ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 309
บทที่ 309
จางเหลยได้ยินสิ่งที่ไป๋ยี่เฟยพูดเหมือนเขาได้ยินเรื่องตลก เขาไม่เชื่อในสิ่งที่ไป๋ยี่เฟยพูดเลย เขายังมองไปที่หลี่เสว่ “เสว่เอ๋อ คุณอย่าฟังเขาโม้ ผมสามารถให้ชีวิตที่ดีกับคุณได้”
หลี่เสว่รู้สึกทำตัวไม่ถูก ที่ถูกจับตามองโดยผู้คนจำนวนมาก จากนั้นก็มองไปที่ไป๋ยี่เฟย “ฉันเชื่อในสิ่งที่เขาพูด”
เขาคนนี้ มีความชัดเจนในตัวเอง
ดวงตาของจางเหลยเบิกกว้างด้วยความไม่น่าเชื่อ
ทุกคนก็ตกตะลึงเหมือนกัน
ไป๋ยี่เฟยเป็นแค่คนที่มาจากบ้านนอก และคำพูดที่เขาพูดก็ดูโอ้อวด เขาจะให้สิ่งเหล่านั้นแก่หลี่เสว่ได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น ยังบอกว่าสายสัมพันธ์กว้างกว่าจางเหลย และอนาคตดีกว่าจางเหลย นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?
แต่หลี่เสว่ก็เชื่อคำพูดเรื่องไร้สาระของไป๋ยี่เฟย
“เสว่เอ๋อ สิ่งที่เขาพูดไม่ใช่เรื่องจริง คุณจะเชื่อเขาได้อย่างไร?”
“ใช่ ถึงจะเชื่อคุณก็เชื่อในคำพูดของจางเหลย!”
“ใช่แล้ว เสว่เอ๋อ……..”
“หุบปาก!” ไป๋ยี่เฟยตะโกนอย่างกะทันหัน “ถ้าเสว่เอ๋อพูดในสิ่งที่เขาไม่ต้องการ ไม่เชื่อ หรือแม้กระทั่งต้องการจะหย่ากับผม ผมจะไม่บ่นเลยสักคำ มันเป็นเรื่องระหว่างสามีและภรรยาของพวกเรา”
“และส่วนพวกคุณ มีสิทธิ์อะไรในการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องระหว่างเสว่เอ๋อกับผม?”
“มันไม่มีอะไรมากไปกว่าการพยายามเอาใจจางเหลย และแสวงหาผลประโยชน์เล็กๆน้อยๆเพื่อตัวเอง คิดว่าตัวเองสูงส่งแค่ไหนกัน? ยังคงชักชวนคนอื่นให้มีชีวิตที่ดี อยู่กับคนที่ไม่เอาไหนคนหนึ่งและมีชีวิตที่ไม่ดีงั้นเหรอ?”
“วันนี้ผมจะทิ้งคำพูดไว้ที่นี่ ถ้าใครกล้าพูดอีกคำแล้วก็ ผมสัญญา ผมจะทำให้เขาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองเทียนเป่ยไม่ได้อีกต่อไป!”
ทุกคนตกตะลึงกับคำพูดของไป๋ยี่เฟย และในเวลานั้นไม่มีใครโต้กลับเลย
หลังจากผ่านไปนาน จางเหลยก็ตอบสนอง และโต้กลับทันที “ไป๋ยี่เฟย คุณกำลังพูดเพ้อเจ้ออะไรอยู่? คุณจะให้พวกเราอยู่ไม่ได้ในเมืองเมืองเทียนเป่ย? คุณคิดว่าคุณเป็นใครเหรอ?”
“เชื่อหรือไม่ ก่อนหน้านั้น ผมจะทำให้คุณอยู่ในเทียนเป่ยต่อไปไม่ได้?” ในมุมมองของจางเหลย ไป๋ยี่เฟยเป็นแค่ชาวนาคนหนึ่ง เขาสามารถทำในสิ่งที่ต้องการได้
แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ ทุกคำที่ไป๋ยี่เฟยพูดนั้น สามารถทำได้จริงๆ
คำพูดของจางเหลยพึ่งจบลง และทุกคนก็ตอบสนอง
“ใช่แล้ว คุณมีสิทธิ์อะไรที่จะพูดว่าให้เราไม่สามารถอยู่ในเมืองเทียนเป่ยได้อีกต่อไป?”
“ชาวนาขี้เหม็นคนหนึ่งยังอยากให้เราอยู่ต่อไปไม่ได้? ฝันกลางวันอะไรอยู่เหรอ?”
“คุณจะโม้ก็ต้องให้มันเข้าท่าหน่อย!”
“……….”
