ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 440
บทที่ 440
หลังจากฉางเชี่ยวได้ยินแล้วทันทีนั้นนึกถึงข่าวที่เขาสืบได้เมื่อกี้ “สาเหตุที่ข้างกายของไป๋ยี่เฟยไม่มีคนปกป้องอยู่ คือเนื่องเพราะตอนนี้เขามีความสามารถปกป้องตนเองแล้ว”
“อ่า?” ฉุงลี่หย่าสงสัยงงงวยจ้องมองเขา “เขามีความสามารถอะไรปกป้องตนเองหรือ?”
ฉางเชี่ยวส่ายหัวต่อๆกัน “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ อีกทั้งผมเพิ่งสืบได้ข่าวว่าเขาหายตัวไปหนึ่งเดือน ก็คือไปฝึกฝนแล้ว แต่คนที่ฝึกฝนเขาคนนั้น……..สรุปก็คือ ฝีมือการต่อสู้ของเขาในตอนนี้ไม่ควรประมาท”
“เรื่องนี้ให้ผมมาทำเถอะ คุณเป็นคนของตระกูลฉุง สิ่งที่เป็นตัวแทนคือตระกูลฉุง ถ้าหากว่าคนของสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงรู้ว่าคือคุณส่งคนไปฆ่าไป๋ยี่เฟย คิดว่าตระกูลฉุงจะต้องโดนสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงกดขี่ ยิ่งมากกว่านี้ตระกูลอื่นๆทั้งสามก็จะร่วมมือขึ้นมากดขี่ตระกูลฉุงเช่นกัน”
“ฉันรู้แล้ว” สีหน้าของฉุงลี่หย่าขึงลับในทันที เธอแค่นึกถึงว่าจะแก้แค้นให้กับฉุงโยวเวย ไม่ได้นึกถึงสิ่งที่ลึกล้ำขนาดนั้น
ตอนนี้นึกขึ้นมาแล้ว เธอมาถึงที่นี่ล้วนเพิ่มความยุ่งยากให้กับฉางเชี่ยว
ฉางเชี่ยวตัวคนเดียวไปฆ่าไป๋ยี่เฟย นี่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับฉุงลี่หย่าสักนิด ก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลฉุงด้วย แต่ว่าเธอตอนนี้มาแล้ว ถึงแม้ว่าไม่ใช่เป็นเธอทำ เป็นฉางเชี่ยวทำ งั้นเนื่องเพราะความสัมพันธ์การหมั้นระหว่างพวกเขา ก็จะถูกพูดกลายเป็นความเกี่ยวข้องกับตระกูลฉุงเช่นกัน
ถึงเวลานั้น ถึงแม้ว่าเธอมีปากสิบปากก็พูดได้ไม่ชัดเจน ก็ยังจะตกกระไดพลอยโจนกับตระกูลฉุงอีก
ฉางเชี่ยวจนใจถอนหายใจหนึ่งที “เอาล่ะ ไม่ต้องไปคิดแล้ว รอข่าวของผมเถอะ!”
“อืม” ฉุงลี่หย่ากะพริบตาต่อๆกัน “งั้นพี่ฉางเชี่ยวคิดได้รึยังว่าจะฆ่าไป๋ยี่เฟยยังไง?”
ฉางเชี่ยวส่ายหัว “ยังคิดไม่ออก”
จะฆ่าไป๋ยี่เฟยไม่ง่าย ไป๋ยี่เฟยไม่เพียงมียอดฝีมือปกป้อง แม้แต่ตนเองก็ยังมีความสามารถปกป้องตนเองด้วย เพียงเขาคนเดียวพละกำลังไม่เพียงพอ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา
เขาจำเป็นต้องคิดวิธี มีเพียงตนเองกับไป๋ยี่เฟย แบบนี้ล่ะก็ เขามีความมั่นใจเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่จะฆ่าไป๋ยี่เฟยได้
……
ช่วงเช้าวันที่สอง ไป๋ยี่เฟยนั่งอยู่ในออฟฟิศ ได้รับข้อความของฉางเชี่ยว
“ผมคือฉางเชี่ยว ถ้าเป็นลูกผู้ชายพรุ่งนี้สองทุ่ม พบกันที่โรงงานกระดาษในเขตใต้นอกเมือง”
“นี่คือใครล่ะ?”
