ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 362
บทที่ 362
ทั้งสองเดินดูร้านจิวเวลรี่สองสามร้าน สุดท้ายก็ซื้อสร้อยคอสีน้ำทะเลเส้นหนึ่งให้โจวฉวี่เอ๋อ
หลังหลี่เสว่ซื้อเสร็จ ไป๋ยี่เฟยก็กล่าวว่า “ผมก็จะซื้อของขวัญให้พี่ผมเหมือนกัน”
“ค่ะ”
ไป๋ยี่เฟยคิดอย่างเรียบง่าย ฉินหัวมีเสื้อผ้ารองเท้าครบแล้ว สิ่งของของผู้ชาย ที่ขาดไปก็คือนาฬิกาข้อมือหรูเรือนหนึ่ง ดังนั้นจึงเดินมาหยุดหน้าตู้โชว์ของนาฬิกาข้อมือแบรนด์ดังอย่างแน่วแน่
“คุณคะ ต้องการเรือนไหนคะ?” พนักงานสาวสวมเครื่องแบบคนหนึ่งถามอย่างยิ้มๆ
ไป๋ยี่เฟยมองดูไปเรื่อยๆ “นาฬิกาข้อมือผู้ชาย ขอแบบแพงที่สุด”
พนักงานสาวชะงักเล็กน้อย มองเสื้อผ้าที่ไป๋ยี่เฟยสวม ไม่เหมือนคนที่จะสามารถซื้อนาฬิกาข้อมือที่แพงที่สุดได้ อย่างมากซื้อเรือนละหนึ่งถึงสองหมื่นได้ ก็นับว่าดีแล้ว
“คุณคะ ที่ร้านเรานาฬิกาข้อมือผู้ชายที่แพงที่สุดคือราคาสองแสน คุณแน่ใจเหรอคะว่าจะเอาที่แพงที่สุด?”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้าอย่างไม่ยี่หระ
หลี่เสว่ดึงไป๋ยี่เฟยไว้ “สองแสน ไม่จำเป็นขนาดนั้นมั้งคะ?”
“พี่แต่งงาน แพงหน่อยก็ไม่เป็นไร”
พนักงานสาวได้ยินพวกเขาสนทนากัน ก็นึกว่าพวกเขาเป็นพวกรักหน้าตา จึงกล่าวว่า “คุณคะ ร้านเรามีนาฬิกาหลายแบบที่เหมาะกับคนเป็นเจ้าบ่าวมาก และราคาก็ไม่แพงด้วย แค่สามหมื่นเท่านั้นเองค่ะ”
“ไม่ต้อง เอาแบบที่แพงที่สุดของร้านพวกคุณออกมาให้ผมดูหน่อย” ไป๋ยี่เฟยโบกมือ
พนักงานสาวเห็นเช่นนี้ก็ถอนหายใจ ได้แต่หยิบแบบที่แพงที่สุดออกมา ยังกล่าวอย่างใจดีอีกว่า “เอาอย่างนี้แล้วกัน หากคุณจะซื้อเรือนนี้ให้ได้จริงๆ ฉันลดให้คุณยี่สิบเปอร์เซ็นต์”
“จริงหรือ?” ไป๋ยี่เฟยประหลาดใจอยู่บ้าง
พอพนักงานสาวเห็น ก็ยิ่งรู้สึกว่าไป๋ยี่เฟยไม่มีกำลังซื้อ “จริงค่ะ หากคุณมีกำลังซื้อจริง ฉันก็จะลดให้”
ไป๋ยี่เฟยยิ้ม “งั้นก็ได้ เอาบัตรไปรูดสิ อย่าลืมยี่สิบเปอร์เซ็นต์นะ เดี๋ยวรูดเกิน”
พนักงานสาวมีสีหน้าแข็งค้างอยู่บ้าง ก้มหน้ามองบัตรสีดำที่อยู่ตรงหน้า “นี่……จะรูดได้เหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า เขาชินกับคำถามแบบนี้เสียแล้ว เพราะอย่างไรคนที่รู้จักบัตรชนิดนี้ก็มีน้อยมาก ต่างคิดว่ามันไม่ใช่บัตรธนาคาร
พนักงานสาวสูดหายใจเข้าลึก รอยยิ้มบนใบหน้าจางหายไปหมดแล้ว “คุณคะ หากคุณไม่มีกำลังซื้อ ก็ได้โปรดอย่าล้อเล่นได้ไหม? งานของพวกเราไม่ใช่เอามาเสียเวลากับคุณนะคะ”
“หมายความว่ายังไง?” หลี่เสว่ถามหน้าอูด “ไม่มีกำลังซื้องั้นหรือ?”
“ฉันพูดผิดหรือไง? นี่ใช่บัตรธนาคารแน่หรือ คุณเคยเห็นบัตรธนาคารแบบนี้ไหม? ถ้าจะปลอม ก็ช่วยปลอมให้มันเหมือนหน่อย!” พนักงานสาวเถียงคอเป็นเอ็น
หลี่เสว่ไม่ยอม “เธอไม่เคยเห็นก็บอกว่านี่ไม่ใช่บัตรธนาคารแล้วเหรอ? เธอรูดดูก็รู้แล้วไม่ใช่หรือไง? ยังไม่ได้รูดก็บอกว่าไม่ใช่แล้ว มีสิทธิ์อะไร?”
พนักงานสาวแค่นเสียง “ได้สิ ฉันจะดูสิว่า มันจะรูดออกมาได้ไหม!”
พูดจบ พนักงานสาวก็หยิบบัตรสีดำไป นำไปรูดที่เครื่องรูด ต่อมาก็ขึ้นคำว่า “ชำระเงินสำเร็จ”
“นี่……”
พนักงานสาวสีหน้าเก้อกระดาก มือที่ถือบัตรสั่นเล็กน้อย
หลี่เสว่เห็นเช่นนี้ก็เชิดคางขึ้น “เธอดูสิ ก็บอกแล้วว่ารูดได้ ยังไม่เชื่ออีก!”