เพราะคำพูดของไป๋ยี่เฟย ทำให้เพื่อนร่วมชั้นเหล่านี้โกรธอย่างเต็มที่แล้ว จนทำให้พวกเขาพูดอย่างไม่พอใจ
จางเหลยถึงกับหัวเราะเยาะ และหัวเราะกับความโง่เขลาของไป๋ยี่เฟย ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกเสียดายต่อหลี่เสว่ ทำไมเขาถึงแต่งงานกับคนที่โง่เช่นนี้
“เสว่เอ๋อ คุณเห็นหรือยัง คนที่ท้าทายไร้สาระ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง และพูดโม้ไปวันๆเช่นนี้ คุณยังอยากจะอยู่กับเขาหรือ?” จางเหลยถามอย่างเศร้าๆ
“เสว่เอ๋อ คนแบบนี้ไม่คู่ควรที่คุณจะอยู่กับเขาต่อไป”
“ใช่ เสว่เอ๋อ คุณต้องคิดให้ดีนะ”
“วันนี้คุณสามารถเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาได้อย่างชัดเจน คุณอย่าไปหลงเชื่อเขาเลย!”
เพื่อนร่วมชั้นเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองที่ชอบธรรม และไม่ได้สนใจกับคำพูดของไป๋ยี่เฟยเลย
ไป๋ยี่เฟยเหลือบมองไปที่ทุกคน และหัวเราะเยาะ “ดีมาก ไม่เชื่อใช่ไหม? ผมจะทำให้พวกคุณรู้ว่า สิ่งที่ผมพูดเป็นจริงหรือเท็จ!”
เมื่อพูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็ไม่อยากอยู่ต่อไปอีกแล้ว จับมือหลี่เสว่แล้วพูดว่า “เสว่เอ๋อ เรากลับกันเถอะ!”
และจางเหลยก้าวไปข้างหน้า และหยุดทั้งสองคน “ไม่ได้ คุณจะพาเสว่เอ๋อไปไม่ได้!”
ในขณะนี้ ไป๋ยี่เฟยก็เงยหน้าขึ้น ก่อนที่ทุกคนจะคาดคิด เขาปล่อยมือของหลี่เสว่ จัดการกับเขาด้วยกำปั้น จนทำให้จางเหลยเดินเซไป จุดศูนย์ถ่วงของเขาไม่เสถียร และก็นั่งลงที่พื้น
“อ๊ะ!”
จางเหลยถูกตีที่แก้มซ้าย และไม่ได้กรีดร้องออกมา แต่เขากรีดร้องเพราะเขานั่งอยู่บนพื้น ด้วยความเจ็บปวดที่ก้างปลา
เพื่อนร่วมชั้นทุกคนเดินเข้ามาทันที และคนที่อยู่ใกล้ที่สุดดึงจางเหลยลุกขึ้นจากพื้น
เพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆก็เริ่มต่อว่าไป๋ยี่เฟย
“คุณกล้าลงมืออย่างงั้นเหรอ?”
“ตัวเองไม่ได้ดีเหมือนคนอื่นก็ลงมือเหรอ? มึงแม่งเป็นผู้ชายหรือเปล่า?”
“หน้าด้านเกินไป!”
“คนบ้านนอกนั้นหยาบคายมากจริงๆเลย!”
จางเหลยยืนขึ้น และใช้ลิ้นของเขาแตะเข้ากับแก้มซ้าย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอดกลั้น หากไม่มีเพื่อนร่วมชั้นและท่านหวังอยู่ที่นี่ เขาจะสู้กลับอย่างแน่นอน และจะทุบตีจนไป๋ยี่เฟยฟันร่วงไปทั่วพื้น!
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกอึดอัดมากในตอนนี้ เพราะการเคลื่อนไหวในตอนเมื่อกี้นี้ ส่งผลต่ออาการบาดเจ็บของเขา และทำให้เขาเกือบจะเป็นลมด้วยความเจ็บปวด ถ้าไม่ใช่เพราะความอดทนที่ยอดเยี่ยม เขาจะไม่ยืนอยู่ที่นี่
หลี่เสว่สังเกตเห็นความผิดปกติของไป๋ยี่เฟย และยังเห็นเหงื่อที่หน้าผากของไป๋ยี่เฟย ตอนนี้อากาศมันไม่ร้อนเลย เหงื่อของไป๋ยี่เฟยมาจากไหนกัน?
ในเวลานี้ หวังไห่ที่เฝ้าดูอยู่เงียบๆยืนขึ้น “ทุกคนก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน ทุกคนอย่าหุนหันพลันแล่น ฮ่าฮ่า……..มีอะไรก็คุยกันดีๆ คุยกันดีๆ……
หวังไห่ยืนขึ้นและพูด และเพื่อนร่วมชั้นก็เงียบลง แต่สายตาของพวกเขาต่างประณามไป๋ยี่เฟยอยู่
ไป๋ยี่เฟยหันหน้าไปมองหวังไห่ และยิ้มอย่างเงียบๆ “คุณกับพวกเขามีความแตกต่างกันตรงไหน?”
