ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 388
บทที่ 388
จากนั้น ในห้องพิเศษก็ส่งกลิ่นเหม็นออกมา
ไป๋ยี่เฟยก็โยนตัวฉุงโยวเวยทิ้งไปอย่างน่ารังเกียจ
ฉุงโยวเวยคิดว่าไป๋ยี่เฟยต้องปล่อยเขาไป จึงคุกเข่าคำนับ “ขอบคุณพี่ใหญ่ไป๋ ขอบคุณพี่ใหญ่ไป๋…”
ไป๋ยี่เฟยส่งเสียงหัวเราะอย่างเย็นชา จากนั้นก็ยกเท้าขึ้นมา และเตะฉุงโยวเวยล้มลงกับพื้น ยังไม่ทันได้รอให้ฉุงโยวเวยตอบสนอง มีดปอกผลไม้ของไป๋ยี่เฟยก็แทงเข้าที่ต้นขาของฉุงโยวเวย
“โอ๊ย!”
เสียงกรีดร้องดังกึกก้องไปทั่วห้อง
ในเวลานั้นเอง โจวฉวี่เอ๋อและจางหัวปินที่อยู่ในห้องน้ำก็มองหน้ากันทันที สายตาของพวกเขาผ่อนคลายลงเล็กน้อย
เสียงประทัดเมื่อครู่พวกเขาได้ยินแล้ว และเสียงร้องโหยหวนของหลี่ป้าพวกเขาก็ได้ยินเช่นกัน
พวกเขารู้ว่า ไป๋ยี่เฟยฆ่าหลี่ป้าได้แล้ว
และเสียงร้องโหยหวนในตอนนี้นั้น ยิ่งไม่ต้องคิดเลย เพราะมันเป็นเสียงของฉุงโยวเวยนั่นเอง
……
นอกห้องพิเศษ ไป๋ยี่เฟยพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “แทงครั้งนี้ สำหรับสาวสวยสุดแห่งหลิงหนาน ”
สาวสวยสุดแห่งหลิงหนานไม่ได้มีความเกี่ยวอะไรกับเขามากเท่าไหร่ แต่เขาแค่ปล่อยสาวสวยสุดแห่งหลิงหนานไปครั้งเดียว สาวสวยสุดแห่งหลิงหนานก็มาช่วยชีวิตเขาไว้ นับว่าคงไม่ติดค้างกันแล้ว แต่สุดท้ายแล้วสาวสวยสุดแห่งหลิงหนานก็ยังตายไปเพราะเรื่องนี้
ไป๋ยี่เฟยชักมีดปอกผลไม้ออกมา แล้วเล็งไปที่ท้องของฉุงโยวเวย จากนั้นก็แทงลงไปอย่างแรง “แทงครั้งนี้ สำหรับอู๋ปิ้ง! ”
อู๋ปิ้งเป็นรุ่นน้องของสวีลั่ง พวกเขาอยู่ในค่ายที่เป็นศัตรูกัน แต่เขาก็ไม่ได้ทําอะไรมาก เขาแค่ขัดขวางเท่านั้น และอู๋ปิ้งก็เป็นรุ่นน้องคนเดียวของสวีลั่ง
ที่อู๋ปิ้งต้องตายก็เพื่อช่วยชีวิตสวีลั่งไว้ซึ่งถ้าสวีลั่งรู้คงจะต้องเสียใจมากเป็นแน่
หลังจากไป๋ยี่เฟยดึงมีดปอกผลไม้ออกมา ฉุงโยวเวยก็สลบไปอย่างเจ็บปวด
ความอาฆาตในสายตาของไป๋ยี่เฟยยิ่งเพิ่มมากขึ้น เขาถือมีดปอกผลไม้และคว่ำหน้าฉุงโยวเวยลง ทําให้เขาหมอบลงกับพื้น
ฉุงโยวเวยยังไม่ฟื้น แต่ไป๋ยี่เฟยก็ยังคงพูดอยู่อย่างนั้น “และแทงครั้งนี้ สําหรับฉินหัว! ”
หลังจากพูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็แทงเข้าที่กระดูกสันหลังของฉุงโยวเวยลงไปอย่างดุดัน
“โอ๊ย!”
