ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 342
บทที่ 342
“ประธานซู คุณพูดแบบนี้ใช่ว่าไม่ค่อยให้เกียรติผู้หญิงสักเท่าไหร่? ”หลี่ฝานที่นั่งอยู่ด้านหลัง ซักถามด้วยเสียงอันดัง
พูดจบ ผู้จัดการใหญ่ไม่กี่คนที่ร่วมมือกับเย่อ้ายต่างก็พูดเพื่อเย่อ้าย
“นั่นสิ นี่มันไม่ให้เกียรติกันเลยนิ!”
“ประธานคณะกรรมการบริหารโหวจวี๋กรุ๊ปทำไมถึงได้ต่ำช้าเช่นนี้?”
“ทำลายกระแสสังคมเมืองเทียนเป่ยจริง ๆ !”
“……”
ซูต้าหลิวเห็นแล้วก็ไม่ใส่ใจ การใช้ชีวิตหลายเดือนที่ผ่านนี้ทำให้เขาตกอยู่ในโลกที่ตัวเองเป็นพี่ใหญ่ในเมืองเทียนเป่ย ดังนั้น ขอเพียงอยู่ในเมืองเทียนเป่ย กูไม่สนหรอกว่ามึงจะเป็นใคร ล้วนแต่เป็นเขาที่เป็นใหญ่!
“พวกคุณเป็นใครกันล่ะ? แม้แต่เห็นผมก็ไม่เคยเห็น มีคุณสมบัติอะไรมาพูดแบบนี้กับผม? พวกคุณรู้ไหมว่าผมเป็นใคร?”
ซูต้าหลิววางมาดใหญ่โต “ผมคือประธานคณะกรรมการบริหารโหวจวี๋กรุ๊ป ที่เมืองเทียนเป่ยนี้ ผมเป็นใหญ่!”
คำนี้พูดออกไป ก่อให้เกิดเสียงไม่พอใจจากทุกคนเพิ่มมากขึ้น
“โหวจวี๋จะหยิ่งเกินไปแล้ว!”
“ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา!”
“ท่าทีเช่นนี้ของโหวจวี๋นั้น ไม่เห็นพวกเราธุรกิจอื่นในเทียนเป่ยอยู่ในสายตาจริง ๆ !”
“คิดว่าเป็นพี่ใหญ่ในเมืองเทียนเป่ยจริงหรอ? เชื่อไม่เชื่อว่าพวกเราทั้งหมดร่วมกันต่อต้านโหวจวี๋”
“……”
ซูต้าหลิวที่เผชิญหน้ากับเสียงประณามจากคนจำนวนมาก กลับไม่ลนลานแม้แต่น้อย ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนให้ความกล้านี้แก่เขา “ทุกท่านเงียบก่อน เงียบ ผมทราบว่าทุกท่านไม่ยอมรับ แต่ก็มีวิธีอะไร? ความจริงก็วางอยู่ตรงหน้า พวกคุณจะไม่เชื่อก็ไม่ได้!”
“อีกอย่าง พวกคุณมีเงินเหมือนโหวจวี๋ไหม? ไม่มีเงินก็ไม่ต้องพูด!”
“อ้อ ใช่แล้ว มีบริษัทที่ต้องการเงินลงทุนใช่ไหม? ไม่มีปัญญา ผมดีใจ ลงทุนอย่างสบาย ๆ ก็เป็นเงินไม่กี่ร้อยล้าน พวกคุณต้องการหรือไม่อา?”
พูดจบ ทุกคนก็เงียบเสียง
ลงทุนไม่กี่ร้อยล้าน! ใครจะไม่อยากได้
เย่อ้ายเห็นดังนั้นก็เหอะเย็นหนึ่งที “คนโง่ที่ไร้ประโยชน์!”
