ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 44
บทที่ 44
เขานึกว่าครั้งนี้จะเจรจางานกับโหวจวี๋กรุ๊ปได้สำเร็จ บริษัทจะได้เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และไป๋ยี่เฟยที่เคยดูถูกเขา สุดท้ายก็จะเป็นแค่ขยะที่เขาไม่อยากสนใจ
ตอนนี้ ความเป็นจริงกลับตบหน้าเขาอย่างแรง คนที่เขาเคยคิดว่าไม่มีประโยชน์ ตอนนี้กลับกลายเป็นผู้จัดการใหญ่ของโหวจวี๋กรุ๊ป
จ้าวเผิงคิดถึงคำพูดที่เยาะเย้ยไป๋ยี่เฟยเมื่อครู่ ทันใดนั้นรู้สึกใบหน้าแสบร้อน ไม่กล้ามองไป๋ยี่เฟยอีก
ไป๋ยี่เฟยมองจ้าวเผิง ทำจมูกฟุดฟิดพูดว่า “เมื่อกี้ได้ยินนายบอกว่า อยากร่วมงานกับโหวจวี๋กรุ๊ป แต่ว่าต้องเสียใจด้วย บริษัทนายไม่อยู่ในสายตาโหวจวี๋กรุ๊ป
“วันหลัง อย่าคิดที่จะได้ร่วมงานกับโหวจวี๋กรุ๊ปอีก รวมถึงบริษัทสาขาย่อยด้วย”
พูดจบ จ้าวเผิงก็เงยหน้าขึ้นทันที จ้องหน้าไป๋ยี่เฟยตาไม่กะพริบ
จ้าวเผิงกำหมัดตัวเองไว้แน่น อยากลุกไปต่อยหน้าไป๋ยี่เฟยมาก แต่เขาทำไม่ได้ ฐานะตอนนี้ของไป๋ยี่เฟยไม่เหมือนเดิมแล้ว คำพูดแค่คำเดียว ก็ทำให้บริษัทเขาล้มละลายได้
ประธานบริษัทอื่น ๆ ได้แต่มองไม่มีคนพูด ผู้จัดการใหญ่ของโหวจวี๋กรุ๊ปคนนี้มาเป็นตัวแทนของประธานบริษัท พวกเขาไม่กล้าขัดใจ
“ฮา ๆ ๆ ผู้จัดการใหญ่ไป๋ มาครับมา กำลังรอท่านมาพอดี พวกเรานั่งลงค่อย ๆ คุยกันดีกว่า”
ไป๋ยี่เฟยยืนอยู่กับที่ พูดขึ้นเสียงเรียบ “ไม่ต้องแล้ว วันนี้ผมมาแค่อยากบอกพวกคุณว่า วันหลังงานเลี้ยงแบบนี้ก็จำเป็นแล้ว ประธานบริษัทผมยุ่งมาก ไม่ว่าง”
พูดจบ ก็หันหลังเดินจากไปแบบไม่หลิวหลัง
ทุกคนในห้องอาหารได้แต่มองหน้ากัน อึ้งอยู่กับที่
เวลานี้จ้าวเผิงเข้าใจแล้ว ตอนแรกผู้จัดการใหญ่ของหลันโปกั่งเคยบอกเขาว่า เขาได้ล่วงเกินคนใหญ่โตคนหนึ่ง ดูจากตอนนี้แล้ว คนที่เขาหมายถึงก็คือไป๋ยี่เฟย
เพราะผลกระทบจากไป๋ยี่เฟยครั้งที่แล้วถึงถูกหลันโปกั่งปฏิเสธการร่วมงานกัน ตอนนี้เขาก็มาในนามตัวแทนโหวจวี๋กรุ๊ป ปฏิเสธการร่วมงานกับบริษัทของเขาอีก แบบนี้แล้วจากนี้ไปบริษัทของเขาจะมีหนทางอะไรอีก?