พนักงานสาวฉีกยิ้มทันที “ ต้องขออภัยด้วยจริงๆ ……เมื่อกี้ฉัน……”
ไป๋ยี่เฟยยกมือ ตัดบทคำพูดของพนักงานสาว “ห่อนาฬิกาให้ผมด้วย ไม่ต้องพูดอะไรมากแล้ว”
“ค่ะๆๆ ……” พนักงานสาวพยักหน้าอย่างรวดเร็ว นำนาฬิกาไปห่อ แต่ในใจกังวลอย่างมาก เพราะลดยี่สิบเปอร์เซ็นต์ที่เธอพูด เธอพูดไปตามใจปาก ในความเป็นจริงไม่มีทางลดได้
ตอนนี้เก็บเงินได้เพียงหนึ่งแสนหกหมื่น ยังเหลืออีกสี่หมื่น หรือต้องให้เธอออกเอง แบบนี้จะทำได้ยังไง?
จู่ๆ พนักงานสาวก็ฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ จึงไปหารุ่นพี่ในกรุ๊ปของตัวเอง ไม่ได้อธิบายเหตุการณ์มากนัก เพียงแค่บอกให้เขาช่วยเหลือ ให้พวกเขาเพิ่มกิจกรรมที่ไม่เคยมีขึ้นมาอย่างหนึ่ง อาศัยสิ่งนี้มาแลกสี่หมื่นกลับมาโดยไม่ต้องจ่าย
รุ่นพี่ได้ยินก็ตอบรับ
ดังนั้นตอนที่พนักงานสาวนำนาฬิกาที่ห่อเสร็จเรียบร้อยแล้วออกมา ก็มีชายหนุ่มอายุประมาณสามสิบเศษตามออกมาด้วย เขาสวมแว่นตากรอบเล็ก ท่าทางดูนอบน้อมฉลาดเฉลียว
“คุณคะ นี่เป็นนาฬิกาข้อมือของคุณค่ะ” พนักงานสาวยิ้มแย้มส่งให้
ไป๋ยี่เฟยหยิบห่อของกำลังจะเดินจากไปกับหลี่เสว่ กลับถูกรุ่นพี่คนนั้นเรียกไว้ “คุณครับอย่าเพิ่งไป คืออย่างนี้ครับ ที่ร้านเรามีกิจกรรมอย่างหนึ่ง สำหรับลูกค้าที่ชำระเงินเกินหนึ่งแสนโดยเฉพาะ จะมีโอกาสจับของรางวัลได้ครั้งหนึ่ง แต่การจับรางวัลนี้เกี่ยวข้องกับศักยภาพของตัวลูกค้าเอง”
“สรุปคือ สามารถประหยัดเงินของคุณได้มากขึ้น” พนักงานรุ่นพี่พูดพลางยิ้มตาหยี
หลี่เสว่ดึงไป๋ยี่เฟยไว้พลางถามว่า “จะเล่นไหม?”
“ได้” ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า ถามพนักงานรุ่นพี่คนนั้นว่า “ต้องเล่นยังไง?”
พนักงานรุ่นพี่เห็นเช่นนี้ก็ยิ้มแนะนำว่า “กิจกรรมเป็นอย่างนี้ครับ ทางร้านเราจะมีคำถามข้อหนึ่ง ขอเพียงสามารถตอบถูก ก็สามารถลดราคาสินค้าลงจากราคาก่อนหน้านี้ได้อีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ ยังได้รับบัตรVIPอีกใบหนึ่งด้วย”
“แต่หากตอบผิดล่ะก็ จะต้องจ่ายเงินเต็มจำนวน”
“งั้นเอามาดูหน่อย คำถามอะไร” ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า
พนักงานรุ่นพี่หัวเราะฮ่าฮ่า หยิบโทรศัพท์ออกมา ให้ไป๋ยี่เฟยดูคำถาม
“สังคมในปัจจุบัน เจ้าของกิจการอาศัยอะไรกินข้าว?”
หลี่เสว่กับไป๋ยี่เฟยสบตากัน คำถามนี้……
“เกมทายปริศนาใช่ไหม?”
พนักงานรุ่นพี่ยิ้ม “ใช่ครับ คำถามนี้ไม่ยาก คุณว่าจริงไหม?”
ไป๋ยี่เฟยกับหลี่เสว่เงียบ การพูดเช่นนี้ หากเป็นคำถามทั่วไป คำถามนี้ไม่ยากแน่นอน แต่หากเป็นเกมทายปริศนาล่ะก็ คำตอบคงไม่ง่ายอย่างที่ว่าแน่
ไป๋ยี่เฟยมองหลี่เสว่ หลี่เสว่เองก็มองเขาเช่นกัน เธอส่ายหน้า “ฉันไม่รู้”
หลี่เสว่ไม่รู้จริงๆ เธอไม่ใช่เจ้าของกิจการ อีกทั้ง คำถามพวกเกมทายปริศนาเธอไม่เคยเล่นมาก่อน จึงจับทิศทางไม่ได้โดยสิ้นเชิง
พนักงานรุ่นพี่กับพนักงานสาวคนนั้นยิ้มตาหยีมองไป๋ยี่เฟย หากไป๋ยี่เฟยตอบคำถามนี้ผิด อย่างนั้นเขาก็ต้องรูดเงินอีกสี่หมื่น ส่วนเธอก็ไม่ต้องโดนด่า
ไป๋ยี่เฟยจมสู่ความเงียบ
เจ้าของกิจการอาศัยอะไรกินข้าว?