ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 232
บทที่ 232
“ประธานซุนยุ่งจัง!” ไป๋ยี่เฟยเห็นซุนเหว่ยมาแล้ว เดินไปด้วยรอยยิ้ม
“เรื่องธนาคารยุ่งจริงๆ”
ไป๋ยี่เฟยขำในใจ แกจริงจังกับคำเยาะเย้ยที่กูพูดด้วยเหรอ?
ซุนเหว่ยไม่เข้าใจความหมายของไป๋ยี่เฟยได้ไง แม้ว่าเขาไม่เข้าใจว่าทำไมไป๋ยี่เฟยจะเชิญคนมามากมาย แต่เขาก็ไม่ใส่ใจไป่ยี่เฟย
ซุนเหว่ยนั่งอยู่ที่นั่งว่าง และถามแบบไม่จงใจ“ประธานไป๋บอกว่าจะเลี้ยงพวกเราไม่ใช่เหรอ? ทำไมเราไม่รู้ว่าประธานไป๋ยังเชิญผู้คนเยอะขนาดนี้?”
ไป๋ยี่เฟยอธิบายว่า “ทุกคนก็ทำงานอยู่ในเมืองเทียนเป่ยกัน อย่างน้อยมาติดต่อเสริมความสัมพันธ์กันไม่ใช่เหรอ?”
“ประธานไป๋สมควรเป็นประธานโหวจวี๋จริงๆ คิดได้รอบคอบจังเลย”
สีหน้าของซุนเหว่ยไม่ค่อยดี คนจำนวนมากขนาดนี้ เดี๋ยวเขาจะขอเงื่อนไขอย่างไร
ปรากฏว่าไป๋ยี่เฟยเชิญผู้คนเยอะขนาดนี้เพื่อนี้ !
หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยคุยกับซุนเหว่ยเสร็จแล้ว ประธานของธนาคารเหล่านั้นก็ทักทายกับซุนเหว่ยทีละคน
จากนั้นก็พูดคุยการทักทายกันอีกครั้ง และทุกคนก็กินและดื่มด้วยรอยยิ้ม
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว ทุกคนก็เกือบทานอาหารเรียบร้อยแล้ว
ไป๋ยี่เฟยก็ไม่เสียเวลา เมื่อพูดถึงเรื่องที่สำคัญเลย“ประธานซุน ไม่รู้ว่าคุณคุยกับประธานธนาคารอื่นๆอย่างไงแล้ว?”
“ประธานไป๋ ในช่วงบ่ายเราได้พูดคุยเกี่ยวกับโครงการของประธานไป๋เป็นพิเศษ แต่คุณก็รู้ว่า โครงการของคุณมีโอกาสที่จะเสียมากเกินไป พวกเราก็ยากที่จะตกลงกับเรื่องกู้เงิน”
เมื่อไป๋ยี่เฟยได้ยินเช่นนี้ ก็ฮึอย่างเย็นชาในใจ พูดจาฟังดูดีที่เช่นนี้ ก็เพื่อที่จะขอเงื่อนไขนั้นเองไม่ใช่เหรอ?
“นั่นประธานซุนหมายความว่า … ”
ซุนเหว่ยไม่ได้ตอบคำถามของไป๋ยี่เฟย แต่ถามว่า“วันนี้ประธานไป๋มาคนเดียวเหรอ ไม่ได้พาผู้ช่วยหลงและนางสาวหลิวเหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยหรี่ตาเล็กน้อย ไม่ออกเสียง
เมื่อประธานธนาคารที่อยู่ข้างๆเห็นเช่นนี้ก็เข้าใจความหมายของซุนเหว่ย กล่าวว่า “ใช่สิ ประธานไป๋ครับ ปกติแล้วผู้ช่วยหลงก็ตามคุณมาตลอดไม่ใช่เหรอ ทำไมวันนี้ไม่เห็นเธอเลย?”
“ใช่ๆ ประธานไป๋วันนี้มาคนเดียว และไม่มีใครจะดื่มเหล้าแทนคุณ ไม่สะดวกจริงๆเลยนะ!”