ในครั้งนี้ฉุงโยวเวยถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นด้วยความเจ็บปวด และเขาก็กรีดร้องออกมา
ฉุงโยวเวยฟื้นขึ้นมาก็รู้สึกว่ากระดูกสันหลังของเขาเจ็บจนทําให้คนบ้าคลั่ง เขาอยากพลิกตัวไปดู แต่น่าเสียดายที่กระดูกสันหลังของเขาได้รับบาดเจ็บ จนทําให้ไม่มีแรง บวกกับที่ไป๋ยี่เฟยจับเขาไว้แน่น เขาจึงไม่สามารถขยับตัวได้เลย
“ไป๋ยี่เฟย…”
ในที่สุดไป๋ยี่เฟยก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อมองไปยังฉุงโยวเวยในสภาพที่น่าสังเวชเช่นนี้ แต่เมื่อนึกถึงฉินหัวอีกครั้ง หัวใจของเขาก็จมลงอีกครั้ง
เห็นได้ชัดว่าฉินหัวแข็งแกร่งมาก และยังเป็นตำรวจที่ดีมีความซื่อสัตย์ และยังมีภรรยาที่เพิ่งแต่งงานกันใหม่ใหม่ ทำไมถึงต้องมาเละจนกลายเป็นผักเพราะฉุงโยวเวยด้วย?
แล้วบุคคลที่ก่อให้เกิดความหายนะอย่างฉุงโยวเวย ทำไมถึงยังคงมีอยู่ในโลกใบนี้?
ฉุงโยวเวยมองไม่เห็นสีหน้าท่าทางการแสดงออกของไป๋ยี่เฟย และปากของเขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “แกปล่อยฉันไปเถอะ ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะ จริงจริงนะ ฉันจะให้ทุกอย่างที่แกต้องการ แกจะเป็นพี่ใหญ่ของฉัน ….. ”
ไป๋ยี่เฟยชักมีดปอกผลไม้ออกมาอีกครั้ง และส่งเสียงหัวเราะอย่างเย็นชาว่า “ได้สิ!”
เมื่อฉุงโยวเวยได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกสึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที “พี่ชาย แกเป็นพี่ชายของฉัน ฉันจะให้ทุกอย่างที่แกต้องการ!”
เพราะเขาหันหลังให้ไป๋ยี่เฟย และดวงตาของฉุงโยวเวยก็ฉายแววโหดเหี้ยม แต่ไป๋ยี่เฟยมองไม่เห็น และต่อให้เห็นมันก็ไม่เป็นเรื่องเดียวกัน
เพราะตั้งแต่เด็กจนโตฉุงโยวเวยไม่เคยเผชิญกับสิ่งที่เลวร้ายเท่านี้มาก่อน และเด็กบ้านนอกอย่างไป๋ยี่เฟยยังกล้าปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้ เขาจึงแสร้งทำเป็นขอความเมตตาก่อน และรอให้ไป๋ยี่เฟยรู้สึกผ่อนคลายความระแวดระวังก่อน เขาจะให้ไป๋ยี่เฟย คืนทุนร้อยเท่า!
เมื่อไป๋ยี่เฟยเห็นท่าทีสุนัขรับใช้ของฉุงโยวเวย ก็รู้สึกขยะแขยงเป็นอย่างมาก และส่งเสียงหัวเราะเยาะ “ฉันต้องการชีวิตของแก!”
ฉุงโยวเวยหันหน้ากลับไปด้วยความตกใจ และเบิกตาโลงมองไปที่ไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยหยุดพูด พร้อมกับยกมือขึ้น และเล็งมีดปอกผลไม้ไปที่หัวใจของฉุงโยวเวยจากตำแหน่งด้านหลัง ในขณะเดียวกันนั้น ประตูของห้องพิเศษ ก็ถูกเปิดออก
“หยุดเดี๋ยวนะ!”
กู่หรงมาพร้อมกับทีมของเขา
……
เขตเหนือไนต์คลับ
เย่ฮวนขมวดคิ้วและจ้องมองไปที่คนพาลเหล่านั้นที่อยู่ตรงหน้าเขา พวกเขาทำหน้าสะบัดสะบิ้งอยู่อย่างนั้น และมีเพียงเย่อ้ายคนเดียวเท่านั้นที่พวกเขาจะต้องเชื่อฟัง
“ ฉันสามารถช่วยได้ แต่ ฉันจะต้องรู้ว่า ไป๋ยี่เฟยเฟยฆ่าฉุงโยวเวยจริงหรือเปล่า?”
