ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 434
บทที่ 434
ในใจเซียวหรงเทา ดังกุ๊กๆเสียงหนึ่ง “เรื่องของเมื่อคืนเป็นการเข้าใจผิด ผมก็ไม่มีทางอื่นเช่นกัน…..”
ไป๋ยี่เฟยไม่เชื่อคำพูดของเซียวหรงเทา เพียงแค่เดินทีละก้าวๆไปยังต่อหน้าเซียวหรงเทา ใช้เพียงแค่เสียงที่พวกเขาทั้งสองคนได้ยินพูดว่า “กลับไปรอนอนอยู่ข้างถนนเถอะ!”
“มีคราวหน้าอีก ผมไม่แคร์ที่จะฆ่าคุณทิ้ง!”
ตอนที่ไป๋ยี่เฟยพูดคำพูดนี้ ปล่อยความอาฆาตของตนเองออกอย่างเหมาะสม
เซียวหรงเทาโดนความอาฆาตของไป๋ยี่เฟยตกใจกลัวจนเหงื่อใหลเต็มตัว ความหวาดกลัวในใจยิ่งมายิ่งรุนแรง
ไป๋ยี่เฟย ฮึ เสียงเบาๆหนึ่งที “ไสหัวออกไป!”
เซียวหรงเทากลืนน้ำลายกลืนแล้วกลืนอีก ดึงแฟนสาวของตนเองออกไปอย่างคับขันลำบาก
คนที่อยู่รอบๆในร้านอาหารชมดูหนังดีเรื่องหนึ่ง และต่างคนต่างกลับไปกินอาหารของตนเอง
ไป๋ยี่เฟยกับหลี่เสว่ล้วนไม่มีอารมณ์กิน ก็เลยขับรถกลับบ้านแล้ว
บนรถ หลี่เสว่คิดถึงคำพูดของไป๋ยี่เฟยเมื่อกี้อยู่ ทนไม่ได้ถามว่า “คุณหาคนไปทุบโรงงานของประธานเฝิงแล้วจริงๆหรือ?”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า “อืม ใช่แล้ว โรงงานแห่งนี้ วันหลังก็เป็นของคุณแล้ว”
“ทุบโรงงานของเขาเพื่อที่จะแก้แค้นให้คุณ ยังไงสิ่งของเหล่านั้นของเขาล้วนเป็นสินค้าคุณภาพต่ำไม่มีราคา ตอนนี้ผมซื้อโรงงานไว้แล้ว วันหลังบริษัทสามารถทำการผลิตด้วยตนเองได้ ก็ไม่ต้องกังวลถึงปัญหาด้านวัตถุดิบแล้ว”
หลี่เสว่ได้ยินคำพูดซาบซึ้งใจอย่างมาก และกลับรู้สึกว่าตนเองไม่เอาไหนมักจะต้องอาศัยความช่วยเหลือของไป๋ยี่เฟยจึงจะทำให้เรื่องสำเร็จ นี่ทำให้เธอมีความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงและความรู้สึกห่างเหินอย่างลึกๆแบบหนึ่ง
หลี่เสว่ถอนหายใจหนึ่งทีอย่างไร้เสียง ตนเองจะต้องพยายามทำมากกว่านี้จึงจะได้
……
ตอนเช้า ไป๋ยี่เฟยจะไปเยี่ยมจางหัวปินคู่สามีภรรยา บอกกับหลี่เสว่สักคำ หลี่เสว่เนื่องเพราะบริษัทเพิ่งเริ่มต้น ไปไม่ได้
ไป๋ยี่เฟยไปโรงพยาบาลโว่หลงก่อน หลังจากเข้าใจสภาพการณ์เล็กน้อยแล้ว ขับรถไปด้วยตนเอง ยังพาหลิวเสี่ยวอิงไปพร้อมกัน
หลิวเสี่ยวอิงคือไม่ว่ายังไงก็จะตามไปด้วย ไป๋ยี่เฟยไม่มีทางออก ได้เพียงแต่พาคนไปด้วยกัน
โรงพยาบาลที่พวกเขาจางหัวปินไปนั้นไม่อยู่ในเมืองเทียนเป่ย แต่อยู่ในเมืองข้างๆเมืองหลงหนาน ถ้าขับรถล่ะก็ต้องใช้เวลาสามชั่วโมงจึงจะถึง
หลังจากลงจากทางด่วน มีทางช่วงหนึ่งเป็นเขตนอกเมือง ระหว่างทาง หลิวเสี่ยวอิงหิวแล้ว มองเห็นข้างทางมีร้านบะหมี่เล็กๆแห่งหนึ่ง เรียกให้หยุดทันที “รีบจอดรถ รีบจอดรถ ฉันจะกินบะหมี่”
ไป๋ยี่เฟยเห็นจ้องมองนาฬิกาหนึ่งทีก็ใกล้จะเที่ยงแล้วด้วย ดังนั้นจอดรถไว้อยู่ข้างถนน