ซูต้าหลิวยิ้มอย่างพอใจ เป็นผู้นำธุรกิจของเมืองเทียนเป่ยดังคาดจริง ๆ ผลลัพธ์เช่นนี้ไม่เลวจริง ๆ
ในตอนนั้นเอง สวีจื้อที่ไม่ได้พูดมาโดยตลอดก็เอ่ยปากพูด
“ประธานซู ตอนนี้คือการประชุมใหญ่แลกเปลี่ยนกันทางธุรกิจ ไม่ใช่ให้คุณมาก่อกวน”
สวีจื้อ นั้นไม่ค่อยเข้าใจในโหวจวี๋กรุ๊ปมากนัก รู้แค่ว่าโหวจวี๋กรุ๊ปนั้นอยู่ในลำดับที่หนึ่งของธุรกิจเมืองเทียนเป่ย แค่นี้เท่านั้น
ส่วนที่ว่าใครคือประธานคณะกรรมการบริหารโหวจวี๋กรุ๊ปนั้น เขาไม่รู้ และก็ไม่จำเป็นต้องรู้ ในสายตาของเขา โหวจวี๋กรุ๊ปก็เหมือนกับมดธรรมดา กระทืบอย่างง่าย ๆ ก็ถูกเหยียบตาย
ที่เขาสนใจก็คือคนที่ชื่อไป๋ยี่เฟยคนนั้น
ในจดหมายลับเขียนเอาไว้อย่างชัดเจน เป็นไป๋ยี่เฟยที่ฆ่าหวังไห่ และพวกเขาสี่คน ขอเพียงแค่จับไป๋ยี่เฟย ฆ่าไป๋ยี่เฟย ก็สามารถกลายเป็นประธานสหพันธ์ธุรกิจประจำมณฑล
ซูต้าหลิวเงยหน้า มองสวีจื้อ ที่นั่งอยู่ด้านหน้า รู้สึกไม่ค่อยสบายเล็กน้อย “ไม่ใช่คุณให้ผมกล่าวความคิดเห็นหรือไง?”
สวีจื้อสำลัก พูดอะไรไม่ออกในขณะนั้นสุดท้ายทำได้เพียงกระแอมบอก: “ประธานซู การกล่าวความคิดเห็นของคุณให้จบลงเท่านี้ ต่อไปพวกเราจะเข้าสู่ช่วงต่อไป”
“เป้าหมายของการประชุมในครั้งก็คือหวังว่าทุกท่านจะสามารถทุ่มเทพัฒนาเพื่อเมืองเทียนเป่ยไปด้วยกัน ดังนั้นต่อไปเป็นเวลาเสนอความคิดเห็น มีข้อเสนอแนะในการพัฒนาดี ๆ สามารถเสนอออกมาได้ ทุกคนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกัน”
ซูต้าหลิวอึดอัดใจเล็กน้อย เขาก็คือพี่ใหญ่ของเมืองเทียนเป่ย เพราะอะไรถึงได้รับการปฏิบัติเช่นนี้?
ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหจนทนไม่ไหว!
ด้วยเหตุนี้ขณะที่ทุกคนล้วนแต่เงียบเพื่อคิดข้อเสนอแนะอยู่นั้นซูต้าหลิว ก็ลุกขึ้นมาอย่างไม่ทันคาดคิด
เห็นเพียงเขาใช้มือหนึ่งดันที่โต๊ะ สองเท้ากระโดด เช่นนี้ก็ข้ามมาได้แล้ว ในขณะนั้น ซูต้าหลิวรู้สึกว่าตัวเองเท่มาก ๆ
จากนั้น เขาก็หยิบไมโครโฟนที่ยังไม่ถูกเก็บกลับไปขึ้นมา เอ่ยปาก
“การประชุมพัง ๆ อะไร? คิดว่ากูอยากจะเข้าร่วมนักหรือไง? กูมาก็ไว้หน้าพวกมึงแล้ว ยังจะกล้าพูดว่ากูผิด? กูทำอะไรก็ถูกทั้งนั้น!”
“วันนี้ กูบอกเอาไว้ตรงนี้เลย โหวจวี๋ต่างหากที่เป็นพี่ใหญ่ของเมืองเทียนเป่ย พวกมึงไม่ใช่อะไรทั้งนั้น!”
พูดจบ ซูต้าหลิวก็พาลโยนไมโครโฟนทิ้งไป มุ่งตรงออกจากห้องประชุม
ห้องประชุมเงียบลงในทันที หลังจากที่ซูต้าหลิวเดินออกไป ก็ระเบิดออกโดยสิ้นเชิง
“มันจะเกินไปแล้ว!”
“รังแกกันเกินไปแล้ว!”
“นี่……ไม่เห็นสหพันธ์ธุรกิจอยู่ในสายตาสักนิด!”
“มีคนแบบนี้อยู่ได้อย่างไร?”
สีหน้าของสวีจื้อไม่น่าดูเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามเขาก็เป็นถึงรองประธานสหพันธ์ธุรกิจประจำมณฑล ใครบ้างจะไม่ไว้หน้าเขา คาดไม่ถึงว่าต่อหน้าคนมากมาย เขากลับหยิ่งเช่นนี้ ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาแม้แต่น้อยจริง ๆ !
