ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 223
บทที่223
หลิ่วจาวเฟิงสีหน้าซีดเซียว แต่เขาก็ยังพูดออกมาอย่างมีเหตุมีผลว่า “การที่เสว่เอ๋อต้องแต่งงานกันคุณมันเป็นเพราะอะไรคงไม่ต้องให้ผมพูดแล้ว ผมรักเสว่เอ๋อ ผมแค่อยากให้เสว่เอ๋อได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่ดุตอนนี้สิ เธอกลายเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง คุณจะบอกว่ามันไม่ใช่ความผิดของคุณรึยังไง? คุณยังมีหน้าที่จะอยู่ข้างเธอแบบนี้ต่อไปอีกเหรอ?”
เมื่อทุกคนได้ยินอย่างนั้นก็พากันตกใจอีกรอบ
“ผู้หญิงคนนี้ปัญญาอ่อนเหรอ?”
“เธอไม่ปกติใช่ไหม?”
“ชู่ว์ เบาๆ หน่อย……”
แต่ไป๋ยี่เฟยก็ได้ยินมันแล้ว เขาจ้องไปที่คนพวกนั้นอย่างไม่ชอบใจนัก เขารับไม่ได้ที่เห็นใครมานินทาหลี่เสว่แบบนี้
“วันนี้พวกคุณอย่างหวังเลยว่าจะมีใครได้ออกไปอย่างปลอดภัย!”
พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมา “ไป๋หู่ มาที่บ้านผมหน่อย”
หัวใจของหลิ่วจาวเฟยตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ไป๋หู่เหรอ!
เขาเรียกไป๋หู่มา!
คนพวกนั้นไม่รู้ว่าไป๋หู่เป็นใคร พวกเขาจึงยังพูดไม่หยุด
“นี่คุณ คุณนี่ยังไงเนี่ย? พวกเราก็แค่พูดความจริง แค่นี้คุณก็จะไม่ยอมให้เรากลับแล้วอย่างนั้นเหรอ? คิดจะฆ่ากันรึไงครับ?”
“ฆ่าคนมันผิดกฎหมายนะคุณ!”
“ถ้าคุณคิดจะลงมือเราจะแจ้งตำรวจทันทีเลย” พอไป๋ยี่เฟยได้ยินคำว่าแจ้งตำรวจ เขาก็ขำออกมาทันที “ได้สิ แจ้งเลย! เดี๋ยวผมช่วยพวกคุณโทรเอง”
พูดจบ ทุกคนก็อึ้งไป
ไป๋ยี่เฟยหยิบมือถือออกมาจริงๆ จากนั้นก็โทรหาตำรวจ
“สวัสดีครับคุณตำรวจ”
“พอดีมีคนร้ายกลุ่มหนึ่งเข้ามาโจรกรรมที่บ้านผมครับ ที่สำคัญเงินสามสิบล้านที่บ้านได้หายไปด้วย ผมสงสัยว่าจะเป็นฝีมือของคนพวกนี้ครับ”
ทุกคนต่างพากันงง
นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?
โจรกรรมอย่างนั้นเหรอ?
หลิ่วจาวเฟิงก็อึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนจะตั้งสติได้ “ไป๋ยี่เฟย นี่คุณพูดบ้าอะไรออกมา? ผมยังไม่ได้เข้าไปเลยด้วยซ้ำ แล้วเราจะเข้าไปโจรกรรมได้ยังไง?”
แล้วหลิวเสี่ยวอิงรีบพูดเสริมขึ้นมาว่า “ไม่ได้ยินที่เขาพูดรึยังไงคะ? เขาบอกว่ามีเงินหายไปสามสิบล้านหน่ะ!”
หลิวเสียที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ข้างๆ ก็พยักหน้าสนับสนุนด้วย
“นี่คุณ! แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกผมล่ะ?” หลิ่วจาวเฟิงตอกกลับด้วยความโมโห
“ใครจะไปรู้หล่ะว่าพวกคุณไม่ได้ขโมยเงินไป? ที่นี่เป็นวิลล่าส่วนตัว การที่พวกคุณมารวมตัวกันอยู่ที่นี่มันก็ดูไม่ปกติอยู่แล้ว” ไป๋ยี่เฟยพูดออกมาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
“นี่คุณ!” หลิ่วจาวเฟิงชี้หน้าไป๋ยี่เฟยด้วยโทสะ “นี่คุณคิดจะใส่ร้ายพวกเราอย่างนั้นเหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยยักไหล่ ซึ่งเขาแสดงออกได้อย่างชัดเจนว่า ใช่ฉันจะใส่ร้าย แล้วมันจะทำไมล่ะ?
หลิ่วจาวเฟิงกับคนกลุ่มนั้นต่างพากันโกรธจนเลือดขึ้นหน้าแล้ว
“นี่มันใส่ร้ายกันชัดๆ!”
“คุณมีหลักฐานอะไรมาใส่ร้ายเรา?”
“ถูกต้อง พวกตำรวจมาถึง ก็แค่ไปเช็คกล้องวงจรปิดก็รู้แล้วว่าพวกเราไม่ได้ทำ!”
พอหลิ่วจาวเฟิงได้ยินคำนั้น แววตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมาอย่างได้ใจ “ไป๋ยี่เฟย ที่พวกเขาพูดถูก ที่นี่มันมีกล้องวงจรปิดด้วย คุณแจ้งความเท็จ พอตำรวจมาถึง คนที่จะโดนจับก็คือคุณ!”