ที่นี่เป็นเขตนอกเมือง ทุรกันดารมาก มีเพียงร้านบะหมี่อย่างนี้แห่งหนึ่ง นอกจากนี้แล้ว แม้แต่บ้านหลังเดียวก็ไม่มี กลับมีแต่ทุ่งนาผืนใหญ่ๆ
ชื่อของร้านบะหมี่เล็กๆแห่งนี้ตามใจมาก ก็เรียกว่าร้านบะหมี่จางจี้ เห็นได้ว่าเถ้าแก่ของร้านบะหมี่แซ่จาง
หลังจากคนทั้งสองลงจากรถเดินเข้าไปยังร้านบะหมี่ เนื่องเพราะสาเหตุที่ทุรกันดาร ในร้านบะหมี่มีเพียงลูกค้าสองสามคนกับเถ้าแก่และเถ้าแก่เนี้ย
ร้านบะหมี่เล็กๆเก่าแก่มาก กำแพงล้วนดำแล้ว โต๊ะเก้าอี้ดูแล้วก็ใช้ไปหลายปีเช่นกัน เห็นลักษณะเหมือนเป็นร้านอาหารเก่าแก่แห่งหนึ่ง
หลังจากไป๋ยี่เฟยกับหลิวเสี่ยวอิงนั่งลงแล้ว เถ้าแก่เนี้ยที่อายุห้าสิบกว่าปีก็เดินเข้ามาถามว่า “ทั้งสองคนจะสั่งอะไรกินหรือ?”
หลิวเสี่ยวอิงมองเมนูอาหารอ่านแล้วอ่านอีก “ฉันจะเอาบะหมี่เนื้อชามหนึ่ง”
ไป๋ยี่เฟยขี้เกียจเลือก “เหมือนกับเธอ”
“ได้ค่ะ ทั้งสองคนโปรดรอสักครู่”
รอเถ้าแก่เนี้ยเดินออกไปแล้ว หลิวเสี่ยวอิง แฮ่ๆ หัวเราะหนึ่งที “รสชาติของคุณเหมือนกับฉันหรือ!”
“ผมเพียงแค่ขี้เกียจเลือก พูดได้อีกว่า บะหมี่เนื้อก็ยังใช้ได้จริงๆ” ไป๋ยี่เฟยตอบกลับอย่างราบเรียบ
หลิวเสี่ยวอิง เบ้ปาก “ยอมรับสักหน่อย ก็ไม่ได้เป็นอะไรหรอก!”
ไป๋ยี่เฟยหัวเราะขมเสียงหนึ่ง “คุณทำไมมักจะเถียงกันกับผมล่ะ?”
“รู้แล้วยังถามเขาอีกหรือ นี่คุณเป็นการกระทำของผู้ชายเฮงซวย” หลิวเสี่ยวอิงพูด ฮึ ฮึ
อยู่ดีๆไป๋ยี่เฟยเหมือนคิดได้ว่า ก่อนหน้านั้นหลิวเสี่ยวอิงเคยบอกกับเขาเหมือนว่าเธอชอบเขาอยู่ ในเวลานั้นเขาปฏิเสธไปแล้ว ก็พูดอย่างชัดเจนมากเช่นกัน แต่ดูเหมือนหลิวเสี่ยวอิงก็ยังมีลักษณะแบบนั้น
“งั้นคุณก็รู้ความคิดของผมเช่นกัน นี่คุณไม่ใช่เป็นการกระทำของผู้หญิงเฮงซวยหรือ?” ไป๋ยี่เฟยตอบโต้ไปคำหนึ่ง
หลิวเสี่ยวอิงจ้องเขม็งไปยังไป๋ยี่เฟย “ฉันเป็นผู้หญิงเฮงซวยแล้วยังไงแล้วล่ะ? ฉันเป็นเพื่อนกับคุณอย่างสง่าผ่าเผย คุณคิดไปถึงไหนแล้วจึงคิดว่าฉันเป็นอย่างอื่นไปล่ะ? ฉันดูแล้วว่าเป็นความคิดคุณไม่เที่ยงตรงมั้ง?” ผ่านไปไม่นาน เถ้าแก่เนี้ยยกบะหมี่เนื้อสองชามเข้ามา
“เชิญทั้งสองคนค่อยๆรับประทาน”
“ขอบคุณค่ะ” หลิวเสี่ยวอิงรับบะหมี่เนื้อไว้ ก็กินอย่างเอร็ดอร่อยขึ้นมาเต็มที่
ตอนที่คนทั้งสองกำลังกินข้าวอยู่ มีลูกค้าเข้ามาอีกคนหนึ่ง เป็นหนุ่มน้อยวัยรุ่นคนหนึ่ง
“เถ้าแก่ บะหมี่ซี่โครงหมูชามหนึ่ง”
คนนั้นนั่งอยู่ข้างหลังของพวกเขา พูดคุยเล่นกับเถ้าแก่เนี้ยอยู่ ดูเหมือนเป็นลูกค้าประจำของที่นี่
ทั้งสองคนกำลังพูดคุยอย่างสนุกอยู่ อยู่ดีๆเถ้าแก่เนี้ยไร้เรี่ยวแรงล้มสลบลงไปเลย
“ป้าหวัง!” ลูกค้าวัยรุ่นคนนั้นพยุงเถ้าแก่เนี้ยไว้ทันที ให้เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้
เถ้าแก่ได้ยินเสียงเดินออกมาทันที ร้อนใจพูดว่า “นี่เกิดอะไรขึ้นแล้วล่ะ? อยู่ดีๆทำไมล้มสลบไปแล้วล่ะ?”
