ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 290
บทที่ 290
“ถ้าไม่มีธุระอะไรล่ะก็ ฉันไปทำงานก่อนนะคะ”
พูดจบ หลงหลิงหลิงหันตัวเดินจากไปทันที
ไป๋ยี่เฟยมองเงาหลังของหลงหลิงหลิง พร้อมกับครุ่นคิด
ไม่นาน ไป๋ยี่เฟยก็รับโทรศัพท์ เป็นสายของไป๋หู่
“หนีไปแล้ว”
“ทราบแล้ว พวกนายระวังตัวด้วย”
พอวางสายลง ไป๋ยี่เฟยก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะว่าเขารู้ ว่าหลิ่วอู๋ฉงอยู่ฝ่ายของหูเทียนจิ่น ดังนั้นมีคนมาปกป้องเขามันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
แต่แค่พลาดโอกาสนี้ไป ครั้งหน้าถ้าจะหาตัวของหลิ่วอู๋ฉง ก็คงจะลำบากอยู่บ้างแล้วเหมือนกัน
ไป๋ยี่เฟยครุ่นคิด ก่อนจะโทรศัพท์ไปหาไอ้หัวล้านหลิวทันที
“ช่วยฉันเฝ้าดูหลิ่วอู๋ฉงให้หน่อย ดูว่าเขาไปไหนแล้ว”
“ได้ครับ หัวหน้าวางใจได้”
พอวางสายลง ไอ้หัวล้านหลิวก็รีบส่งพวกลูกน้องที่อยู่บริเวณแถวนั้น หาตำแหน่งที่หลิ่วอู๋ฉงอยู่จนเจอ จากนั้นก็ตามไปอย่างใกล้ชิด
รอจนเห็นหลิ่วอู๋ฉงเดินเข้าไปในห้องใต้ดินแล้ว ลูกน้องก็รายงานกับไอ้หัวล้านหลิวทันที จากนั้นไอ้หัวล้านหลิวก็โทรไปหาไป๋ยี่เฟย
หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยรู้ ก็รีบออกมาจากโหวจวี๋ทันที
ส่วนที่ไป๋ยี่เฟยไม่รู้ก็คือ หลังจากที่เขาออกไปได้ไม่นาน หลงหลิงหลิงก็ออกไปเช่นกัน แถมยังโทรศัพท์ด้วย
……
ไป๋หู่ในตอนนี้จัดการมือดาบอันดับหนึ่งหลิงหนานได้แล้ว จากนั้นก็หันไปช่วยสวีลั่ง แล้วก็ไม่ลืมที่จะพูดคำพูดแทงใจดำขึ้นมา“ไร้น้ำยาขนาดนี้เชียว”
สวีลั่งสบถ หึ ออกมาหนึ่งที ท่าทางการต่อสู้ก็รวดเร็วรุนแรงขึ้นมาอย่างกะทันหัน
หงซินอึ้งตะลึง ถูกสวีลั่งต่อยเข้าไปที่ท้องอย่างจัง ลอยกระเด็นออกไปทันที
“อั่ก!”
หงซินกระอักเลือดออกมา
ศิลปะการต่อสู้ของเธอสู้ไม่ชนะสวีลั่ง แต่ที่ตัวของเธอมีพิษอยู่ ทำให้เธอได้เปรียบ ตอนแรกกะจะใช้ แต่ไม่รู้ว่าการโจมตีของสวีลั่งจู่ๆก็ทวีความรุนแรงขึ้นมาแบบนี้ ทำให้เธอรับมือไม่ทัน
ส่วนไป๋หู่ก็ไม่ได้มั่นใจในตัวของสวีลั่ง
หงซินกุมท้องลุกขึ้นมา สองคนนี้แข็งแกร่งเกินไป เธอกับมือดาบอันดับหนึ่งหลิงหนานรับมือไม่ไหว ไม่เพียงแต่สู้ไม่ชนะ คนอื่นสู้กับพวกเขาเหมือนกับกำลังสู้กับเด็กที่ซุกซน ไม่มีความกดดันเลยแม้แต่น้อย
“กลับ!” หงซินพูดกับมือดาบหนึ่งคำ ก่อนหันขึ้นรถไปทันที
มือดาบก็กุมท้องของตัวเอง แล้วขึ้นรถไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
“ไม่ตาม?”สวีลั่งถามขึ้น
ไป๋หู่กำลังจะตอบ มือถือก็ดังขึ้นมาก่อน
“มาที่นี่ เร็วหน่อย”เสียงของไป๋ยี่เฟยดังขึ้นมา
ไป๋หู่ตอบ อื้อ กลับหนึ่งที ก่อนจะพูดกับสวีลั่ง“ขึ้นรถ”
สวีลั่งไม่ได้ถามอะไร หลังจากทั้งสองขึ้นมาบนรถแล้ว ไป๋หู่ก็ขับรถไปตามตำแหน่งที่อยู่ของไป๋ยี่เฟย
……
ทางด้านของไป๋ยี่เฟย หลังจากโทรศัพท์ไปหาไป๋หู่แล้ว ก็ขับรถมายังตำแหน่งของไอ้หัวล้านหลิว เป็นห้องใต้ดินในบริเวณนั้นเช่นกัน
ในห้องใต้ดิน หลิ่วอู๋ฉงกำลังจะรายงานกับหูเทียนจิ่นอยู่พอดี
“ดูเหมือนพวกเราจะถูกหลอกแล้ว”หลิ่วอู๋ฉงพูดขึ้นอย่างหนักแน่น
หูเทียนจิ่นสีหน้าบึ้งตึง“เกิดอะไรขึ้น?”