พอไป๋ยี่เฟยได้ยินอย่างนั้น เขาก็ขมวดคิ้ว หลิวเสี่ยวอิงเองก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก หลิวเสียยังคงยืนดูสถานการณ์ต่อไปส่วนหลี่เสว่นั่นไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเขาเลย
สุดท้าย ภายใต้สายตาทุกคู่ ไป๋ยี่เฟยก็ได้เดินไปที่หน้ากล้องวงจรปิดของบ้านเขา
ไป๋ยี่เฟยได้ถอดกล้องออกมาท่ามกลางสายตาของทุกคน จากนั้นก็เหวี่ยงมันลงพื้น จนมันแหลกละเอียด
“ไป๋ยี่เฟย!” หลิ่วจาวเฟิงไม่เคยเห็นใครที่หน้าด้านแบบนี้มาก่อน
ไป๋ยี่เฟยทำเสียงฮึดฮัด จากนั้นก็หยิบมือถือขึ้นมาโทรหาเย่ขุยผู้จัดการของวิลล่าหลันโปกั่ง “กล้องวงจรปิดของวิลล่าหลันโปกั่งควรได้รับการซ่อมบำรุงแล้วนะครับ”
พอวางสาย ไป๋ยี่เฟยก็หันมาจ้องหน้าคนพวกนั้น
คนพวกนั้นต่างพากันก้าวถอยหลัง และมองไป๋ยี่เฟยด้วยสายตาที่ไม่พอใจ
สุดท้ายสายตาของไป๋ยี่เฟยก็ได้ไปหยุดที่กุหลาบช่อแดงในมือหลิ่วจาวเฟิง
“ผมไม่อยากเห็นของแบบนี้มาปรากฏอยู่ตรงหน้าของเสว่เอ๋อ”
พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็คว้ามันมา โยนลงพื้น และใช้เท้ากระทืบไปอีกหลายที
“ไป๋นี่เฟย!” หลิ่วจาวเฟิงสีหน้าบิดเบี้ยว “นี่คุณกล้าเหยียบย่ำดอกไม้ของผมเหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยทำเสียงฮึดฮัด จากนั้นก็หันไปหาหลี่เสว่ “ดอกไม้ที่เขาให้คุณจะเอาไหม?”
เด็กสาวสามารถรับรู้ได้ถึงอารมณ์ความรู้สึกของผู้ใหญ่ได้อย่างง่ายดาย หลี่เสว่ส่ายหน้าอย่างเป็นจริงเป็นจัง “ไม่ค่ะ”
แล้วไป๋ยี่เฟยก็หันไปมองหลิ่วจาวเฟิงอีกครั้ง โดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่แววตาของเขาได้สื่อมันออกมาอย่างชัดเจนแล้ว
ไม่มีอะไรที่จะหักหน้าได้มากกว่านี้แล้ว
หลิ่วจาวเฟิงรู้สึกเสียหน้ามาก
ในตอนนั้น เซียวหรงเทาที่มาด้วยก็ได้พูดแทรกขึ้นมาว่า “นี่มันคือการบังคับกันเห็น ๆ เธอไม่ได้เต็มใจสักหน่อย!”
หลิ่วยี่เฟยหันไปจ้องที่เซียวหรงเทา จากนั้นก็หรี่ตาลง
พอดีกับไป๋หู่ที่มาถึงพอดี
“ไป๋หู่ สั่งสอนเขา!”
ไป๋หู่เดินเข้าไปในกลุ่มคน
คนพวกนั้นที่เห็นท่าไม่ดีก็พากันก้าวถอยหลัง จนเหลือเซียวหรงเทาที่ยืนโดดเด่นอยู่คนเดียว
“นี่……คุณคิดจะทำอะไร?”
ไป่หู่ไม่พูดพร่ำทำเพลงตบลงไปที่ใบหน้าของเวียวหรงเทาทันที
“เพรี๊ยะ!”
เสียงฝ่ามือที่กระทบใบหน้าดังราวกับเสียงฟ้าร้อง
คนที่กำลังดูอยู่รอบๆ ต่างพากันตัวสั่นไปหมด
โอ้วแม่เจ้า ถ้ามือนั้นถูกตบลงที่หน้าของตัวเองละก็ มันจะเจ็บขนาดไหนเนี่ย!
เซียวหรงเทาเอามือกุมหน้า จากนั้นก็มองไปที่ไป๋ยี่เฟย “ไป๋ยี่เฟย! นี่แกกล้าสั่งให้คนทำร้ายฉันเหรอ?”
“ตบต่อไป!” ไป๋ยี่เฟยพูดขึ้น “ถ้าผมไม่บอกให้หยุดก็ห้ามหยุด!”
ไป๋หู่ยกแขนขึ้น แล้วตบลงไปอีกครั้ง
“นี่!”
“เพรี๊ยะ!”
“ฉัน!”
“เพรี๊ยะ!”
” ……”
เสียงเพรี๊ยะเพรี๊ยะดังอย่างไม่ขาดสาย ทุกคนที่เห็นต่างอึ้งไปจนหมดแล้ว
แม้แต่หลิ่วจาวเฟิงเองก็ไม่กล้าพูดอะไร เพราะเขาเคยได้ลิ้มรสความร้ายกาจของไป๋หู่มาแล้ว คนบ้าเท่านั้นแหละที่กล้าเสนอหน้า
เซียวหรงเทาเองก็เงียบไปแล้ว แก้มทั้งสองข้างก็กำลังบวมเป่ง