ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 288
บทที่ 288
“ให้ฉันเหรอ?”
ซูต้าหลิวรู้สึกดีใจแทบจะทนไม่ไหว เหมือนกับกำลังฝันอยู่เลย!
หลงหลิงหลิงยื่นเสื้อผ้าให้กับผู้ช่วยทั้งสองคน จากนั้นก็ออกไปจากห้องพร้อมกับจางหรง
ซูต้าหลิวมองผู้ช่วยสาวสวยทั้งสองคน ยิ้มแย้มหน้าบาน ส่วนผู้ช่วยทั้งสองคน ก็ช่วย‘ท่านประธาน’เปลี่ยนเสื้อผ้า ผูกเนกไทจนเสร็จอย่างเคารพนอบน้อม
……
ในห้องใต้ดินที่มืดมิด
หลิ่วอู๋ฉงขมวดคิ้วด้วยความขยะแขยง จากนั้นก็เก็บสีหน้าอารมณ์ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ“ไป๋ยี่เฟยกลับมาจากเมืองหลวงแล้ว”
พูดจบ สัมผัสที่คุ้นเคยและน่าขยะแขยงได้มาปรากฏอยู่ตรงหน้าอกของหลิ่วอู๋ฉง
มือของหงซินลูบไล้ตรงอกของหลิ่วอู๋ฉงอย่างไม่หยุดหย่อน ปากพูดเบาๆอยู่ข้างหูของหลิ่วอู๋ฉง“ไป๋ยี่เฟยไปเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อไร? เขาไปคนเดียว?”
หลิ่วอู๋ฉงพูดตอบ“ไม่รู้ น่าจะไม่ใช่”
ไป๋ยี่เฟยกลายเป็นเด็กไปแล้ว หลิ่วอู๋ฉงเชื่ออย่างสนิทใจ คนที่มีสภาพแบบนั้นไม่มีทางไปที่เมืองหลวงตามลำพังได้แน่นอน ถ้าอย่างนั้นก็ต้องมีคนพาเขาไป
แต่ว่าใครเป็นคนพาเขาไปเมืองหลวงนั่นน่ะสิ?
หงซินได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มอ่อนออกมาหนึ่งที“แล้วคุณไปตรวจสอบมาแล้วยัง?”
“กำลังตรวจสอบ”หลิ่วอู๋ฉงตอบกลับไป“แล้วทางด้านของท่านหูเป็นยังไงบ้าง?”
หงซินพูดอย่างเบาๆ“คนของนายท่านไปถึงกันเกือบหมดแล้ว”
หลิ่วอู๋ฉงตอบ อื้อ กลับมาหนึ่งคำ กะที่จะไปตรวจสอบข้อมูลต่อ แต่กลับถูกหงซินกอดเอาไว้ก่อน
“คุณรีบไปขนาดนี้เชียวเหรอ?”น้ำเสียงของหงซินดูน้อยใจไม่น้อย“ไม่อยู่เป็นเพื่อนฉันหน่อยเหรอ?”
หลิ่วอู๋ฉงตอบกลับไปอย่างอดกลั้นความขยะแขยงเอาไว้“ผมมีธุระต้องทำไม่ใช่หรือไง? ไป๋ยี่เฟยสามารถไปที่เมืองเมืองหลวงได้ แสดงว่าจะต้องมีคนประกบอยู่ข้างกายด้วย พวกเราต้องรีบตรวจสอบให้กระจ่างโดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันเหตุที่ไม่คาดคิดที่จะเกิดขึ้น”
หงซินสบถออกมา“ถึงจะพูดแบบนี้ก็เถอะ แต่ก็ไม่เห็นต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ ไม่ใช่หรือไง?”
หลิ่วอู๋ฉงอดกลั้นเอาไว้ พูดตอบกลับ“ถ้าไม่รีบไปสืบหาข้อมูล ผมคิดว่าทุกคนคงจะไม่สบายใจกันแน่นอน”
หงซินสบถ เชอะ ออกมา ปล่อยมือออก“น่าเบื่อ”
หลิ่วอู๋ฉงไม่ได้พูดอะไร เดินจากไปทันที
……
ในบ้านวิลล่าของเย่อ้าย ชายเป็นโรคพูดกับเย่อ้าย“คุณหนูไป๋ยี่เฟยกลับมาจากเมืองหลวงแล้ว”
“เมืองหลวง? เขากลับมาจากเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อไร?”
