ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 422
บทที่ 422
หลี่เสว่เก็บขบวนการความคิด พูดอย่างราบเรียบว่า “หวังเทา คุณถูกไล่ออกแล้ว ให้เวลาคุณสิบนาที ฉันไม่อยากเห็นคุณอยู่ในบริษัทอีก มิฉะนั้น ฉันจะเรียกยามรักษาความปลอดภัย”
พูดจบ คนทั้งหลายตะลึงตาค้างแล้ว
ทุกคนล้วนคิดว่าผู้จัดการไม่ว่าเป็นยังไงก็ต้องพิจารณาถึงผลประโยชน์ของบริษัทล่ะ? แต่ผู้จัดการยังมีคำพูดนั้น ก็สามารถพูดได้ว่ายิ่งเด็ดขาดกว่านี้อีกด้วย
หลังจาก หวังเทา งุ่มง่ามสักพัก ไม่สมัครใจอย่างมากที่ตนเองจะถูกไล่ออกแล้วจริงๆ พูดอย่างโหดร้ายว่า “คุณไล่ผมออก คุณจะเสียใจภายหลัง! รอให้ผมพาลูกค้าไปด้วย เป็นคู่แข่งกับบริษัทโดยเฉพาะ ผมจะทำให้พวกคุณเปิดต่อไปอีกไม่ได้!”
ทันทีนั้น บรรยากาศของห้องประชุมตื่นเต้นและจริงจังเหลือเกิน ผู้บริหารชั้นสูงคนอื่นๆ ล้วนแสดงความไม่พอใจออกมา ถ้าหากว่า หวังเทาทำเช่นนี้จริงๆ งั้นพวกเขายังอยู่ในบริษัทนี้ทำอะไรได้ล่ะ? ก็จะสูญสิ้นไปหมด และยังไม่ได้เงินด้วย!
“ประธานหลี่ ถ้าหากว่าคุณยืนยันจะไล่รองประธานหวังออกละก็ งั้นผมไม่ทำแล้ว ผมลาออก”
“ใช่ ผมก็ลาออกด้วย”
“ผมก็ลาออกเช่นกัน…….”
หวังเทาที่เดิมทีคิดว่าจะไปแล้วเห็นสภาพยิ้มทันที ก็ไม่ไปด้วยเช่นกัน ก็แค่ฉากทางนี้ ถ้าหากว่าหลี่เสว่ยังยืนยันกล้าที่จะไล่เขาออก คนที่ไปคงไม่ใช่เขาล่ะ แต่เป็นผู้นำระดับสูงส่วนใหญ่ของบริษัทแล้ว
บริษัทแห่งหนึ่งผู้นำระดับสูงส่วนใหญ่ล้วนถูกพาไปแล้ว บริษัทคงจะบริหารต่อไปได้ยังไง จะสับสนวุ่นวายโดยตรง!
เผชิญหน้ากับสภาพการณ์เช่นนี้ เป็นสิ่งที่หลี่เสว่คาดคิดไม่ถึง แต่ว่าเธอเพียงแค่ขมวดคิ้วแล้วขมวดคิ้วอีก
หนิวจินที่อยู่ข้างๆเป็นห่วงมาก ถ้าหากว่าผู้นำระดับสูงมากขนาดนี้ล้วนไปแล้ว บริษัทอยากที่จะอธิบายได้จริงๆ ในใจอดไม่ได้คิดอยู่ ภรรยาของท่านประธานกรรมการนี้คงไม่เพียงแค่มีแต่ทำท่าเปล่าๆมั้ง?
จากนั้น หลี่เสว่กลับไม่ได้เกิดความสับสนวุ่นวายเลย เพียงแค่รอพวกเขาพูดจบ จึงเอ่ยปากพูดอย่างราบเรียบว่า “หนิวจิน คนที่เมื่อกี้พูดว่าจะลาออก ล้วนจดบันทึกไว้ ”
“ครับ ประธานหลี่” หนิวจินไม่รู้ว่าหลี่เสว่จะทำอะไร แต่คำพูดของหลี่เสว่เขายังต้องเชื่อฟัง
คนทั้งหลายเห็นสภาพนี้ไม่รู้ว่าหลี่เสว่คนนี้อยากจะทำอะไรกันแน่ ได้เพียงแค่สงสัยงงงวยจ้องมองหนิวจิน ที่จดบันทึกชื่อของพวกเขาอยู่จริงๆ
หลี่เสว่หันหน้ามา พูดกับคนทั้งหลายอย่างราบเรียบว่า “ฉันคิดว่า พวกคุณคงยังไม่รู้จักสถานะของฉันทั้งหมด ดังนั้น พวกคุณจึงทำการตัดสินใจอย่างโง่เขลาเช่นนี้”
“หมายความว่าอะไรหรือ?” มีคนถามด้วยจิตใต้สำนึก
หลี่เสว่หัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่ง “รู้ว่าสามีของฉันเป็นใครหรือไม่?”