“วันนี้พวกเธอมีเรื่องชั่วคราวที่ต้องทำ และกำลังทำงานในบริษัทอยู่”
ในความจริงกลับไปตั้งนานแล้ว
ไป๋ยี่เฟยก็ไม่โง่ เขาก็เข้าใจว่าซุนเหว่ยหมายถึงอะไร แต่เอาคนของเขาไป คิดว่าง่ายขนาดนี้เลยเหรอ?
“ประธานซุน เรามาคุยเรื่องกู้เงินกันเถอะ!”
ซุนเหว่ยกล่าวด้วยสีหน้าที่มืดลึก “ประธานไป๋ เมื่อกี้พูดได้ชัดเจนมากแล้ว โครงการนี้มีโอกาสที่จะเสียมากเกินไป และเราไม่สามารถให้กู้เงินกับคุณได้”
ไป๋ยี่เฟยรู้คำตอบของซุนเหว่ย เลยไม่ได้พูดอะไรมาก เขามองไปที่ประธานธนาคารอื่นๆ
“พวกคุณคิดแบบเดียวกันใช่ไหม?”
ประธานธนาคารหลายคนมองไปที่ซุนเหว่ยอย่างซ่อน แล้วพยักหน้ากัน
เมื่อเห็นเช่นนี้ ซุนเหว่ยก็พูดว่า “ประธานไป๋ เรื่องนี้ก็ไม่ยากที่จะตกลง เอาแค่คุณเชิญผู้ช่วยสองคนนั้นของคุณมา ฉันคิดว่ามันยังมีโอกาสที่จะคุยกันอีกครั้ง”
ประธานธนาคารหลายคนก็อยู่ฝ่ายเดียวกันกับซุนเหว่ย เมื่อได้ยินซุนเหว่ยพูดแบบนี้ พวกเขาก็เห็นด้วยกันตาม
“ประธานซุนก็ยุ่งนะ ถ้ามีการช่วยจากผู้ช่วยสองคนได้ อาจจะได้สบายใจขึ้นมาก”
“ใช่ ประธานไป๋ก็เป็นนักธุรกิจเช่นกัน น่าจะเข้าใจ”
“……”
ไป๋ยี่เฟสฟังสิ่งที่ของพวกเขาพูด สีหน้าเฉยๆ แต่สายตาของเขาเย็นชามาก“ ก่อนอื่น เรื่องโครงการจะมีโอกาสเสียมากขนาดไหน ทุกคนก็รู้ดี ดังนั้นฉันไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากกว่านี้”
“รองลงมา ผู้ช่วยของฉัน ไม่ใช่ผู้หญิงข้างนอกที่พวกคุณอยากได้ก็เอาไป!”
ประโยคสุดท้าย เสียงของไป๋ยี่เฟยดังขึ้น และทุกคนที่อยู่โต๊ะรอบๆ ก็ได้ยิน
เพราะเสียงนี้ โต๊ะที่ไป๋ยี่เฟยอยู่และโต๊ะรอบข้างทั้งสองก็หยุดกัน
คนที่อยู่โต๊ะอื่นๆได้รับผลกระทบ ก็เงียบตาม ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น
สีหน้าซุนเหว่ยไม่ค่อยดี“ประธานไป๋ เรื่องของกู้เงิน พวกเราทุกคนก็รู้สึกว่ามันมีโอกาสที่เสียมากเกินไป คุณบอกว่าพวกเราเข้าใจในใจ แต่แค่เป็นคุณรู้สึกว่าเราไม่กู้เงินให้กับคุณ และคุณก็โกรธ ในความเป็นจริง เราได้ตัดสินใจว่าจะไม่กู้เงินให้แก่คุณแล้ว”
สีหน้าของไป๋ยี่เฟยไม่มีเปลี่ยนแปลงอะไร แต่เขาเข้าใกล้ซุนเหว่ย และพูดด้วยน้ำเสียงที่มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน “ฉันรู้ว่าคุณคิดอะไร แต่คุณคิดว่าโหวจวี๋เป็นบริษัทที่คุณอยากจัดการอย่างไรก็ได้เหรอ?”
