ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 318
บทที่ 318
“สองล้านค่ะ……”
หมอจางพอได้ยินตัวเลขเช่นนี้ ก็เกือบจะหงายหลังล้มลงไป นี่เขาเป็นใครกัน? ถึงกับมีเงินตั้งสองล้าน!
“นี่……จะเป็นไปได้ยังไง? นี่คือบัตรธนาคารเหรอ?” หมอจางถามอย่างไม่ยินยอม
สิ้นคำ ทุกคนก็พยักหน้าเห็นพ้อง
“นั่นสิ ฉันไม่เคยเห็นบัตรธนาคารที่ไหนเป็นแบบนี้เลย?”
“ฉันก็ไม่เคยเห็น”
“นี่ไม่ใช่บัตรธนาคารหรอกมั้ง?”
ไป๋ยี่เฟยไม่อธิบาย ยื่นมือไปคว้าบัตรกลับมา “ไม่เป็นไร”
เดี๋ยวสิ ที่รูดไปคือสองล้านเชียวนะ ไม่ใช่สองแสน แล้วก็ไม่ใช่สองหมื่นด้วย!
นี่……หมายความว่าเงินสองล้านสำหรับเขาแทบจะไม่ต่างกับเงินสองร้อยงั้นเหรอ?
พอทุกคนคิดมาถึงตรงนี้สมองก็พากันหยุดชะงัก ไม่อาจคิดต่อไปได้อีก พอคิดแล้ว อาจจะกระอักเลือดได้
หมอจางสีหน้าซีดขาวอยู่บ้าง คนที่ไม่สนใจแม้กระทั่งเงินสองล้าน ไม่มีทางเป็นพวกไม่มีเงินอย่างที่เขาคิดไปได้ จะต้องเป็นลูกชายของประธานคนไหนแน่ ดังนั้นถึงได้ไม่สนใจเงินเช่นนี้
สำหรับเรื่องที่ตัวเขามีฐานะเป็นประธานบริษัท หมอจางไม่มีทางคิดถึงแน่ ตามหลักแล้วคนหนุ่มอย่างไป๋ยี่เฟย ไม่มีใครคิดว่าเขาจะเป็นท่านประธานคนหนึ่ง มิหนำซ้ำ ยังเป็นถึงท่านประธานของโหวจวี๋กรุ๊ปอีกด้วย
เวลานี้ พยาบาลก็กล่าวอย่างลนลานว่า “คุณคะ ขอโทษด้วยค่ะ โรงพยาบาลล้วนคิดคืนหรือจ่ายเพิ่มทั้งนั้น ถึงเวลาเงินที่เกินมาจะคืนให้คุณแน่ ไม่ขาดแม้แต่แดงเดียว”
“ผมบอกแล้ว ไม่เป็นไร” ไป๋ยี่เฟยพูด “คุณคืนเงินให้ผม ผมก็ยังต้องเอาให้โรงพยาบาลอยู่ดี”
“อะไรนะ?”
ทุกคนได้ยินเช่นนี้ก็ไม่เข้าใจ ทำไมถึงต้องให้โรงพยาบาลด้วย? หรือเขาก็ต้องเข้ารับการผ่าตัดเช่นกัน? แต่ดูแล้วก็ไม่ได้ป่วยเป็นโรคร้ายแรงอะไรนี่นา?
พอหมอจางได้ยิน ดวงตาก็สว่างวาบทันที จากนั้นก็เดินขึ้นหน้ามาหนึ่งก้าว ฉีกยิ้มอย่างบิดเบ้ทีหนึ่ง “คือว่า คุณผู้ชายท่านนี้ ไม่ทราบว่าร่างกายมีปัญหาตรงไหน หากต้องผ่าตัดล่ะก็ ผมคิดว่าผมค่อนข้างจะมีประสบการณ์ทีเดียว ผมสามารถ……”
ไป๋ยี่เฟยยกนิ้วชี้ขึ้นมา “อีกอย่าง ที่ผมพูดเช่นนี้ เป็นเพราะว่าโรงพยาบาลแห่งนี้ อีกไม่กี่นาทีให้หลัง ก็เป็นของผมแล้ว”
“อะไรนะ?”
ทุกคนต่างตกตะลึง
แน่นอนว่า หลังจากตกตะลึงแล้วก็คือการสงสัยในตัวไป๋ยี่เฟย
“เจ้าหนุ่ม นายมีเงินไม่ใช่เรื่องผิด แต่โรงพยาบาลแห่งนี้จะบอกว่าเป็นของนายก็เป็นของนายได้ยังไง?”