“ไม่รู้สิ…..” ลูกค้าวัยรุ่นก็ร้อนใจมากด้วย “ให้ผมดูป้าหวังหน่อย”
“เอ๊ะ ให้คุณดูหรือ? คุณตรวจโรคเป็นหรือ? ผมทำไมไม่รู้ล่ะ?” เถ้าแก่จางดูเหมือนไม่ค่อยอยากจะเชื่อเขา “ไม่ได้ ผมยังคงจะส่งเธอไปโรงพยาบาลดีกว่า!”
“เชื่อผม” วัยรุ่นพูดอย่างมั่นคงมากว่า “ผมดูลักษณะของป้าหวังเหมือนโดนยาพิษแล้ว”
“อะไรนะ? โดนยาพิษหรือ?” เถ้าแก่จางยากที่จะเชื่อ “โดนยาพิษอะไรหรือ?”
ลูกค้าอีกสามคนดูความคึกคัก
“นี่เป็นยุคสมัยไหนแล้ว ยังโดนยาพิษอยู่หรือ?”
“ใช่สิ ทำจนเหมือนดั่งหนังวรยุทธ แค่กินข้าวยังจะสามารถโดนยาพิษหรือ?”
“อย่าฟังเขาพูดเหลวไหล รีบส่งไปโรงพยาบาล! ถ้าหากเป็นโรคฉับพลันอะไรก็ไม่ดีแล้ว!”
เถ้าแก่จางเห็นสภาพรู้สึกเห็นด้วย “ไปไป ผมส่งไปโรงพยาบาล”
วัยรุ่นคนนั้นยืนหยัดพูดว่า “ป้าหวังโดนยาพิษแล้วจริงๆ ผมแก้ยาพิษได้”
แต่ว่าเถ้าแก่จางไม่เชื่อเขา มัวแต่จะพยุงป้าหวังออกไป
ไป๋ยี่เฟยเห็นแล้ว จ้องมองหลิวเสี่ยวอิงหนึ่งที “คุณไปดูหน่อยล่ะ?”
หลิวเสี่ยวอิงกินบะหมี่คำสุดท้าย เช็ดปากแล้วเช็ดปากอีก นี่จึงลุกขึ้นมา
“ฉันเป็นหมอ ให้ฉันดูหน่อยเถอะ!” หลิวเสี่ยวอิงเดินเข้าไปพูด
“คุณเป็นหมอหรือ?”
เถ้าแก่จางเห็นหลิวเสี่ยวอิงก็เป็นเพียงแค่สาวน้อยอายุยี่สิบกว่าปีคนหนึ่งเท่านั้น ถ้าบอกว่าเป็นหมอเขาไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ ถ้าบอกว่าเป็นพยาบาลก็ยังพอว่าหน่อย
ลูกค้าสามคนก็คิดอย่างนี้เช่นกัน
“สาวน้อย คุณอายุน้อยขนาดนี้ เป็นหมอได้ยังไงหรือ? หมอไม่ใช่ล้วนมีอายุแล้วหรือ?”
“ใช่สิ ผมเห็นว่ามากที่สุดคุณเป็นเพียงแค่พยาบาลคนหนึ่ง”
“ใช่สิ วัยหนุ่มสาวปัจจุบันนี้อ่า ก็ชอบไปบอกว่าตนเองเป็นหมอทุกที่ แท้ที่จริงแล้วก็เป็นเพียงแค่พยาบาลเล็กๆคนหนึ่ง”
หลิวเสี่ยวอิงฟังแล้วโมโหเหลือเกิน “บอกแล้วฉันเป็นหมอ พวกคุณไม่เชื่อก็อย่าทำให้ฉันช่วยคนล่าช้า!”
เถ้าแก่จางลำบากใจอย่างมาก “สาวน้อย คุณเป็นหมอจริงๆหรือ? งั้นน่าจะมีบัตรทำงานล่ะ?”
หลิวเสี่ยวอิงหยุดชะงัก “ฉันออกจากบ้านไม่ทันตั้งตัว ไม่ได้พกมา”