ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 332
บทที่ 332
คนใส่ชุดดำที่เข้ามาในครั้งนี้มากกว่าครั้งก่อนอีกหลายคน พวกเขากระจายอยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างกัน ตรวจสอบอยู่ทุกที่
“แม่งเอ๋ย! ตามอยู่เรื่อยเปื่อย!”
ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยกำลังเดินไปทางหน้าต่างที่เชื่อมโยงครัวหลัง ถ้าหากถูกค้นพบ หนีไม่พ้นแน่นอน
ลังเลไปสักครู่หนึ่ง ไป๋ยี่เฟยได้เห็นเฉินอ้าวเจียว รีบนำถาดในมือให้เขา และรับจานอาหารในมือของเขามา”ของที่ไหน?”
“ห้องวีไอพีเลขที่หนึ่งชั้นสอง”
คนใส่ชุดดำก็ได้เห็นพวกเขาสองคน และพอดีว่าเฉินอ้าวเจียวก็ได้บังไป๋ยี่เฟยไว้ ดังนั้นเห็นแต่สองคนแลกเปลี่ยนถาด ไม่มีอะไรผิดปกติ ดังนั้นก็เลยมองไปทางอื่น
ตามจริงถ้าเขามองอีกหลายวินาที ก็จะพบว่า นั่นเป็นเป้าหมายของเขาพอดี
แต่เสียดาย เขาไม่ได้ทำแบบนี้
ไป๋ยี่เฟยมาสู่ชั้นสองได้อย่างราบรื่น และนังเข้ามาในห้องวีไอพีของชั้นสองด้วย
ในห้องน้ำ ไป๋ยี่เฟยนั่งอยู่บนชักโครก ขมวดคิ้วคิดอย่างหนัก
เพิ่งออกมาก็พบกับฆาตกรที่ถือปืน เขาคิดว่า ต้องไม่เพียงแค่คนชุดนี้ รอจนวันนี้ผ่านไปยังมีเวลาอีกนาน โอกาสที่ได้ฆ่าเขามากมายมหาศาล
เขาต้องระวังตัวอยู่ตลอดเวลา!
สิ่งสำคัญที่สุดคือ เขาไม่สามารถกลับวิลล่าได้!เพราะถ้ากลับไปยังวิลล่าเมื่อไหร่ ก็จะเกี่ยวโยงไปถึงหลี่เสว่ เขาไม่อยากให้หลี่เสว่ได้รับอุบัติเหตุอีก
ไป๋ยี่เฟยที่กำลังนั่งคิดอยู่นั้นจู่ๆก็ได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิด ทันใดนั้นเขาก็ตึงเครียดขึ้นมา
ฟังจากเสียงน่าจะมีสองคน ย่างก้าวอย่างมั่นคง น่าจะเป็นผู้ชายที่อยู่ในวัยผู้ใหญ่
การคาดเดาของไป๋ยี่เฟยไม่ผิดเลย เป็นผู้ชายวันผู้ใหญ่สองคนจริงด้วย อายุประมาณ40กว่า หน้าตาธรรมดา แต่เสื้อผ้าเครื่องประดับที่ใส่นั้นไม่ธรรมดา ล้วนเป็นยี่ห้อหรู
ประตูถูกผลักออก ในนั้นคนหนึ่งพูดว่า”ฉันว่านะไอ้เย่อ้ายใช้ไม่ได้เลย ตอนนั้นไม่ควรที่จะฟังคำพูดของเธอเลย ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว ยังจัดการโหวจวี๋กรุ๊ปไม่ได้อีก”
“เฮ่อ!ไม่ทราบว่าไอ้หญิงคนนั้นยังมีแผนอะไรอีก คุณก็พูดให้มันระวังหน่อยสิ!”อีกคนหนึ่งเตือน
“ระวังอะไรล่ะ?ที่แบบนี้ไม่มีใครจะได้ยินหรอก!”
“ก็ใช่นะ ว่าแต่ นานขนาดนี้แล้ว แม้กระทั่งติดต่อประธานของสมาคมธุรกิจก็ไม่มีประโยชน์ คุณว่าโหวจวี๋กรุ๊ปยังมีเบื้องหลังที่ใหญ่กว่านี้อีกหรือเปล่า?แม้กระทั่งเย่ซื่อก็เอาไม่อยู่?”
“นี่มันกลับเป็นไปได้มากกว่า งั้นพวกเราจะ……”
“ฉันว่า……อย่าเพิ่งทำ อยู่เฉยๆก่อนจะดีกว่า”
ฟังจากการสนทนานี้ ประธานสมาคมธุรกิจได้หามาโดยเย่อ้ายจริงด้วย แต่ตอนนี้เย่อ้ายรู้เรื่องที่เขาไม่ได้โง่ ขั้นต่อไปคงจะต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง
แต่สิ่งที่ทำให้เขาสงสัยคือ เย่อ้ายไม่ได้เผยแพร่เรื่องนี้ไปทั่ว หรือเป็นเพราะเธอกลัวว่าพอทุกคนรู้เรื่องนี้แล้ว ก็จะไม่ทำด้วยกับเธอแล้วหรือ?”
……
คนใส่ชุดดำรื้อค้นไปรอบหนึ่งแล้วก็ไม่พบไป๋ยี่เฟย ถึงจะยอมแพ้
สวีลั่งรีบโทรให้ไป๋ยี่เฟยทันที ไป๋ยี่เฟยค่อยๆเดินลงมาช้าๆ
แต่ว่า ไป๋ยี่เฟยที่เพิ่งเดินลงมาถูกคนอื่นรายงานความผิด
ผู้ชายที่ใส่เสื้อบริกรเหมือนกัน อายุประมาณ20กว่า พอๆกับไป๋ยี่เฟย เขาชี้ไปที่ไป๋ยี่เฟย และพูดกับผู้จัดการว่า”ก็คือเขา เขาอู้งาน ผมเห็นว่าเขาเข้าไปในห้องน้ำตอน6.05 ตอนนี้6โมงครึ่งแล้ว”
ไป๋ยี่เฟยทำหน้ามึนงง อะไรเนี่ย?