ไป๋ยี่เฟยไม่รู้สถานะของฉางเชี่ยวเลย ได้รับข้อความแบบนี้รู้สึกประหลาดใจ มีความมึนงงเล็กน้อย คิดไปสักพัก ก็ยังส่งข้อความกลับไปให้ฝั่งตรงข้าม
“คุณเป็นใครหรือ?”
ฉางเชี่ยวที่อยู่ในข้อความฝั่งโน้นหลังจากเห็นเนื้อหาแล้วงุ่มง่ามหนึ่งวินาที นี่จึงตอบกลับว่า “ผมคือฉางเชี่ยว เป็นเพื่อนของฉุงโยวเวย ผมจะแก้แค้นแทนฉุงโยวเวย พรุ่งนี้สองทุ่มเจอกันที่โรงงานกระดาษในเขตใต้นอกเมือง มาเพียงคนเดียว พาคนมาด้วยเป็นสุนัข”
หลังจากไป๋ยี่เฟยเห็นข้อความอีกครั้งพูดไม่ออกเต็มใบหน้า
อันดับแรก รู้ถึงสถานะของฉางเชี่ยว เขาสามารถสืบคนนี้สักหน่อย ที่สอง สมองของคนคนนี้ผิดปกติใช่หรือไม่ คำพูดสุดท้ายนั้นล้วนไม่เหมือนเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งที่ควรพูด?
รอสักครู่ ไม่ใช่เป็นผู้ใหญ่หรือ? หรือว่าเป็นสาวน้อยคนนั้นที่พบเจอเมื่อวานล่ะ?
ไป๋ยี่เฟยหยิบมือถือขึ้นมา โทรไปหาเฉินห้าว “ห้าวจื่อ ไปสืบคนคนหนึ่งที่ชื่อว่าฉางเชี่ยวสักหน่อย ข้อมูลทั้งหมดที่สืบมาได้ผมจะเอาทั้งหมด”
“ได้ครับ พี่” เฉินห้าววางสายลงลงมือสืบหาข้อมูลในทันที
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ไป๋ยี่เฟยได้รับข้อมูลจากเฉินห้าวแล้ว
ฉางเชี่ยว ผู้ชายอายุยี่สิบห้าปี นักต่อสู้ เคยได้รับเหรียญทองการแข่งขันการต่อสู้ ระดับประเทศ
เป็นเพื่อนตั้งแต่เด็กกับฉุงโยวเวย หลังจากอายุแปดปีฝึกการต่อสู้ได้ออกจากเมืองหลวง ช่วงนี้เพิ่งกลับมา ฉุงลี่หย่าเป็นคู่หมั้นของฉางเชี่ยว ฉุงลี่หย่าเป็นน้องสาวของฉุงโยวเวยอายุสิบแปดปี
หลังจากไป๋ยี่เฟยอ่านสิ่งเหล่านี้เสร็จครุ่นคิดนานมาก ฉางเชี่ยวคนนี้มาหาเขาแก้แค้นเป็นเนื่องเพราะฉุงโยวเวย แต่ว่าเขาไม่ใช่ไปตั้งแต่อายุแปดปีแล้วหรือ? ความผูกพันตอนเด็กๆขนาดนี้ ก็สามารถจดจำจนถึงปัจจุบันนี้ได้หรือ?
ยังมีฉุงลี่หย่าคนนั้น ในสมองของไป๋ยี่เฟยกวาดผ่านความนึกคิดเล็กน้อย ดูเหมือนมีอะไรกวาดผ่านไป ตอนที่อยากจะจับไว้ก็ผ่านไปแล้ว อะไรก็นึกไม่ออกเช่นกัน
ไป๋ยี่เฟยก็ไม่ยึดติดเรื่องนี้เช่นกัน ก้มหัวตอบข้อความของฉางเชี่ยว “ผมไม่ไป”
หลังจากฉางเชี่ยวได้รับข้อความตะลึงตาค้างแล้วรีบส่งกลับไปว่า “ทำไมหรือ?”
ไป๋ยี่เฟยไม่ตอบข้อความของฉางเชี่ยวอีก แต่คือจัดการเอกสารของบริษัท
……
ฉางเชี่ยวจ้องมองมือถือขมวดคิ้วขึ้นมา ฉุงลี่หย่าที่อยู่ข้างๆเห็นสภาพถามว่า “ไป๋ยี่เฟยตอบกลับมาว่ายังไงหรือ?”
