืออะไรอีก!”
ที่เขาไม่รู้ก็คือ ไป๋ยี่เฟยไม่ใช่มีแค่โหวจวี๋ เบื้องหลังของเขายังมีตระกูลไป๋ที่เมืองหลวงอีกด้วย และนั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถจะไปยุแหย่ได้
รออยู่นานสองนาน พวกประธานห้าบริษัทนั่นก็ไม่มาสักที หลิ่วอู๋ฉงเริ่มรู้สึกหงุดหงิดรำคาญ กำลังจะโทรศัพท์ แต่กลับพบกว่ามีคนสองสามคนปรากฏอยู่ในกล้องวงจรปิดของบ้านวิลล่า
คนพวกนั้นเป็นผู้ชายสูงใหญ่ สวมชุดสีดำ ในมือของผู้ชายแต่ละคนถือมีดเล่มใหญ่ๆมาด้วย
หลิ่วอู๋ฉงพอเห็นแบบนี้ ก็ทำตาโตขึ้นมาทันที วิ่งไปล็อกประตูอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็วิ่งขึ้นไปข้างบนด้วยความตื่นกลัว มาถึงตรงหน้าต่างในห้องห้องหนึ่ง
พอดีที่บ้านวิลล่าหลังนี้อยู่ติดกับซอยเปลี่ยวๆหนึ่งซอยพอดี แค่เขากระโดดลงไปจากหน้าต่าง ก็จะหนีรอดไปได้แล้ว
หลิ่วอู๋ฉงได้ยินเสียงเคาะประตูแล้ว ไม่มีเวลาได้คิด เปิดหน้าต่างกระโดดลงไปทันที
“ซี๊ด……”
ตอนที่ตกลงมาที่พื้น หลิ่วอู๋ฉงใช้เท้าลง อ้าปากยิงฟันด้วยความเจ็บปวด
แต่ในขณะนี้เอง ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาเจ็บ เขาต้องรีบหนีไปให้เร็วที่สุด
เดินกะเผลกๆออกไปจากซอย พลางโทรไปหาเซียวเถิง
“เซียวเถิง พวกคุณถึงแล้วยัง?”
“ใกล้แล้ว อีกสองสามนาทีก็ถึงแล้ว”
“ไม่ต้องมาแล้ว มีคนจะมาฆ่าผมที่บ้าน พวกคุณรีบกลับไปซะ!”
เซียวเถิงตกใจไม่น้อย“แล้วคุณทำยังไง?”
“ผมไม่เป็นไร ผมกระโดดออกมา อยู่ในซอยที่อยู่ข้างหลัง รอผมรอดแล้ว ผมค่อยติดต่อไปหาพวกคุณ”
หลังจากเซียวเถิงฟังแล้วก็ตอบรับกลับมาหนึ่งคำ“เกรงว่าจะใช้ไม่ได้น่ะสิ”
“อะไร?”หลิ่วอู๋ฉงอึ้งตะลึง ตอบสนองกลับมาทันที พูดขึ้นด้วยความโมโห“พวกแกนั่นเอง!”
หลังจากหลิ่วอู๋ฉงพูดจบก็รีบวางสายลงทันที“ฉิบหาย!”
ทิ้งมือถือไป หลิ่วอู๋ฉงรีบวิ่งออกไปข้างนอก แม้แต่เท้าของตัวเองก็ไม่สนใจแล้ว
ให้ตายสิ!หลิ่วอู๋ฉงเพิ่งจะรู้ว่า นักฆ่าพวกนี้ เป็นคนที่พวกประธานห้าบริษัทนั่นส่งมา
ตอนที่เขาเห็นนักฆ่าในตอนแรก ยังนึกว่าเป็นคนที่ไป๋ยี่เฟยส่งมาเสียอีก ที่ไป๋ยี่เฟยบอกว่าปล่อยเขาไป แล้วยังบอกอีกว่าเขาจะเสียใจภายหลัง แต่พอคิดๆดูแล้ว ไป๋ยี่เฟยไม่มีทางฆ่าคนโดยที่ไม่มีความละอายใจแบบนี้แน่นอน ดังนั้นจึงไม่ใช่ไป๋ยี่เฟย
จากนั้นเขาก็เริ่มสงสัยเย่อ้าย ท่าทีของเย่อ้ายในงานประมูล ทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้ว่า เย่อ้ายหลุดพ้นจากการควบคุมของเขาแล้วหรือยัง
แต่เขาก็มีความมั่นใจในตัวยาของตัวเองมาก รู้สึกว่าไม่ใช่เย่อ้ายเช่นกัน
ผลที่ได้ กลับเป็นนักธุรกิจห้าคนนั่น!