“ฉันรู้การตัดสินใจของคุณแล้ว งั้นฉันจะประกาศการตัดสินใจของฉัน”
“การตัดสินใจอะไร?” ซุนเหว่ยถามด้วยจิตใต้สำนึก สัญชาตญาณของเขาบอกเขาว่าไม่ใช่การตัดสินใจอะไรที่ดี อย่างน้อยไม่ดีกับเขา
ไป๋ยี่เฟยยืนขึ้น และสายตาทุกคนก็มองไปที่เขา
“ในเมืองเทียนเป่ย ไม่ใช่มีแค่ธนาคารของพวกคุณ พวกคุณไม่ให้กู้เงิน ฉันก็สามารถหาธนาคารอื่นได้”
ซุนเหว่ยฟังแล้วไม่ใส่ใจ “ประธานไป๋ ธนาคารในเมืองเทียนเป่ยเชื่อฟังฉันหมดเลยนะ”
“ใช่หรอ” ไป๋ยี่เฟยยิ้มอย่างเย็นชา “แล้วจังหวัดเป่ยไห่ล่ะ ธนาคารของเมืองเป่ยไห่ก็เชื่อฟังคุณเหรอ? ประธานซุนเก่งจริงๆ”
สีหน้าซุนเหว่ยมืดมน เมืองเป่ยไห่ใหญ่มีขนาดนี้ ก็ต้องมีธนาคารจำนวนมาก ไม่ใช่เชื่อฟังตามที่การตัดสินใจของเขาอย่างแน่นอน
ไป๋ยี่เฟยกล่าวอีกครั้งว่า “เหตุผลที่พวกเราอยากร่วมมือกับพวกคุณ เพียงเพราะอัตราดอกเบี้ยของพวกคุณค่อนข้างต่ำ เพราะมันเป็นเรื่องของธุรกิจ แน่นอนว่าต้นทุนยิ่งต่ำเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น”
“แต่นี่ไม่ได้หมายความว่า โหวจวี๋ของเราเป็นกรุ๊ปที่ขาดเงิน พูดตรงๆ เราไม่สนใจเรื่องดอกเบี้ยนั้นเลย”
ซุนเหว่ยถามว่า“ถ้าอย่างนั้น ประธานไป๋หมายความว่าจะกู้เงินไปที่ธนาคารของจังหวัด?”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหัว ไม่ ฉันหมายถึงว่า เนื่องจากประธานซุนไม่ยอมร่วมมือกับโหวจวี๋ของเรา งั้นโหวจวี๋ก็ไม่จำเป็นต้องร่วมมือกับพวกคุณ ดังนั้น ฉันจึงตัดสินใจว่า เงินทั้งหมดที่โหวจวี๋ฝากไว้ในธนาคารหลายแห่ง จะเก็บคืนหมดเลย”
โหวจวี๋เป็นบริษัทชั้นนำในเมืองเทียนเป่ย และเงินที่ฝากไว้ในธนาคารก็ไม่ใช่จำนวนที่น้อยถ้าเอาคืนทั้งหมดในครั้งเดียว สำหรับธนาคารก็จะเป็นความสูญเสียเช่นกัน
ไป๋ยี่เฟยก็เข้าใจ ถ้าพูดอย่างน่าฟังหน่อย ธนาคารคือที่สำหรับคนออมเงินแต่จริงๆแล้วมันก็แค่ใช้เงินของคนอื่นเพื่อหาเงินของตัวเอง
เงินที่เยอะขนาดนี้ของโหวจวี๋เก็บคืน ธนาคารต้องมีการสูญเสียแน่นอน
ซุนเหว่ยถามด้วยเสียงทุ้ม “ประธานไป๋ทำเกินไปหรือเปล่า?”
ไป๋ยี่เฟยออกเสียงฮึและขำ“แล้วประธานซุนก็ทำไร้ยางอายเกินไปไม่ใช่เหรอ?”
เมื่อทุกคนเห็นเช่นนี้ก็เงียบ ตอนแรกพวกเขาไม่รู้เรื่องระหว่างซุนเหว่ยกับไป๋ยี่เฟย แต่จากการพูดจาเมื่อกี้ ดูเหมือนว่าโหวจวี๋กำลังหาเงินกู้จากธนาคาร แต่ธนาคารไม่ให้
สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนกลาง พวกเขาไม่รู้ ดังนั้นในเวลานี้ เมื่อได้ยินไป๋ยี่เฟยดุด่าซุนเหว่ยว่าไร้ยางอาย พวกเขาก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย และตกใจ