ไป๋ยี่เฟยออกมาจากห้องอาหารแล้ว ก็ขมวดคิ้ว งานเลี้ยงกินข้าวแบบนี้ช่างไม่เหมาะกับเขาเลย วุ่นวาย
ขึ้นรถเตรียมตัวกลับบ้าน ก็ได้รับโทรศัพท์ของหลี่เสว่ “ไป๋ยี่เฟย แม่บอกให้เราสองคนกลับไปกินข้าวที่บ้าน”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า ก็ขับรถตรงไปที่บ้าน แต่ในใจคิดแต่เรื่องของนิวซีกรุ๊ป
เมื่อครู่หลี่เสว่ก็บอกเขาว่า นิวซีกรุ๊ปกดดันหลี่ซื่อกรุ๊ปอีกแล้ว
อีกอย่าง ก่อนหน้านี้ไอ้หน้าแผลมีดก็สืบไม่เจอข้อมูลของนิวซีกรุ๊ปเลย รู้แค่ว่าเจ้าของบริษัทพักอยู่ที่หลันโปกั่ง
ไป๋ยี่เฟยคิดหนักในใจ เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับบริษัทนี้เลย ตอนนี้เดาได้แค่ว่าพวกเขามีความแค้นกับหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้วอย่างอื่นไม่รู้อะไรเลย
จากนั้น หลงหลิงหลิงก็โทรมา
“ประธานไป๋ ช่วงบ่ายวันนี้คนที่กลับมาบอกว่าฝั่งนิวซีกรุ๊ปเปิดปากพูดว่า ไม่ว่าราคารับซื้อเท่าไหร่ก็ได้ แต่มีข้อแม้เดียว ก็คือโจมตีหลี่ซื่อกรุ๊ป ไม่เพียงแค่ให้ล้มละลาย ยังต้องทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงด้วย
ไป๋ยี่เฟยแววตาสลด “รู้แล้ว ยึดเวลาไว้ก่อน ผมขอคิดดูก่อน”
เขารู้สึกสงสัยมาก
นี่มันความโกรธแค้นอะไรกัน ถึงต้องทำถึงขั้นนี้?
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ไป๋ยี่เฟยกับหลี่เสว่มาถึงบ้านพร้อมกัน
เมื่อทั้งสองเข้าไปในบ้านก็พบว่า ข้างนอกนอกจากหลิวจื่อหยุนหลี่เฉียงตงแล้ว ยังมีหลิ่วจาวเฟิง
ทั้งสามคนกำลังคุยกันอย่างสนุก
“เสว่เอ๋อกลับมาแล้ว รีบมานั่งเร็ว ช่วงนี้ทำงานคงเหนื่อยน่าดู” หลิวจื่อหยุนรีบลุกขึ้นไปดึงตัวหลี่เสว่ไปนั่ง
แต่หลี่เสว่เห็นหลิ่วจาวเฟิงแล้วสีหน้าก็เย็นชา รู้สึกไม่พอใจ
ไป๋ยี่เฟยแค่กวาดตามองไปรอบหนึ่ง
ไม่ต้องคิดก็รู้ ว่าต้องเป็นแม่ยายแน่ที่เรียกคนมา
หลิ่วจาวเฟิงลุกขึ้น ยิ้มทักหลี่เสว่ แต่หลี่เสว่ไม่ได้สนใจ
และไป๋ยี่เฟยเดินตามหลี่เสว่ กำลังจะนั่งลงที่โซฟา หลิวจื่อหยุนก็พูดขึ้น “ไป ๆ ๆ อย่านั่งตรงนี้ บังแขกดูทีวี”
หลี่เสว่มองไปที่ไป๋ยี่เฟย อยากพูด แต่ไป๋ยี่เฟยส่งสายตาเตือน ก็เลยไม่ได้พูดอะไร
หลิ่วจาวเฟิงจ้องหน้าไป๋ยี่เฟยอย่างได้ใจ พูดกับหลี่เสว่ “เสว่เอ๋อ ผมเพิ่งซื้อบ้านเดี่ยวหลังหนึ่งที่หลันโปกั่ง พอดีเลยอีกหน่อยผมก็รับส่งคุณทำงานได้”
“ไม่ต้อง ฉันมีรถ” หลี่เสว่ขมวดคิ้วปฏิเสธ
หลิวจื่อหยุนพูดขึ้น “ลูกนี่ คุณชายหลิ่วเขาอุตส่าห์มีน้ำใจ ปฏิเสธทำไมล่ะ? อีกอย่าง มี คุณชายหลิ่วรับส่ง ลูกก็มีเวลาพักผ่อนเยอะหน่อย ไม่ต้องลำบากขับรถเองให้เหนื่อย”
“ใช่ เสว่เอ๋อ ให้ผมรับส่งคุณทำงานเถอะนะ” หลิ่วจาวเฟิงยิ้มพูด