หลิ่วอู๋ฉงไม่เข้าใจ แล้วไม่ห่วงชีวิตกันแล้วเหรอ? ถ้าฆ่าเขา ก็จะไม่มีคนให้ยาแก้พิษกับพวกเขา!
แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก แล้วก็หมดหนทาง ตอนนี้ถ้าเขายังอยากมีชีวิตอยู่ จำเป็นต้องวิ่ง
ไม่รู้ว่าวิ่งมานานเท่าไร เขาหลบอยู่ในไซต์ก่อสร้างที่ลึกลับซับซ้อนแห่งหนึ่ง เพื่อตบตาคน
หลิ่วอู๋ฉงในตอนนี้ ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างเฉิดฉายเหมือนกับช่วงเวลาที่ผ่านมาแล้ว เขาเป็นเพียงแค่หมาหัวเน่าที่ถูกคนตามไล่ฆ่าเท่านั้น
หลบอยู่ในไซต์ก่อสร้างอยู่นาน จู่ๆหลิ่วอู๋ฉงก็เงยหัวขึ้นมา“หลิวเสี่ยวอิง!”
ใช่ หลังจากที่เขาสงบลง ในที่สุดก็คิดออก คนพวกนั้นทำไมถึงกล้าส่งคนมาฆ่าเขา ไม่มีอะไรไปกว่าถูกคนแก้พิษให้ แล้วก็คนที่สามารถแก้พิษได้ นอกจากหลิวเสี่ยวอิงแล้ว เขาก็คิดคนอื่นไม่ออกแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นงานประมูลของวันนี้ ที่ไป๋ยี่เฟยถามออกมาแบบนั้น ชัดเจนว่าได้เจรจาพูดคุยกับนักธุรกิจทั้งห้าคนนั่นไว้แล้ว เขาแก้พิษให้กับพวกเขาเรียบร้อยแล้ว
ก็ไม่แปลกที่ไป๋ยี่เฟยจะปล่อยเขา เพราะว่าสำหรับเขาแล้ว การเข้าไปอยู่ในคุก ก็เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด
……
หลังจากที่ชายสวมแว่นออกจากโหวจวี๋มาถึงคลับจิ่วเทียน อยากที่จะมาระบายความหื่นกามที่หลิวเสี่ยวอิงได้ยั่วยวนเขาไว้
การเป็นนักฆ่า ที่เขามีคือเงิน ดังนั้นเขาจึงเหมาจองห้องไพรเวท ข้างในมีออนเซ็นเดี่ยวๆหนึ่งสระ แถมยังเรียกสาวสวยสองคนมาบริการให้กับเขา
แช่อยู่ในสระออนเซ็น มีสาวสวยสวมชุดบิกีนี่สองคนขนาบข้าง ชายสวมแว่นยกแก้วไวน์ขึ้นมาดื่มไปหนึ่งคำด้วยความรู้สึกดื่มด่ำพอใจสุดๆ
ชายสวมแว่นหรี่ตามองสาวสวยทั้งสองคนที่ขนาบข้างตัวเอง ยื่นมือออกมาลูบๆคลำๆ มันก็รู้สึกสบายอยู่หรอก แต่ก็รู้สึกว่าเหมือนขาดอะไรไปเหมือนกัน?
อะไรกันนะ?