หลิ่วอู๋ฉงตอบ“เมื่อตะกี้ผมไปหาไป๋ยี่เฟย ผลที่ได้กลับเห็นคนแปลกหน้าคนหนึ่ง หลงหลิงหลิงบอกว่าเบื้องบนส่งให้มาจัดการดูแลโหวจวี๋ โดยให้เขามารับตำแหน่งประธานของโหวจวี๋”
“นี่มันก็ปกติไม่ใช่หรือไง?” หูเทียนจิ่นไม่รู้สึกแปลกใจ
หลิ่วอู๋ฉงกลับไม่ได้รู้สึกแบบนั้น ดูเผินๆแล้วอาจจะปกติ แต่หลังจากที่รับมือกับไป๋ยี่เฟยเมื่อครั้งที่แล้ว เขาก็มองไป๋ยี่เฟยแตกต่างออกไป
เขารู้สึกว่าบางทีเรื่องพวกนี้อาจจะเป็นแค่การอำพรางหลอกตาเท่านั้น ไป๋ยี่เฟยไม่ได้โง่ลงเลยสักนิด
เพียงแค่เขาไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนมาพิสูจน์ได้เท่านั้น บวกเข้ากับมีหลงหลิงหลิงอยู่ด้วย นี่จึงทำให้เขาเชื่ออยู่บ้างเหมือนกัน แต่สัญชาตญาณที่อยู่ในใจก็โน้มเอียงมาทางนี้อยู่ดี
“เอาเถอะ อย่าเพิ่งเอะอะอะไรไปก่อน ขอแค่คนพวกนั้นอยู่ในกำมือของพวกเรา ต่อให้ไป๋ยี่เฟยเป็นปกติ ฉันก็จะทำให้เขาตายอย่างทุกข์ทรมานเหมือนกัน”
พูดจบ หูเทียนจิ่นก็โบกมือ“อย่ามารบกวนฉันแล้ว”
หลิ่วอู๋ฉงได้ยินแบบนั้นก็ทำได้แค่หันเดินจากไป
หูเทียนจิ่นเห็นหลิ่วอู๋ฉงจากไปแล้ว ก็รีบโทรศัพท์ไปหาหงซินทันที
ทางด้านของหงซินกำลังขับรถอยู่ พอเห็นว่าเป็นสายจากหูเทียนจิ่นก็รีบทันที“นายท่าน”
“เป็นยังไงบ้าง?”
“นายท่าน คนที่อยู่ข้างกายของไป๋ยี่เฟยแข็งแกร่งมาก แถมฉันสงสัยว่าไป๋ยี่เฟยไม่ได้โง่ลงเลยแม้แต่น้อย!”หลังจากที่หงซินพูดเสร็จก็ไอสองที
หูเทียนจิ่นได้ยินแบบนั้น ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา“เธอกลับมาก่อน”
……
หลิ่งอู๋ฉงออกไปมองซ้ายขวาอย่างระมัดระวัง ไม่อยากถูกคนเห็น น่าเสียดาย มันสายไปแล้ว
ไป๋ยี่เฟยหลบอยู่ที่นี่เรียบร้อยแล้ว แต่แค่ไป๋หู่กับสวีลั่งยังมาไม่ถึงเท่านั้น
เขาไม่อยากรอต่อไปแล้ว จึงออกมาทันที กะที่จะซัดหลิ่วอู๋ฉงให้น่วม
ไป๋ยี่เฟยเผชิญหน้ากับหลิ่วอู๋ฉงเขารู้สึกมั่นใจไม่น้อย ถึงยังไงที่ไป๋หู่สอนมาในระยะเวลาอันสั้นก็ไม่ได้เสียเปล่าฟรีๆ ไหนจะประสบการณ์จริงตอนที่อยู่ที่เมืองหลวงในครั้งนั้นอีก กะอิแค่หลิ่วอู๋ฉงคนเดียวสบายมาก
แต่ ไป๋ยี่เฟยกลับคิดไม่ถึงแม้แต่น้อย ว่าเขาละเลยไปอีกหนึ่งคน
หลงหลิงหลิง
ไป๋ยี่เฟยเพิ่งจะลุกขึ้นมา หลิ่วอู๋ฉงเห็นเขาก็แทบจะไม่ตกใจเลยสักนิด กลับยิ้มอย่างมีเลศนัยอีกด้วย ทันทีที่เห็นข้างหลังของไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยเห็นแบบนั้นก็ตกใจขึ้นมา กำลังจะหันไป แต่กลับรู้สึกเจ็บที่ต้นคอ ก่อนจะหมดสติไป