ใบหน้าของหวังไห่แข็งขึ้นทันที
“ไป๋ยี่เฟยใช่ไหม? ที่คุณบอกว่าผมไม่ต่างจากพวกเขา คุณหมายความว่ายังไง?”
ไป๋ยี่เฟยหัวเราะเยาะ “พวกเขายังเด็ก และการพูดจาไม่ผ่านความคิด แต่คุณอยู่ในตำแหน่งสูงส่ง ควรจะรู้ว่าควรพูดอะไร และไม่ควรพูดอะไร”
“เสว่เอ๋อกับผมแต่งงานกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และก็เป็นคู่สามีภรรยาที่รักกัน ในฐานะเป็นคนที่เคยผ่านอะไรมามากมายหรือว่าคุณไม่ควรชักชวนพวกเขาไม่ให้พูดเรื่องไร้สาระเช่นนั้นหรือ? แต่ที่คุณกำลังพูดอยู่มันคืออะไร?
ไป๋ยี่เฟยไม่พอใจกับหวังไห่มานานแล้ว ตอนที่เขาเข้ามาเขาก็ได้ยินคำพูดของหวังไห่ที่ช่วยจางเหลยพูด เขายังบอกว่าจะรับประกัน รับประกันเหี้ยอะไรกัน!
หวังไห่รู้สึกอับอายตอนนี้ เขาถูกเด็กคนหนึ่ง และก็ยังดูเหมือนเป็นเด็กบ้านนอกคนหนึ่งที่ไม่มีฐานะ และสีหน้าของเขาก็เริ่มน่าเกลียดเล็กน้อย
จางเหลยวิพากษ์วิจารณ์ทันที “ไป๋ยี่เฟย คุณมีสิทธิ์อะไรถึงพูดถึงต่อว่าท่านหวัง ท่านหวังไม่จำเป็นต้องให้คุณมาสั่งสอน!”
เมื่อพูดเช่นนี้ การแสดงออกของหวังไห่ก็ยิ่งแย่ลง
เพื่อนร่วมชั้นเห็นเช่นนี้แล้วไม่กล้าที่จะพูดอะไรเลย หากว่าทำให้หวังไห่ขุ่นเคือง มันจะเป็นการพังอนาคตตัวเอง
ไป๋ยี่เฟยไม่สนใจ อยู่ในเมืองเทียนเป่ย เขาจะทำอะไรก็ได้
“หึ! ผมไม่มีเวลาจะพูดเรื่องไร้สาระกับพวกคุณ พวกคุณเพียงแค่ต้องจำไว้ข้อหนึ่ง คำพูดในวันนี้ ผมพูดแล้วผมก็ต้องทำ!” ไป๋ยี่เฟยพูดจบ เขาก็อยากจะพาหลี่เสว่จากไป
ใบหน้าของจางเหลยบูดบึ้ง และเขาไม่รู้ว่าควรหยุดพวกเขาไว้หรือไม่ ถ้าหากไป๋ยี่เฟยชกเขาอีกครั้ง เขาก็ไม่อยากอับอาย!
ในที่สุด ทุกคนก็มองดูไป๋ยี่เฟยพาตัวหลี่เสว่จากไป
เพื่อนร่วมชั้นมองหน้ากัน ด้วยบรรยากาศที่น่าอึดอัด
หวังไห่ส่งเสียงไอเบาๆ และปรับสีหน้าอย่างรวดเร็ว “เฮ้ คนหนุ่มสาว ความหุนหันพลันแล่นก็เป็นเรื่องปกติเช่นกัน เข้าใจ เข้าใจ……..”
“ท่านหวัง ขอโทษจริงๆ วันนี้………” จางเหลยกล่าวขอโทษ
หวังไห่โบกมือ “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร……..”
เห็นแบบนี้ ทุกคนก็ยิ้มออกมาอย่างไม่เต็มใจ
ทันใดนั้น เพื่อนร่วมชั้นก็พูดขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้น คุณจะไปส่งเสว่เอ๋อสักหน่อยไหม?”
เมื่อคำพูดจบ หวังไห่ก็กล่าวอีกว่า “ไปส่งสักหน่อยเถอะ! ยังไงก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน อย่าทำให้ความสัมพันธ์มันตึงเครียดเกินไป”
แต่เติมจางเหลยไม่อยากไปเลย และไม่อยากเจอหน้าไป๋ยี่เฟย แต่ในเมื่อหวังไห่พูดเช่นนี้แล้ว เขาจึงพยักหน้า และไปส่งพวกเขาออกไป และบอกหลี่เสว่พอดี สามารถติดต่อเขาได้ทุกเมื่อในอนาคต