จนถึงตอนนี้ เขายังไม่เชื่อในจุดจุดนี้ และคิดไม่ออกเกี่ยวกับจุดจุดนี้เลย
เมื่อเห็นเช่นนั้น เฉินห้าวก็ยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ “งั้นเอาอย่างนี้ คุณก็ให้คนคุณของไปตรวจสิไม่นานก็จะรู้เอง คาดว่าตอนนี้ผลน่าจะออกมาแล้ว”
เย่ฮวนชะงักเมื่อได้ยินดังนั้น จากนั้นก็เหลือบมองไปที่เลขาฯหญิง
เลขาฯหญิงพยักหน้าอย่างรู้ทัน หล่อนออกไปรับโทรศัพท์ แล้วก็เข้ามาใหม่
สิบนาทีต่อมา
เลขาฯหญิงรับสายอีกครั้ง และเพื่อความสะดวก หล่อนจึงคลิกโดยตรงไปที่เปิดลำโพง
“ฉุงโยวเวยไปที่ไนต์คลับ และโดนไป๋ยี่เฟยเจอตัวเข้า ดังนั้นคนของฉุงโยวเวยจึงตายกันหมดแล้ว รวมทั้งตัวเขาด้วย และไป๋ยี่เฟยก็ถูกตำรวจจับตัวที่นั่นแล้ว”
หลังจากสายถูกวางไป คนในห้องทั้งหมดก็ต่างพากันเงียบ
เฉินห้าวไม่มีปฏิกิริยาอะไร ไม่น่าแปลกที่พวกเขาจะคาดสถานการณ์นี้มาได้ก่อนแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่ใช่เหตุสุดวิสัยอะไรสำหรับพวกเขา
ผู้คนที่อยู่ด้านข้างเย่ฮวนต่างก็พากันตื่นตระหนก
หลี่ป้าถูกไป๋ยี่เฟยฆ่าตายจริง
ฉุงโยวเวยก็ตายเช่นกัน
ไป๋ยี่เฟยตัวคนเดียว เขาทำได้ยังไงกัน?
จู่จู่เย่ฮวนก็รู้สึกหนาวสั่น ไป๋ยี่เฟยคนนี้ ช่างทำให้คนพิศวงเสียจริง!
“ฉันอยากถามว่า หลี่ป้าตายได้ยังไง?” เย่ฮวนถาม
นี่เป็นสิ่งเดียวที่เขาคิดไม่ออก ความแข็งแกร่งของ หลี่ป้านั้นเขารู้ดี แล้วจะนับประสาอะไรกับไป๋ยี่เฟยกันล่ะ แม้ว่าจะมีไป๋ยี่เฟยอีกสักห้าคน ก็ไม่สามารถเอาชนะ หลี่ป้าได้
หลังจากได้ยินคำพูดนั้นแล้วเฉินห้าวก็ตอบอย่างใจดีว่า “ก่อนที่พี่ชายผมจะออกไปเขาขอให้ผมไปที่ร้านขายดอกไม้ไฟ”
ใบหน้าของเย่ฮวนเต็มไปด้วยความงุนงง ทำอะไรที่นั่น? บางทีอาจต้องการซื้อดอกไม้ไฟเพื่อฉลองอะไรหรือเปล่า?
เฉินห้าวพูดต่ออีกว่า “พี่ชายขอให้ผมซื้อประทัด และไฟแช็กมาอันหนึ่ง”
“ประทัด?” เย่หวนเริ่มสงสัยมากขึ้น ประทัดใช้ทำอะไรได้งั้นเหรอ? อย่าบอกนะว่า ประทัดสามารถฆ่าคนได้
เฉินห้าวยิ้ม “ใช่ ประทัด”
เมื่อพูดจบ สวีลั่งก็ขัดจังหวะและพูดว่า “นี่เป็นเหตุสุดวิสัย”
ไม่มีใครคิดได้ว่าจะเกิดเหตุสุดวิสัยได้
เย่ฮวนดูเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้และก็เข้าได้ในทันทีและเขาก็เบิกตาโพลง “นี่ … นี่มันเกือบจะเป็น … ”
มันน่าแปลกมาก!
ใครกันวะพกประทัดตอนจะฆ่าคน?
แต่พอลองคิดดูดีดีแล้ว ถ้าจุดประทัดโดยไม่ทันตั้งตัว มันก็เป็นช่วงที่ศัตรูเผยข้อบกพร่องออกมา และใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที
ก็สามารถกำหนดชะตาชีวิตความเป็นความตายของคนได้
เย่ฮวนตัวสั่น ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำไมต้องมีภาพลวงตาอยู่เสมอว่าตัวเองถูกจุดด้วยประทัด
เมื่อเห็นดังนั้นเฉินห้าวก็เอ่ยปากขึ้นถามว่า “ดังนั้น ประธานเย่ สำหรับปัญหานี้ ต้องการให้เราช่วยอะไรไหม?”
เย่ฮวนเหลือบตามองเฉินห้าว พร้อมกับขมวดคิ้ว จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้ตอบสนองแต่อย่างใดและยังไม่ได้ตอบคำถามของเฉินห้าวเลย
ในเวลานั้นเอง เฉินห้าวก็หยิบเครื่องบันทึกเสียงออกมาเครื่องหนึ่ง และเปิดเล่นเสียงบันทึกนั้น