“นั่นสิ การจะซื้อโรงพยาบาล ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ นะ”
“ฉันว่านายคิดจะอวดมากกว่า?”
หลังหมอจางได้สติขึ้นมาก็รู้สึกว่าเมื่อกี้ตัวเองถูกทำให้ขายหน้า จึงหน้าง้ำลงทันที “คุณครับ คุณมีเงินสองล้าน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะซื้อโรงพยาบาลของเราได้ พวกเราเป็นโรงพยาบาลเอกชน ไม่ขาดเงินแค่นั้นของคุณหรอก!”
ไป๋ยี่เฟยไม่มองหมอจาง แต่มองคนสองสามคนที่กำลังเดินมาทางนี้แทน ประกอบไปด้วยผู้อำนวยการโรงพยาบาล หลงหลิงหลิง หลิวเสี่ยวอิง เฉินห้าวและหนิววั่ง
“หมอหนิว รบกวนคุณรีบเข้าไปผ่าตัดให้ที” ไป๋ยี่เฟยพูดกับหนิววั่ง “เสียเวลามากแล้ว”
หนิววั่งเดินเข้ามา ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขามองไปที่หมอจาง จากนั้นก็มองไปที่คนที่อยู่รอบๆ พอจะคาดเดาบางอย่างได้แล้ว “พวกคุณเตรียมตัวเสร็จแล้วก็ตามผมเข้ามา”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินก็ส่งเสียงออกมาทันที “ยกเว้นหมอจางคนนี้ ห้ามเขาเข้าไป”
“มีสิทธิ์อะไร?” หมอจางทำสีหน้ายากจะมอง ถูกคนหนุ่มคนหนึ่งพูดจาเช่นนี้ เขาไม่ด่าก็นับว่าดีแค่ไหนแล้ว
หนิววั่งเห็นก็รีบกล่าวคลี่คลายสถานการณ์ทันที “การผ่าตัดสำคัญกว่า อย่าพูดจาเหลวไหล”
หนิววั่งอยู่ในโรงพยาบาลค่อนข้างจะมีบารมี คำพูดของเขาย่อมมีคนฟัง พยาบาลและหมอคนอื่นๆ ต่างเข้าไปในห้องผ่าตัดกันหมด
อันที่จริงเขาอยากให้หมอจางเข้าไปด้วย เพราะอย่างไรหมอจางก็เก่งทางด้านนี้ แต่เห็นท่าทีไป๋ยี่เฟยแล้ว เขาทำได้แต่ส่ายหน้าเท่านั้น
เพียงไม่นาน ประตูห้องผ่าตัดก็ปิดลง หมอจางถูกกันไว้นอกห้อง
เวลานี้ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็เดินเข้ามา “คือว่า หมอจางนับเป็นแพทย์ที่ทำการตรวจโรคและผ่าตัดได้ค่อนข้างดีของโรงพยาบาลเรา ผมรู้สึกว่าให้เขาเข้าไปน่าจะดีกว่า”
ไป๋ยี่เฟยกวาดมองด้วยสายตาเย็นชา พลางยิ้มเย็นกล่าวว่า “แพทย์ที่ไร้จรรยาบรรณทางอาชีพคนหนึ่ง ไม่คู่ควรทำการผ่าตัด”
ผู้อำนวยการอ้าปาก “เรื่องนี้ก็ไม่อาจโทษหมอจางได้จริงๆ เพราะอย่างไร……”
“ไม่ต้องพูดแล้ว” ไป๋ยี่เฟยยกมือห้ามผู้อำนวยการพูด “ผมตัดสินเองได้ ไม่จำเป็นต้องให้คุณมาพูด
หมอจางได้ยินเช่นนี้ก็ไม่ยอม “คุณมีสิทธิ์อะไรมาชี้มือชี้ไม้สั่งผู้อำนวยการ? คุณคิดว่าคุณเป็นใครกัน?”
ผู้อำนวยการได้ยินก็ตกใจจนเหงื่อแตก ดึงหมอจางไว้ “พอแล้ว ผมมีขอบเขตของตัวเอง”
หมอจางไม่เข้าใจ ยังอยากจะพูดอะไรอยู่อีก ไป๋ยี่เฟยก็เอ่ยปากกล่าวว่า “ก็สิทธิ์ที่ตอนนี้ผมเพิ่งจะเป็นท่านประธานของโรงพยาบาลแห่งนี้ไงล่ะ!”