ผู้จัดการจ้องมา”แก มานี่”
ไป๋ยี่เฟยเดินมาอย่างงง
“รู้ไหมว่าเวลาทำงานอู้งานไม่ได้ และตอนนี้เป็นเวลาทานข้าวพอดี ทุกคนล้วนยุ่งกันจนตาลาย แกยังกล้าอู้งานอีก?ไม่อยากได้ค่าจ้างแล้วใช่ไหม?”
ไป๋ยี่เฟยกว่าจะรู้สึกตัวขึ้นมาได้”ไม่ใช่ ผมไม่ใช่……”
“ไม่ใช่อะไร?บุคลิกในการทำงานของแกมีปัญหามากเลยเนอะ?แกเข้ามาเมื่อไหร่?ตอนที่ฝึกอบรมแกไม่อยู่หรือไง?หรือแกจำไม่ได้เลย?”
“ในฐานะที่เป็นผู้บริกร ก็ต้องตระหนักถึงลูกค้าก็คือพระเจ้าของเรา เราไม่สามารถให้พระเจ้าต้องรอนาน เข้าใจไหม?”
“แกใช้การเข้าห้องน้ำเพื่ออู้งานเป็นทางที่ผิด แกชื่ออะไร?แกจดไว้ เงินเดือนเดือนนี้ฉันจะหักคุณตามกฎ!”
ไป๋ยี่เฟยพูดอย่างจนปัญญา”ผู้จัดการ ผมไม่ใช่บริกรที่นี่”
“อะไร?”ผู้จัดการโกรธแล้ว”แกจะลาออกจากงานใช่ไหม?ได้ พนักงานที่ขี้เกียจอย่างแก รับแล้วก็แค่เสียเงินจ้างเปล่าๆ!’
ไป๋ยี่เฟยอธิบายว่า”ผมไม่ใช่บริกรของร้านคุณ แค่เข้ามาแบบไม่ตั้งใจ และเผลอเข้าไปในครัวหลัง ในที่สุดถูกพวกคุณเรียกมาช่วย……”
พอพูดเสร็จ ผู้จัดการรู้สึกอับอายมาก
คำพูดเมื่อกี้นี้ด่าแบบไม่ไว้หน้าเลย แต่ในที่สุดคนเขาไม่ใช่บริกรในร้านด้วยซ้ำ หน้าแตกหรือเกิน!
หนุ่มคนนั้นก็อับอายมาก ใครจะไปรู้ล่ะว่าตัวเองจำผิดคน อยากจะจับผิดคนอื่น เพื่อแสดงตัวต่อหน้าผู้จัดการ
หลังเรื่องนี้ผ่านไปผู้จัดการจะต้องโทษตัวเอง ไม่แน่อาจจะถูกหักเงินเดือนก็เป็นไปได้
หลังจากรู้สึกอับอายแล้วผู้จัดการก็ยิ้มอย่างเขินอาย”ขออภัยด้วยจริงๆ เป็นความผิดของผม ขอประทานโทษครับ ไม่นั้นคืนนี้คุณรับประทานอาหารที่นี่ละกัน?ฟรีครับ ก็ถือว่าเป็น……ค่าตอบแทน”
คนเขาช่วยปอกเปลือกกระเทียม และก็ช่วยเสิร์ฟอาหาร เลี้ยงข้าวมื้อหนึ่งก็ถือว่าสมเหตุสมผล
ไป๋ยี่เฟยส่ายหน้า”ไม่ต้องแล้ว พวกเราไม่ติดค้างกันแล้ว”
ภัตตาคารช่วยหลบหลีกคนที่จะมาช่วยเขา ส่วนเขาก็ช่วยพวกเขาสักครู่หนึ่ง มันก็ถือว่าไม่ติดค้างกันแล้ว!
“อ๊ะ?”ผู้จัดการทำหน้ามึนงง
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้อธิบาย มองไปทางสวีลั่งและเฉินอ้าวเจียวตาหนึ่ง ทั้งสองคนพยักหน้า เดินออกไปด้วยกัน
ผู้จัดการเต็มไปด้วยความตกใจบนใบหน้า แม่ง ยังมีอีกสองคน ก็ไม่ใช่ของร้านเขาด้วย!
แม่ง นี่มันเกิดอะไรขึ้น?เรื่องนี้ไม่ธรรมดา ไม่ธรรมดาแน่นอน!
รอก่อน เป็นผู้บริหารข้างบนคนไหนที่แอบซ่อนตัวตน มาตรวจสอบการทำงานของเขาโดยเฉพาะหรือเปล่า?งั้นเขาถือว่าไปยั่วยุหัวหน้าหรือเปล่านะ?
ผู้จัดการนี่มันคิดมากไปแล้วจริงๆ
หลังจากทั้งสามคนออกไปแล้ว ก็คิดจะหารถแท็กซี่คันหนึ่งกลับไป เพราะยังไงรถก็จอดอยู่ข้างหลัง ไม่สามารถกลับไปขับได้แล้ว
แต่เพิ่งเดินมาถึงริมถนน ก็ถูกคนชุดดำที่เดินไปมาอยู่ตรงนั้นตลอดค้นพบแล้ว
“แม่งเอ่ย!รู้ทุกที่ทุกบริเวณจริงๆเลย!