“ฮ่า?” คนทั้งหลายสงสัยงงงวย ทำไมพูดถึงสามีของเธอแล้วล่ะ? นี่เกี่ยวกับอะไรกับสามีของเธอล่ะ?
หนิวจินอึ้งชะงักเล็กน้อย จากนั้นเข้าใจว่าหลี่เสว่จะพูดอะไรในทันที นัยน์ตากวาดผ่านความชื่นชมเล็กน้อย จากนั้นจ้องมองอย่างเงียบๆ ไม่แทรกคำพูด
หวังเทาเชอะ เสียงหนึ่ง “ผู้หญิงก็คือผู้หญิง เกิดเรื่องแล้ว ก็เพียงแค่รู้จักแต่จะหาสามีหรือ? หาสามีของคุณมีประโยชน์อะไรหรือ? สามีของคุณก็ไม่ใช่อาวุโสของบริษัท หรือว่ายังสามารถช่วยคุณบริหารบริษัทหรือ?”
“พูดได้อีกว่า ถึงแม้ว่าสามีของคุณเก่งเหลือเกิน การตัดสินใจของคุณก็ผิดด้วยเช่นกัน คุณกำลังสูญเสียผลประโยชน์ของบริษัทอยู่ สามีของคุณก็จะไม่เห็นด้วยเช่นกัน!”
หนิวจินหัวเราะเย็นชา หวังเทาคนนี้ช่างเป็นคนโง่คนหนึ่งจริงๆ ไม่ได้ชัดเจนถึงสามีของฝั่งตรงข้ามว่าเป็นใครก็กล้าพูดคำพูดเช่นนี้ คนที่ไม่รู้ยังคงคิดว่าเขาเก่งเหลือเกินนะ!
จากนั้น ไม่เพียงแค่นี้ ยังมีหลายคนพยักหน้าคล้อยตามด้วยอยู่
หลี่เสว่หัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่ง พูดอย่างราบเรียบว่า “ประธานกรรมการโหวจวี๋กรุ๊ป ก็คือสามีของฉัน”
“อะไรนะ?”
คนทั้งหลายตะลึงตาค้างอีกครั้ง อีกทั้งสงสัยว่าหูของตนเองมีปัญหาแล้ว
หวังเทางุ่มง่ามอยู่ที่เดิม “คุณพูดอะไรนะ? ประธานกรรมการโหวจวี๋กรุ๊ปเป็นสามีของคุณหรือ?”
“ใช่” หลี่เสว่ตอบกลับอย่างไร้สีหน้า “คุณพาทรัพยากรของคุณไปได้เลย ฉันไม่แคร์ อยู่เทียนเป่ยเพียงแค่คำพูดของสามีฉันคำเดียว ฉันกล้ารับรองว่าไม่มีบริษัทใดๆที่จะต้องการคุณ”
“แต่ทรัพยากรเหล่านั้นของคุณ สำหรับฉันมากล่าวแล้ว ไม่มีประโยชน์สักนิด”
“ยังมีคนที่อยากจะตามไปด้วยเหล่านั้น ก็สามารถไปด้วยได้เช่นกัน ฉันไม่ขวางไว้ แต่วันนี้ คนที่เพียงแค่เดินออกจากประตูใหญ่นี้ ก็อย่าไปคิดว่าสักวันหนึ่งคงจะกลับมาได้!”
“ตอนนี้ ฉันพูดรอบสุดท้าย หวังเทา คุณถูกไล่ออกแล้ว เชิญคุณออกไปทันที”
“สำหรับคนที่พูดว่าจะลาออกเหล่านั้น จดบันทึกไว้ในสมุดแล้ว ฉันก็ถามรอบสุดท้ายเช่นกัน พวกคุณแน่ใจที่จะลาออกจริงๆหรือ?”