ชายเป็นโรคส่ายหัว“ไม่รู้”
“แต่ข่าวคราวที่เขากลับมาในวันนี้ยิ่งใหญ่มาก รถหรูหนึ่งขบวนไปรับเขากลับมาจากสถานีรถไฟด้วยตัวเองเลยล่ะ”
เย่อ้ายขมวดคิ้ว คิดจะทำอะไร?
ไป๋ยี่เฟยไปเมืองหลวงได้ยังไง? แถมกลับมาก็เล่นใหญ่ขนาดนี้อีก?
หรือจะบอกว่าไป๋ยี่เฟยไม่ได้เหมือนหลี่เสว่เลยสักนิด แต่เสแสร้งแกล้งทำ?
ไม่น่าจะใช้ หลิ่วอู๋ฉงไปเห็นด้วยตัวเองแล้วนี่นา ถ้าอย่างมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
……
หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยกลับมาถึงบ้านวิลล่า ก็เรียกเฉินห้าวออกมา
เฉินห้าวมาถึงที่บ้านวิลล่า พอเห็นไป๋ยี่เฟย ก็เม้มปากไม่พูดอะไร
ไป๋ยี่เฟยสีหน้านิ่งขรึม“เกิดอะไรขึ้น? ไม่อธิบายให้ฉันฟังหน่อยหรือไง?”
“พี่……”เฉินห้าวก้มหัว รู้สึกกล้ำกลืนอยู่ไม่น้อย
ไป๋ยี่เฟยกำหมัดแน่น ในใจของเขาเริ่มรู้สึกโมโหอยู่บ้างแล้ว แต่ไม่ได้โมโหเฉินห้าว เขาโมโหตัวเอง โทษที่ตัวเองอ่อนแอเกินไ
.ป!
ถ้าเขาแข็งแกร่งพอ ก็จะไม่ให้คนข้างกายของตัวเองต้องตกอยู่ในอันตราย เสียสละเพื่อตัวเอง!
เขาเกลียดที่สุด!
ทำไมตัวเองถึงได้อ่อนแอขนาดนี้?
เฉินห้าวเห็นเพียงแค่หมัดที่แน่นของไป๋ยี่เฟย แต่ไม่ได้เห็นสีหน้าของไป๋ยี่เฟยสักนิด ก่อนจะพูดขึ้น“พี่ คิดจะทำยังไงก็ได้หมด ผมไม่มีข้อตำหนิอะไรทั้งนั้น”
ไป๋ยี่เฟยกัดฟัน“ฉันไม่มีทางทำอะไรนายหรอก นายควรจะทำอะไรก็ทำไปแล้วกัน ฉันจะไม่ไปบังคับแทรกแซงแล้ว นายไปเถอะ!”
เฉินห้าวอึ้งตะลึง มองไป๋ยี่เฟย พอเห็นไป๋ยี่เฟยยังไม่มองเขา เฉินห้าวก็กำหมัดลุกขึ้นมา“พี่ ขอโทษ”
พูดจบ เฉินห้าวก็วิ่งออกไป
ปิดประตูลงทันที ไป๋ยี่เฟยถึงได้หันกลับมา ไม่โกรธโมโหอะไรอีก แต่สีหน้าเต็มไปด้วยความเศร้า
……
ณ ห้องทำงานของท่านประธานโหวจวี๋
หลงหลิงหลิงเดินเข้ามา“ท่านประธาน มีคนมาเยี่ยมค่ะ”
ซูต้าหลิวไอกระแอมเบาๆหนึ่งที ก่อนจะถามขึ้น“ใครเหรอ?”
วันนี้ทั้งวันเขาเอาแต่สนใจอยู่แต่ความสนุก สำหรับเรื่องงานของโหวจวี๋แล้ว แทบจะไม่รู้อะไรเลย จู่ๆก็มีคนมาเยี่ยมเขา ทำให้เขารู้สึกอึ้งไม่น้อย
“หลิ่วอู๋ฉง”หลงหลิงหลิงพูดตอบ
ซูต้าหลิวไม่รู้จักหลิ่วอู๋ฉงเลยแม้แต่น้อย สีหน้าจึงนิ่งชะงัก“หลิ่วอู๋ฉงคือใคร? มาหาฉันมีเรื่องอะไร?”