“เขาบอกว่าเขาไม่ไป”
ฉุงลี่หย่า ฮึ เสียงเบาๆเสียงหนึ่ง “ฉันก็รู้ว่าจะต้องเป็นแบบนี้แน่นอน ไป๋ยี่เฟยเขาไม่มีความกล้าหาญไปตามนัดด้วยตัวคนเดียว ก็เป็นคนกลัวตายคนหนึ่งไม่ใช่หรือ!”
ฉางเชี่ยวกลับไม่รู้สึกเช่นนี้ แม้ว่าฝั่งตรงข้ามไม่ได้บอกเหตุผลแต่เขารู้สึกได้ว่า ย่อมไม่ใช่เรื่องเพราะไม่กล้ากลัวตายจึงไม่ไปตามนัดแน่นอน แต่กลับรู้สึกเหมือนว่าเซ็งมาก ไม่อยากสนใจเท่านั้น
นึกถึงตรงนี้ สีหน้าฉางเชี่ยวขึงลับแล้วขึงลับอีก ดูแล้วเขาน่าจะต้องไปหาไป๋ยี่เฟยด้วยตนเองแล้ว
……
หลังจากไป๋ยี่เฟยจัดการเรื่องของบริษัทแล้วก็ได้ไปโรงพยาบาลโว่หลงอีกครั้ง
อย่างไม่ประหลาดใจสักนิด พบเจอกับหลิวเสี่ยวอิงอีกครั้ง
“ทำไมทุกครั้งมาล้วนสามารถเจอกับคุณได้ล่ะ?” ไป๋ยี่เฟยไม่อาจจะไม่ทอดถอนใจคำหนึ่ง
หลิวเสี่ยวอิง เชอะ เสียงหนึ่ง “เดิมทีฉันก็อยู่ในโรงพยาบาลอยู่แล้ว คุณมาโรงพยาบาลไม่พบเจอฉัน ยังอยากจะเจอกับใครล่ะ?”
“ใช่แล้ว เฝิงจั๋วเป็นยังไงแล้วล่ะ?” ไป๋ยี่เฟยนึกถึงวัยรุ่นคนนั้นขึ้นมา
พูดถึงเฝิงจั๋วหลิวเสี่ยวอิงตื่นเต้นดีอกดีใจพูดว่า “เฝิงจั๋วนั้นไม่เคยเรียนหมอจีนมาก่อนจริงๆ แต่ว่าไม่รู้ว่าเป็นยังไง เขามีปฏิกิริยาไวต่อยาพิษเป็นพิเศษ เพียงแค่ดม ก็รู้ว่าส่วนประกอบของยาพิษ จากนั้นค่อยทำยาถอนพิษขึ้นมา คุณว่าเก่งหรือไม่?”
หลังจากไป๋ยี่เฟยได้ยินแล้ว ตาทั้งคู่สว่างขึ้น “คิดไม่ถึงจะเก่งขนาดนี้!”
“วันหลังอยู่ด้านนี้ กลับไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว” หลิวเสี่ยวอิงหัวเราะ แฮ่ๆพูดว่า “พูดได้ว่า ถ้าหากว่าเจอกับเขาเร็วกว่านี้หน่อย ก่อนหน้านั้นหลังจากคุณกับเสว่เอ๋อโดนยาพิษแล้ว ก็สามารถแก้ได้อย่างง่ายดายแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่จำเป็นต้องมีเรื่องเหล่านั้นเช่นกัน”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้าต่อๆกัน จริงอย่างที่พูด ถ้าหากว่าเจอกับเฝิงจั๋วเร็วหน่อย งั้นเขาก็ไม่ต้องเป็นห่วงร่างกายของหลี่เสว่ และหลี่เสว่ก็จะไม่ความจำเสื่อมกลายเป็นเด็กด้วย ตนเองยิ่งจะไม่เกือบตาย
“แต่น่าเสียดาย บนโลกใบนี้ไม่มีเรื่องที่ดีสมบูรณ์แบบมากมายขนาดนั้น” ไป๋ยี่เฟยพูดอย่างราบเรียบ
พอดีถึงเที่ยงแล้ว ทั้งสองคนคิดว่าจะไปกินข้าวด้วยกัน