หลี่เสว่ก็ไม่ใช่เป็นคนโง่เช่นกัน แน่นนอนเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไล่คนเหล่านี้ออกจากบริษัทหมดอย่างวู่วาม ไม่อย่างนั้นละก็ บริษัทยังจะบริหารอีกต่อไปได้ยังไงล่ะ? ถึงที่สุด ยังไม่ใช่ทำลายตนเองหรือ? เห็นสภาพนั้น คนทั้งหลายเงียบสนิท ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีกเช่นกันแล้ว
คนนั้นนะเป็นภรรยาของประธานกรรมการโหวจวี๋กรุ๊ปล่ะ สะเปะสะปะคำเดียวก็สามารถตัดสินใจเกิดตายของคนคนหนึ่ง พวกเขายังจะกล้าพูดอะไรอีก
พูดขึ้นมาแล้ว บริษัทนี้ตามที่เล่าลือมาก็คือเมื่อวานถูกโหวจวี๋กรุ๊ปรับซื้อโดยตรงแล้ว ตอนนี้ไม่แน่พูดได้ว่าก็อยู่ภายใต้ชื่อของโหวจวี๋กรุ๊ป งั้นเป็นเช่นนี้ละก็ ยังสามารถพึ่งพาอาศัยแสงของโหวจวี๋กรุ๊ป ยกอัตราการเปิดเผยของบริษัทสูงขึ้นสักหน่อย
ในฉับพลันหวังเทา สั่นระริกพูดว่า “ประธานหลี่ เป็นความผิดของผม ประธานหลี่ เป็นความผิดของผม ผมขอโทษกับท่าน ขอโทษกับท่าน ผมยังมีภรรยากับลูกต้องเลี้ยง ท่านอย่าไล่ผมออกได้ไหม? ผมผิดไปแล้วจริงๆ……”
หลี่เสว่หัวเราะเย็นชาอีกหนึ่งเสียง “มีภรรยากับลูกแล้วยังแต๊ะอั๋งผู้หญิงคนอื่นอีก คนอย่างนี้ บริษัทยิ่งเอาไว้ไม่ได้!”
“ไปเถอะ! ถ้าไม่ไปอีก ฉันจะเรียกยามรักษาความปลอดภัยจริงๆแล้ว”
ทันทีนั้นหวังเทาเหมือนดั่งฟุตบอลถูกปล่อยลมแล้ว นั่งอยู่บนที่นั่งอย่างไร้เรี่ยวแรง เสียใจภายหลังว่าตนเองทำไมต้องไปแต๊ะอั๋งหลี่เสว่ ถึงขนาดยังบังเอิญเป็นภรรยาของท่านประธานกรรมการโหวจวี๋กรุ๊ป
ต้องรู้ว่า ในมือของเขาไม่ว่ามีทรัพยากรกับลูกค้ายังไง ก็ไม่สามารถที่จะเทียบกับโหวจวี๋กรุ๊ปที่ขนาดใหญ่ได้
หวังเทาจ้องมองหลี่เสว่หนึ่งที เห็นไม่มีหนทางที่จะเปลี่ยนแปลงใดๆแล้ว ได้เพียงแค่ลุกขึ้นมา เดินออกไปอย่างรวดเร็ว
คนทั้งหลายจ้องตากัน ยังคิดว่าผู้จัดการที่มาใหม่เป็นเพียงแค่คนทั่วไปคนหนึ่ง ตอนนี้จึงรู้ว่า แม่มึงเอ่ยถึงขนาดเป็นภรรยาของท่านประธานกรรมการโหวจวี๋กรุ๊ป
นี่ไม่ได้ต่างกันกับท่านประธานกรรมการโหวจวี๋กรุ๊ปมาด้วยตนเองเลย
เห็นหวังเทาไปแล้ว หลี่เสว่โล่งอกหนึ่งที ค่อยยังชั่ว เธอโชคดีที่ตนเองมีสามีที่เก่งขนาดนี้ เพียงแค่ยกชื่อของเขาออกมา ก็สามารถเกิดผลกระทบการสั่นสะเทือนสยบได้ดีขนาดนี้ นี่ทำให้เธอรู้สึกภาคภูมิใจในตัวของตัวเองอย่างมาก
จัดการเรื่องนี้จบ หลี่เสว่เข้าสู่ประเด็นหลัก แน่นอนคงยังต้องพูดถึงปัญหาของกระแสความนิยมในบริษัทสักหน่อย ในเมื่อแม้แต่รองผู้จัดการล้วนเป็นลักษณะเช่นนี้ เชื่อว่าข้างล่างก็ยังมีคนเป็นเช่นนี้ด้วย
พูดถึงปัญหาของกระแสความนิยมจบ แน่นอนก็ต้องเป็นแผนการพัฒนาของอนาคตอยู่แล้ว
หลี่เสว่เพิ่งมา แน่นอนไม่พูดคำคุยโวโอ้อวดสักที เธอตามสภาพการณ์ในความเป็นจริง ทำการปรับจุดที่ละเอียดเล็กน้อย รอเวลานานแล้ว เธอเข้าใจอย่างถ่องแท้ ก็สามารถเริ่มทำการวางแผนพัฒนาอย่างแท้จริงเลย
ในฝั่งนี้เธอสบายเป็นเวลาชั่วคราว แต่ไป๋ยี่เฟฝั่งโน้นกลับยากลำบากใจมาก
……
ไป๋ยี่เฟยถูกจับทุ่มไปวันหนึ่งแล้ว ทั้งตัวไม่มีที่ดีสักที่
ตอนเย็นกินข้าวเสร็จก็เหนื่อยจนอยากจะนอนแล้ว ดังนั้นเขาจึงได้พบเห็นปัญหาอย่างหนึ่ง ที่นี่มีเพียงบ้านไม้ห้องหนึ่ง ก็มีแค่เตียงหลังหนึ่งด้วย
เหลียงยู่เดินเข้ามาแล้ว “นอนเร็วสักหน่อยเถอะ พรุ่งนี้อาจารย์จะเข้ามา”
ไป๋ยี่เฟยเงียบไปสักพัก “เตียงหลังหนึ่งจะนอนยังไงหรือ?”