มันคือสไตล์ที่ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าของหลิวเสี่ยวอิงนั่นเอง
ผู้หญิงพวกนี้ก็เป็นพวกที่เห็นบ่อยๆตามสถานที่แบบนี้ มีความยั่วยวนน่าดึงดูด แต่หลิวเสี่ยวอิงไม่เหมือนกัน เธอดูใสสะอาด มีชีวิตชีวา พอนึกถึงแล้วก็ทำให้รู้สึกตื่นเต้นเลือดร้อนขึ้นมาทันที
ทันใดนั้นเองมีเสียงดัง“ปึ้ง”
ประตูห้องกับเพดานข้างบนถูกพังเข้ามาพร้อมกัน
คนที่เดินเข้ามาตรงประตูก็คือไป๋หู่ ส่วนคนที่ลงมาจากเพดานคือสวีลั่ง
ไป๋หู่มองสวีลั่ง รู้สึกประหลาดใจไม่น้อยว่าเขาก็มาเหมือนกัน
แต่ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะเข้าใจกันแม้จะไม่ได้พูดกัน ตอนที่เข้ามา แค่หันสบตากันหนึ่งที จากนั้นก็ลงมือทันที
ส่วนชายสวมแว่นที่กำลังแช่น้ำอยู่หลังจากที่ได้ยินเสียง ก็รีบผลักสาวสวยในอ้อมแขนออกทันที ลุกขึ้นมาจากอ่างอย่างรวดเร็ว
สาวสวยทั้งสองคนพอเห็นสถานการณ์แบบนี้ ก็ตกใจจนกรีดร้องออกมา
สวีลั่งค่อนข้างอยู่ใกล้กว่า เข้าไปสองสามก้าวก็ถึงชายสวมแว่นแล้ว หมัดหนึ่งพุ่งเข้าไป
ชายสวมแว่นก็ไม่ได้อ่อนหัด โค้งตัวลงไปหลบหมัดของสวีลั่ง ในขณะเดียวกันก็กวาดเท้ามา พยายามที่จะเตะให้สวีลั่งล้มลง หาช่วงเวลาที่จะหลบหนีไป
สวีลั่งโจมตีพลาด พอเห็นท่าทางของชายสวมแว่น คว้าแขนของชายสวมแว่นไว้ ใช้แรงกระโดด หลบขาของชายสวมแว่น ในขณะเดียวกันก็กดร่างกายลง ทำให้ชายสวมแว่นเกือบจะรับไม่ไหว ถูกกดลงอยู่กับพื้นทันที
ไป๋หู่มาแล้ว คว้าตัวของชายสวมแว่นเอาไว้ แทงเข่าเข้าไปหนึ่งที ชายสวมแว่นรู้สึกจุกท้อง
สวีลั่งลงมืออีกครั้ง หยิบมีดกริชของตัวเองออกมา แทงเข้าไปหนึ่งที
สัญชาตญาณของชายสวมแว่นสัมผัสได้ถึงความอันตราย จึงไม่สนใจท้องของตัวเอง สะบัดออก สลัดหลุดจากพันธนาการของทั้งสองคน หลบมีดกริช แต่มีดกริชเล่มนั้นก็กรีดตรงแขนของชายสวมแว่นเป็นแผลยาว
เลือดสดไหลออกมาจากบาดแผล หยดลงบนกระเบื้องเซรามิกสีขาว
ไป๋หู่กับสวีลั่งลงมือพร้อมกับ ทั้งสามคนก็เริ่มซัดกันไปมา
ชายสวมแว่นต่อให้จะสุดยอดกว่านี้ ก็สู้กับคนสองคนไม่ไหว หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที ชายสวมแว่นนอนหายใจหอบเหือดลงบนพื้น บาดแผลทั่วร่างกาย ใบหน้าก็บวม ที่ปาก ที่แขนขามีเลือดไหลเต็มไปหมด
สวีลั่งกับไป๋หู่หยุดลง ก่อนที่สวีลั่งจะถามขึ้น“เป็นหรือตาย?”
ไป๋หู่พูดตอบกลับ“ตาย”
สวีลั่งเตรียมลงมือ แต่ถูกไป๋หู่รั้งเอาไว้ก่อน
“จะให้ตายไม่ใช่เหรอ?”
ไป๋หู่พูดตอบ“ก็ให้ตายจริงๆนั่นแหละ แต่ฉันรู้สึกว่า บางทีปล่อยให้เป็นๆมีประโยชน์มากกว่า”
สวีลั่งได้ยินแบบนั้นก็ตอบ อืม กลับมาหนึ่งคำ ไม่ได้พูดอะไรต่อ“ยกให้เป็นหน้าที่ของนายแล้วกัน”
แต่ตอนที่กำลังจะกลับนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะเตะชายสวมแว่นเข้าไปอีกหนึ่งที
ไป๋หู่มองเขาด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง สวีลั่งแววตาเป็นประกาย พูดอธิบายขึ้น“มองฉันทำไม? ฉันเห็นว่าเขารู้สึกไม่สบาย เมื่อก่อนยังบอกอยู่เลยว่าฉันไร้น้ำยา แถมยังมาแย่งงานของฉันอีก!”
คำพูดนี้เป็นเรื่องจริง ถ้าไม่มีชายสวมแว่นคนนี้ ไป๋ยี่เฟยก็เป็นภารกิจของเขาคนเดียวแล้ว ค่าตอบแทนก็เป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว แต่เจ้านายยังส่งคนมาด้วย
ชายสวมแว่นนี่บอกว่าตัวเองไร้น้ำยา ดังนั้นเจ้านายจึงส่งเขามา การที่เป็นนักฆ่าอันดับหนึ่งของเมืองหลวงแล้วมาถูกด่าว่าไร้น้ำยา เขารับมันไม่ได้จริงๆ