พวกเฉินห้าวเดินเข้ามา ยืนข้างไป๋ยี่เฟย หลงหลิงหลิงออกหน้ากล่าวว่า “ขออภัยค่ะ ผ่านการหารือเมื่อสักครู่ ตั้งแต่นี้ไป โรงพยาบาลเอกชนแห่งนี่ได้ถูกท่านประธานของเราซื้อไว้แล้ว เขาเพิ่งจะเป็นท่านประธานของโรงพยาบาลแห่งนี้ค่ะ”
หมอจางราวกับถูกสายฟ้าฟาด
คนที่อยู่รอบๆ อ้าปากกว้างอย่างตกใจ
เมื่อกี้ยังคิดว่านายคนนี้ขี้โม้อยู่เลย ตอนนี้ถูกตบหน้าเสียแล้ว เจ้าตัวซื้อโรงพยาบาลแห่งนี้เอาไว้จริงๆ!
หมอจางนิ่งไปพักหนึ่ง ฉีกยิ้มออกมาได้อย่างน่าเกลียดกว่าร้องไห้ “ท่านประธาน คุณดูสิคุณมาที่นี่ พวกเรายังไม่รู้เลย เรื่องนี้ต้องขออภัยด้วยจริงๆ ผมมีตาแต่ไร้แวว คนใหญ่คนโตอย่างท่านประธาน คงจะไม่ถือสาคนตัวเล็กๆ อย่างพวกเราหรอกใช่ไหม?”
เขาวางท่าทีของตัวเองไว้ต่ำต้อย และบริเวณรอบๆ ก็มีคนมากมายมองอยู่พอดี ในฐานะท่านประธานคนใหม่ เมื่ออยู่ต่อหน้าคนไข้และญาติๆ เหล่านี้ย่อมต้องทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี จะได้ถือโอกาสแสดงความใจกว้างของตัวเขาเองด้วย
แต่น่าเสียดาย ที่หมอจางดีดลูกคิดไว้ ไป๋ยี่เฟยกลับไม่เล่นด้วย!
“ไม่ ผมถือสา” ไป๋ยี่เฟยกล่าวเสียงเย็น “คุณไม่ยึดหลักการช่วยคน แต่กลับเห็นเงินมาก่อน ไม่ปฏิบัติตามจรรยาบรรณอาชีพในฐานะหมอคนหนึ่ง ดังนั้น คุณไม่คู่ควรเป็นหมอ!”
“หมอที่ผมต้องการคือหมอที่รักษาคนไข้ด้วยความจริงใจ ไม่ใช่หมอที่เอาแต่คิดเรื่องเงินแบบนี้ ดังนั้น นับแต่นี้ไป คุณถูกไล่ออกแล้ว!”
ว่ากันตามตรง ที่แตะถูกความรู้สึกในส่วนลึกที่สุดก็คือคนไข้และญาติคนไข้เหล่านี้ เพราะพวกเขารู้ว่า คนไข้ส่วนใหญ่ที่พยายามลากสังขารไว้ก็เพราะจ่ายเงินไม่ไหว เมื่อลากต่อไปเรื่อยๆ ก็จบชีวิตลง
ได้ยินคำพูดเหล่านี้ในเวลาเช่นนี้ ทุกคนจึงมีความรู้สึกวางใจและเชื่อถือต่อโรงพยาบาลแห่งนี้เกิดขึ้นมา การมีท่านประธานแบบนี้สักคนหนึ่ง เชื่อว่าต่อให้ไม่มีเงิน แต่ป่วยไข้ ก็สามารถได้รับการรักษาทันเวลา
ส่วนหมอจางตกตะลึงตาค้างไปแล้ว
เขาทำเรื่องเช่นนี้มาหลายครั้ง ล้วนไม่มีปัญหาอะไร อีกอย่าง ใช่ว่าจะไม่มีใครเคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อน และคนที่ทำก็มีถมเถไป
ถือดีอะไรพอเขาทำถึงต้องถูกไล่ออก? เป็นเพราะได้พบกับท่านประธานคนใหม่คนนี้พอดีใช่หรือไม่?
“ไม่ คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้!” หมอจางส่ายหน้า “คุณไม่ใช่ผู้อำนวยการ คุณไม่เข้าใจอะไร คุณจะตัดสินใจแบบนี้ไม่ได้นะ!”
ผู้อำนวยการก็ยืนออกมากล่าวว่า “ประธานไป๋ แม้หมอจางจะทำไม่ถูกต้องนัก แต่ก็ไม่ถึงขั้น……”
ไป๋ยี่เฟยกวาดตามองด้วยสายตาเย็นชา “คุณเองก็ถูกไล่ออกเช่นกัน! ในฐานะผู้อำนวยการ จ้างหมอแบบนี้มา ทั้งยังละเลยพฤติกรรมของเขา ก็มีส่วนต้องรับผิดชอบเหมือนกัน!”