“นอนด้วยกันสิ!” ทันทีที่เหลียงยู่ลืมตาขาว ก็นั่งอยู่ข้างเตียงแล้ว
และไป๋ยี่เฟยที่เดิมทีนั่งอยู่ข้างเตียงคิดว่าจะนอนลงไป ลุกขึ้นมาในทันที ตามด้วยความเจ็บปวดของร่างกาย นั่งอยู่ข้างโต๊ะ “ชายหญิงมิควรถูกเนื้อต้องตัวกัน แม่มึงเอ่ยนอนด้วยกันได้ยังไงหรือ?”
“อีกทั้งผมเป็นคนที่มีภรรยาแล้ว”
เหลียงยู่ ฮึ เสียงเบาๆหนึ่งที “คุณคิดว่าฉันอยากจะนอนกับคุณหรือ! คุณยังได้เปรียบแล้วล่ะ!” ไป๋ยี่เฟยนั่งอยู่ที่นั่นไม่ขยับ
เหลียงยู่นอนลงไปเลย “คุณจะนอนหรือไม่นอน ยังไงก็ตามก็ไม่ใช่ฉันที่จะต้องถูกฝึกทุกวัน!”
ไป๋ยี่เฟยลังเลไปสักพัก ถามว่า “มีผ้าห่มที่เหลือไหม?”
“มี ในตู้ เอาเอง” เหลียงยู่หลับตาตอบไปเสียงหนึ่ง
ไป๋ยี่เฟยทนความเจ็บปวดไว้ลุกขึ้นมา หาผ้าห่มผืนหนึ่งอยู่ในตู้ออกมา ไม่บางไม่หนา พอดีๆ สิ่งที่น่าเสียดายคือ ก็มีแค่ผ้าห่มแบบนี้ผืนเดียวแล้ว
สิ่งที่ไป๋ยี่เฟยคิดก็คือจะปูที่นอนให้กับตนเอง แต่เขาลืมไปแล้ว ปูที่นอนเพียงแค่ผ้าห่มผืนเดียวคือไม่พอนะ
จ้องมองเหลียงยู่ที่นอนอยู่บนเตียงอีกหนึ่งที ไป๋ยี่เฟยส่ายหัว ช่างเขาเถอะ ก็นอนอย่างนี้ล่ะ ห่อตนเองไว้ ฝืนใจนอนก็ได้แล้ว ดีกว่าอยู่กับเหลียงยู่ชายหญิงเพียงลำพัง ทั้งยังอยู่ในป่าเขา นอนเตียงเดียวกัน
“เหว่ย! คุณนอนอยู่บนพื้นไม่กลัวเป็นหวัดหรือ?” เหลียงยู่ทนไม่ได้ลุกขึ้นมา มองเห็นไป๋ยี่เฟยที่ห่อเหมือนดั่งดักแด้นอนอยู่บนพื้น
ไป๋ยี่เฟย อืม เสียงหนึ่ง “ไม่เป็นไร ผมร่างกายแข็งแรง”
เหลียงยู่เห็นสภาพพ่นเสียงหัวเราะเบาๆหนึ่งที “คุณยังนับได้ว่าเป็นสุภาพบุรุษคนหนึ่ง”
เพราะว่าในใจเขามีเพียงแค่หลี่เสว่ ผู้หญิงคนอื่นสวยขนาดไหนก็ไม่ได้
เหลียงยู่ได้ยินคำพูดเหล่านี้พ่นเสียงหัวเราะอีกหนึ่งที สุดท้าย ก็ไม่ได้พูดอะไรด้วย ค่อยๆนอนหลับไปแล้ว