หลิ่วอู๋ฉงยิ้มๆ“ทำได้ดีมาก”
หลงหลิงหลิงพยักหน้า ไม่พูดอะไร
หลิ่วอู๋ฉงก็ไม่พูดอะไรมาก แบกไป๋ยี่เฟยขึ้นมา แต่เขาไม่ได้กลับไปยังห้องใต้ดิน เขาพากลับไปยังสถานที่ของตัวเอง
เขาก็เคยเป็นคุณชายของหลิ่วซื่อกรุ๊ป แน่นอนว่าไม่มีทางพักอยู่ในห้องใต้ดินแน่นอน ที่ที่เขาอยู่ก็พอจะถูๆไถๆไปได้ เป็นอพาร์ทเม้นเล็กๆแห่งหนึ่ง
อพาร์ทเม้นเล็กๆมีสองห้องนอนหนึ่งห้องรับแขก สำหรับหลิ่วอู๋ฉงถือว่าเป็นที่ที่ดีที่สุดแล้ว เพราะว่าเขาก็ไม่มีเงินเยอะมากมายขนาดนั้นไปจ่ายค่าห้อง
ไป๋ยี่เฟยตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็อยู่ที่อพาร์ทเม้นเล็กๆแห่งนี้ เขาถูกทิ้งให้อยู่บนพื้นในห้องรับแขก ส่วนหลิ่วอู๋ฉงกับหลงหลิงหลิงนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก
สิ่งแรกที่ไป๋ยี่เฟยเห็นหลังจากที่ตื่นขึ้นมา ไม่ใช่หลิ่วอู๋ฉง แต่เป็นหลงหลิงหลิงที่นั่งอยู่ข้างๆหลิ่วอู๋ฉง
หลงหลิงหลิงเอาแต่ก้มหน้า ไม่กล้ามองไป๋ยี่เฟย
หลิ่วอู๋ฉงพอเห็นไป๋ยี่เฟยตื่นแล้ว สีหน้าก็เผยให้เห็นถึงรอยยิ้ม“ไป๋ยี่เฟย แกคงคิดไม่ถึงสินะ?”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้มองหลิ่วอู๋ฉง แต่สายตาจ้องไปที่หลงหลิงหลิง น้ำเสียงนิ่งเฉยง“นี่สินะคือสิ่งที่คุณบอกว่าไม่มีอะไร”
หลงหลิงหลิงกำมือแน่น ไม่พูดอะไร
หลิ่วอู๋ฉงเห็นว่าไม่สนใจเขา ก็รู้สึกโกรธขึ้นมาไม่น้อย“ไป๋ยี่เฟย ตอนนี้แกก็ทำได้แค่รอความตายโดยที่หมดทางสู้แล้วเท่านั้น แกยังกล้าเพิกเฉยใส่ฉันอีกเหรอ?”
ในตอนนี้ไป๋ยี่เฟยถึงได้เลื่อนสายตาไปมองหลิ่วอู๋ฉง“แกมีอะไรดีที่จะให้ฉันต้องมองด้วยอย่างนั้นเหรอ?”
“แก!”หลิ่วอู๋ฉงยืนขึ้นมา เดินมาข้างๆไป๋ยี่เฟย เหยียบเข้าไปที่หน้าอกของเขา“ไป๋ยี่เฟย แกเก่งนักไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้กลับถูกฉันเหยียบอยู่ใต้เท้าทำอะไรไม่ได้เนี่ยนะ?”
“เหอะ!ฉันก็ขอยอมรับนะ ว่าแกสุดยอดจริงๆ ถ้าไม่มีหลงหลิงหลิงอยู่ด้วย ฉันก็คงจะถูกแกหลอกซะแล้ว การแสดงของแกไม่เลวเลยนี่!”
“ฉันต้องให้รางวัลนักแสดงนำชายกับแกสินะ? ถุ้ย!”
หลิ่วอู๋ฉงหลังจากที่โทรศัพท์ไปหาหลงหลิงหลิงก็ถึงได้รู้ ว่าสัญชาตญาณของเขาถูกต้อง ไป๋ยี่เฟยเสแสร้งแกล้งทำอย่างที่คิดไว้ นี่มันทำให้เขาโกรธจนถึงขีดสุด