หลงหลิงหลิงพูดตอบกลับอย่างเคารพนอบน้อม“หลิ่วอู๋ฉงเมื่อก่อนเป็นคุณชายของหลิ่วซื่อกรุ๊ป แต่เนื่องจากเมื่อก่อนมีความขัดแย้งกับโหวจวี๋ ตอนนี้หลิ่วซื่อกรุ๊ปก็เลยไม่มีแล้ว”
พูดจบ ซูต้าหลิวใจก็เต้นขึ้นมาทันที แม้ว่าไม่รู้ขอบเขตของหลิ่วซื่อกรุ๊ป แต่เรื่องแบบนี้ เขาแค่คิดก็รู้แล้ว ว่าเนื่องจากมีความขัดแย้งกับโหวจวี๋ โหวจวี๋ก็เลยจัดการบริษัทของเขาจนสูญสิ้นไป
นี่บ่งบอกได้ว่า โหวจวี๋เป็นสิ่งที่ไม่มีใครกล้าไปยุแหย่ได้ในเมืองเทียนเป่ย!
“ได้ ให้เขาเข้ามาแล้วกัน!”
ซูต้าหลิวจัดๆเสื้อผ้าเนกไทของตัวเองอยู่สักแป๊บ แล้วลุกขึ้นไปนั่งบนโซฟารับแขก รอหลิ่วอู๋ฉง
หลังจากผ่านไปสองสามนาที หลงหลิงหลิงก็พาหลิ่วอู๋ฉงเข้ามา
รอหลิ่วอู๋ฉงนั่งลง หลงหลิงหลิงก็ถอยกลับออกไปอย่างรู้งานทันที
หลิ่วอู๋ฉงเห็นซูต้าหลิว แววตาก็รู้สึกสงสัย ชายวัยกลางคนคนนี้เป็นใคร? ทำไมถึงไม่เคยเห็นมาก่อน? มาหาไป๋ยี่เฟยเหมือนกันเหรอ?
ส่วนซูต้าหลิวพอเห็นหลิ่วอู๋ฉง สายตาก็ดูถูกดูแคลน พ่ายแพ้ให้กับโหจวี๋ แล้วยังกล้ามาเจอเขาอีก ไม่รู้จริงๆว่าเขาคิดอะไรอยู่?
หรือว่ามาขอร้องให้ตนเองมอบโอกาสให้กับหลิ่วซื่อกรุ๊ป?
ทั้งสองคนนั่งคิดไปมาอยู่บนโซฟา ไม่พูดอะไร
ผ่านไปแล้วสิบกว่านาที หลิ่วอู๋ฉงก็ยังไม่เห็นไป๋ยี่เฟย จึงขมวดคิ้ว เกิดเรื่องอะไรขึ้น?
บอกว่าไป๋ยี่เฟยกลับมาที่โหวจวี๋แล้วไม่ใช่หรือไง
ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยยังไม่ปรากฏตัวออกมา แสดงว่าที่บอกว่าไป๋ยี่เฟยอยู่ที่โหวจวี๋ก็เป็นเรื่องปลอมอย่างนั้นเหรอ? หรือไม่ก็ไป๋ยี่เฟยหายดีแล้ว ก็เลยไม่ได้กลับมาที่โหวจวี๋?
ในขณะนี้เอง ซูต้าหลิวที่รออยู่นานแสนนานแล้วก็ไม่อดทนอีกต่อไป“คุณมาหาท่านประธานของโหวจวี๋?”
หลิ่วอู๋ฉงสีหน้ายิ้มเล็กๆน้อย“ใช่”
ซูต้าหลิวได้ยินแบบนั้นก็พูดขึ้น“แล้วคุณมาหาผมมีเรื่องอะไร? พูดมาตรงๆเลย!เอาแต่นั่งอยู่ที่นี่ ก็เสียดายเวลาเปล่าๆ”
หลิ่วอู๋ฉงอึ้งตะลุงไปสักพัก“อะไร?”
ซูต้าหลิวเห็นแบบนี้ก็พูดขึ้น“คุณบอกว่าจะมาพบผมไม่ใช่หรอ? พอเจอผมก็ไม่พูดไม่จา คุณหมายความว่ายังไง? จะมาขอร้องคนก็ต้องทำตัวให้มันดีๆหน่อยไม่ใช่เหรอ?”
“ผมจะบอกอะไรคุณให้นะ ถ้าคุณยังทำท่าทีแบบนี้อยู่ล่ะก็ ต่อให้คุณอยากจะข้อร้องผม ผมก็ไม่มีทางรับปากหรอก