ในห้องประชุมส่งเสียงเอะอะโวยวาย ทั้งหมดล้วนเป็นเสียงประณามซูต้าหลิว
ในตอนนั้นเอง หลี่ฝานก็ส่งเสียงอีกครั้ง
“ท่านสวี ท่านก็เห็นแล้วใช่ไหม? ประธานคณะกรรมการบริหารโหวจวี๋ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา หยิ่งจนใช้ไม่ได้ อาศัยโอกาสในวันนี้ ผมต้องการรายงานโหวจวี๋กรุ๊ป! โหวจวี๋กรุ๊ปกำลังเริ่มก่อสร้างสามสถานที่ เป็นสถานที่ที่ยังไม่ได้รับอนุญาต ไม่ได้รับการอนุญาตจากรัฐบาล พวกเขาทำผิดกฎหมาย!
ตอนนั้นเอง ก็มีคนลุกขึ้นมาอีก “ฉันก็ต้องการรายงาน!”
“ฉันก็ต้องการรายงาน!”
“ฉันก็……”
ทุกคนต่างพากันรายงานโหวจวี๋กรุ๊ป ไม่เพียงแต่เรื่องการทำบัญชีเท็จเท่านั้น ยังมีการลักลอบเดินรถขนส่ง และฟอกเงินอีกไม่กี่ข้อกล่าวหา แถมยังบอกอีกว่ามีหลักฐาน
สวีจื้อจัดทุกคนให้ค่อย ๆ มา ภายในใจก็สบายใจเป็นอย่างมากแล้ว เป็นธุรกิจที่ไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างแท้จริง มีคนจำนวนมากที่รายงาน ไม่สนว่าจะเป็นจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตามโหวจวี๋ก็จบสิ้นแล้ว!
แต่ทว่า มีหนึ่งคนที่ยังกังวลอยู่ นั่นก็คือเย่อ้าย
เย่อ้ายรู้ว่าไป๋ยี่เฟยไม่ได้เปลี่ยนเป็นคนโง่ ดังนั้นเธอจึงกังวลว่าวันนี้ไป๋ยี่เฟยจะมาก่อกวน อย่างนั้นทุกอย่างก็เสียเปล่าแล้ว
ก่อนหน้านี้เธอก็เคยลังเลใจ คาดเดาว่าจำเป็นต้องหยุดชั่วคราวหรือไม่ ถึงอย่างไรไป๋ยี่เฟยก็แกล้งโง่ปิดทุกคน ไม่ใช่ว่าไม่ให้รอดไปแม้แต่คนเดียวหรือ?
กระโดดออกไปในเวลานี้ ก็ไม่ใช่เรื่องที่เฉลียวฉลาด แต่เธอไม่ยอม นี่อาจจะเป็นโอกาสเดียวที่มีแล้ว ถ้าหากไม่ลงมือ รอจนถึงไป๋ยี่เฟยกลับมาใหม่ ก็ยิ่งไม่มีโอกาสเลย
อีกอย่าง ซูต้าหลิวคนกุ๊ยนั่น ครั้งที่แล้วไม่ได้โดนฆ่าตาย ครั้งนี้ก็ไม่ควรที่ปล่อยไปอย่างง่ายดาย
สุดท้ายท้ายที่สุด เย่อ้ายก็ตัดสินใจสู้จนถึงที่สุด จัดการตามแผนเดิมที่วางไว้ เพียงแต่เพิ่มความป้องกันขึ้นบางส่วนเท่านั้น เพื่อว่าอยู่ ๆ ไป๋ยี่เฟยจะปรากฏตัวขึ้นมา
แต่ว่า รอจนถึงตอนนี้ ไป๋ยี่เฟยก็ยังไม่ปรากฏ ถ้างั้นก็ยืนยันได้หรือไม่ ว่าไป๋ยี่เฟยจะไม่สนใจเรื่องพวกนี้ชั่วคราวแล้ว?
……
ในความเป็นจริงนั้น ไป๋ยี่เฟยจะไม่สนใจได้อย่างไรกัน? เขากำลังเฝ้ามองอยู่ที่ห้องสังเกตการณ์ เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นห้องประชุมใหญ่ เขาล้วนมองเห็นอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
“ไปกันเถอะ ถึงเวลาที่พวกเราต้องเข้าไปแล้ว”