หลี่เสว่ก็ไม่ค่อยพอใจนัก “ไม่ต้อง ฉันขับรถเองก็พอ”
ก่อนหน้านี้ไป๋ยี่เฟยติดคุก เธอเคยขอให้หลิ่วจาวเฟิงให้ช่วย จนถึงตอนนี้เธอก็ยังรู้สึกไม่พอใจ ยิ่งเธอก็ไม่ชอบเขาแต่เดิมแล้ว
หลิ่วจาวเฟิงรู้สึกเสียหน้า แต่ก็ยังรักษาความสุภาพไว้ ยิ้มจาง ๆ
ไม่นาน กับข้างก็เสร็จ
บนโต๊ะกินข้าว หลิวจื่อหยุนคุยกับหลิ่วจาวเฟิงตลอดเวลา คำพูดทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นคำพูดที่อยากให้หลิ่วจาวเฟิงคบหากับหลี่เสว่
ไป๋ยี่เฟยไม่พูดไม่จา แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่โกรธ
เขาอยู่ตรงหน้าแท้ ๆ หลิวจื่อหยุนก็พูดว่าให้หลี่เสว่หย่ากับเขา ให้คบกับหลิ่วจาวเฟิง ผู้ชายคนไหนได้ยินแบบนี้ก็ล้วนไม่พอใจทั้งนั้น
“แม่ ผมกับเสว่เอ๋อก็อยู่กันดี ๆ ไม่หย่ากันหรอกครับ” ไป๋ยี่เฟยทนไม่ไหวจนต้องพูดขึ้น
หลิวจื่อหยุนหันหน้ามาตอบเสียงแหลม “เธอบอกไม่หย่าก็ไม่หย่าเหรอ? เสว่เอ๋ออยู่กับคนไม่มีประโยชน์อย่างเธอมีอะไรดี? เรื่องงานช่วยอะไรไม่ได้ก็แล้วไป ในชีวิตก็ไม่เห็นจะมีอะไรดีสำหรับเสว่เอ๋อ”
“แม่ เขาช่วยหนูเยอะมาก พวกแม่ไม่รู้เอง” หลี่เสว่อธิบาย
“ช่วยลูกอะไร? ทำไมแม่ไม่รู้ ลูกก็แค่ช่วยเขาหาข้ออ้าง” หลิวจื่อหยุนไม่เชื่อว่าไป๋ยี่เฟยจะช่วยอะไรหลี่เสว่ได้
แต่หลี่เสว่รู้ดี กิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ปสามารถคุยเรื่องกองทุนสำเร็จก็เพราะความช่วยเหลือจากไป๋ยี่เฟย แต่วันนี้เธอยังนั่งในตำแหน่งประธานบริษัทได้ ก็เพราะว่าไป๋ยี่เฟยทั้งหมด
เวลานี้ หลี่เฉียงตงพูดขึ้น “ที่จริงแล้วยี่เฟยก็ใช้ได้ ช่วงนี้ก็เพิ่งซื้อรถซื้อบ้านให้เสว่เอ๋อไม่ใช่เหรอ? ผมว่าก็ดีออก”
“ดีตรงไหน” ภาพพจน์ไป๋ยี่เฟยในสายตาหลิวจื่อหยุนฝังลึกมาก นอกจากจะพิสูจน์ว่าไป๋ยี่เฟยดีกว่าหลิ่วจาวเฟิง เป็นลูกเขยห่อทอง มิฉะนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะรู้สึกดีกับไป๋ยี่เฟย
“ชื่อรถหนึ่งคันบ้านหนึ่งหลังก็จบเหรอ? คุณจะไปรู้อะไร ตัวเองก็ไม่ได้เรื่องไร้ประโยชน์ เฮ้อ”
หลี่เฉียงตงได้ยินแล้วก็รู้สึกจุก ได้แต่ก้มหน้ากินข้าว
หลี่เสว่มองพ่อแม่แล้วก็รู้สึกเหนื่อยใจ
หลิ่วจาวเฟิงได้โอกาสก็พูดต่อ “เสว่เอ๋อ ผมแค่รับส่งคุณทำงานเอง ไม่ได้คิดอะไรอย่างอื่น”
“เสว่เอ๋อ……” หลิ่วจาวเฟิงอยากพูดอะไรต่ออีก แต่โดนไป๋ยี่เฟยขัดขึ้นก่อน
“เสว่เอ๋อเป็นเมียผม คนที่จะรับส่งก็ต้องเป็นผม เกี่ยวอะไรกับคุณ?”
หลิ่วจาวเฟิงได้ยินแล้วก็พูดเสียดสีขึ้น “นายมีรถใช้รับส่งได้เหรอ?”
ไม่รอให้ไป๋ยี่เฟยพูด หลิ่วจาวเฟิงก็พูดต่อ “รับส่งของนายของไม่ใช่จะให้เสว่เอ๋อไปนั่งเบียดรถแมล์ด้วยกันหรอกนะ หรือว่าจะขี่จักรยานยนต์ไฟฟ้า? นายไม่กลัวคนในบริษัทจะหัวเราะเยาะเสว่เอ๋อเหรอ?”