ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 454
บทที่ 454
“ไม่” เย่ฮวนส่ายหัว “แค่มาดูเป็นพยาน เพราะว่าฉันเป็นคนเอาโหวจวี๋กรุ๊ปให้คุณหลิ่วดูแล”
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกงง เย่ฮวนเอาโหวจวี๋กรุ๊ปให้หลิวจาวเฟิงดูแล?
เย่ฮวนอธิบาย “ไป๋หยุนเผิงเอาโหวจวี๋กรุ๊ปให้ตระกูลเย่ดูแล และคุณหลิวคือคนที่ตระกูลเย่ให้มาดูแลโหวจวี๋กรุ๊ป พูดแบบนี้แล้ว นายคงเข้าใจแล้วนะ?”
ถ้าเย่ฮวนเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ แบบนี้น่าจะแปดเก้าสิบเปอร์เซ็นต์คือเรื่องจริง
เพียงแค่ไป๋ยี่เฟยยังคิดไม่ตก ไป๋หยุนเผิงทำไมต้องทำแบบนี้? เอาโหวจวี๋กรุ๊ปให้คนอื่นง่ายดายแบบนี้ แต่ก็ไม่น่าให้เย่ฮวน
อีกอย่าง เรื่องทั้งหมดเขาไม่รู้วี่แววแม้แต่น้อย ทำให้เขาอยู่นอกสถานการณ์อย่างมึนงง ถูกพวกเขาโจมตีแบบไม่รู้ตัว
หลิ่วจาวเฟิงเห็นสีหน้าไป๋ยี่เฟย รู้สึกดีใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน “ไป๋ยี่เฟย ในที่สุดนายก็ลงมาจากที่สูงจนได้”
“เพราะฉะนั้น?” ไป๋ยี่เฟยสีหน้าไร้อารมณ์ ถึงแม้เขาจะยอมรับความจริงนี้แล้ว แต่ผ่านอะไรมามากมาย เขาก็ไม่ให้คนอื่นเสียดสีหรือรังแกเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
หลิ่วจาวเฟิงเดินเข้าใกล้ไป๋ยี่เฟย ใช้เสียงที่ได้ยินแค่เขาสองคน “เพราะฉะนั้น เห็นนายไม่เหลืออะไร ท่าทางทรุดโทรม ฉันมีความสุข”
“อีกอย่าง ตอนนี้นายไม่เหลืออะไรแล้ว ฉันเชื่อว่าเสว่เอ๋อก็ไม่เอานายแล้ว สุดท้ายเธอก็ต้องเป็นของฉัน ฮาฮา…..”
ไป๋ยี่เฟยหัวเราะ เอียงหน้ามองสีหน้าได้ใจของหลิ่วจาวเฟิง “ไอ้โง่”
“แก” หลิ่วจาวเฟิงหน้าดำทันที “แกด่าฉันเหรอ?”
หลิ่วจาวเฟิงโมโห ใช้มือดึงคอเสื้อของไป๋ยี่เฟยไว้ อยากจะชกไป๋ยี่เฟย
เย่ฮวนเห็นแล้วก็รีบห้าม “อย่าลงมือ”
แต่หลิ่วจาวเฟิงถูกความดีใจในชัยชนะทำให้ลืมตัว บวกกับท่าทางน่าหมั่นไส้ของไป๋ยี่เฟย จนไม่ได้สนใจอะไรเลย กำหมัดแน่นแล้วชกไปที่หน้าของไป๋ยี่เฟย
แต่ว่าหมัดกำลังยกขึ้น ก็ถูกไป๋ยี่เฟยจับแขนไว้ ยกขึ้นข้ามไหล่ล้มลงกับพื้น
“อ้าก”
“ป้าง”
เสียงดังขึ้น รวมกับเสียงตกใจของคนรอบข้าง
“เถ้าแก่”
ไป๋ยี่เฟยก้มหน้ามองหลิ่วจาวเฟิง “ถึงฉันจะไม่เหลืออะไร นายอยู่ในสายตาฉัน ก็ไม่ใช่อะไรเลย”
พูดประโยชน์นี้จบ ไป๋ยี่เฟยก็เดินจากไป
เย่ฮวนเห็นแล้วก็ส่ายหัว “น่าเสียดาย ถ้าไม่ใช่คู่แข่งกัน ก็เป็นคนเก่งที่น่าร่วมงาน”
หลิ่วจาวเฟิงยืนขึ้น อยากตะโกนด่า จากนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองอยู่หน้าประตูโหวจวี๋กรุ๊ป ทำแบบนี้จะทำลายภาพพจน์ของเขาได้ จึงต้องทนไว้
เวลานี้ พนักงานรักษาความปลอดภัยที่ดูอยู่ก็ทำตัวไม่ถูก เขาจะทำยังไงดี? คนคนนี้เป็นประธานโหวจวี๋กรุ๊ปคนใหม่จริง อย่างนี้เขาต้องตกงานแล้วใช่ไหม?
หลิ่วจาวเฟิงโมโหไป๋ยี่เฟย ไม่มีใจคิดถึงเรื่องพวกนี้ แต่พาคนของตัวเองเดินเข้าไปในตึก ให้พวกเขาไปประจำตำแหน่งระดับสูง จากนั้นก็ไปถึงห้องทำงานไป๋ยี่เฟย
“ถุย ไม่มีอะไรเลยยังกล้าอวดดี ครั้งหน้าถ้าจับแกได้ คอยดูว่าจะทำยังไงแก” หลิ่วจาวเฟิงตะโกนด่าในออฟฟิศ
ด่าไปสักพัก หลิ่วจาวเฟิงคิดถึงไป๋ยี่เฟยกำลังถูกตระกูลฉุงตามล่า “ไป๋ยี่เฟย ฉันจะคอยดูว่าแกจะมีชีวิตอยู่ได้สักกี่วัน?”
…..
หลังจากไป๋ยี่เฟยจากไป ก็ขับรถไปอย่างไร้จุดหมาย
ไม่เหลืออะไรเลยกะทันหันแบบนี้ ไป๋ยี่เฟยพูดไม่ออกว่ามันเป็นความรู้สึกแบบไหน มีความผ่อนคลาย มีความตึงเครียด มีความอึดอัด
คนเรานั้น บางอย่างมันไม่ใช่ของเราอยู่แล้ว ก็ไม่ได้ไปคิด จึงไม่มีความรู้สึก แต่วันหนึ่งได้มันมา จากนั้นก็สูญเสียมันไป ความรู้สึกแบบนั้น กับความรู้สึกเดิมที่ไม่มีอะไรเลยมันไม่เหมือนกัน
ต้องมีความไม่ยอมแพ้และผิดหวังบ้าง
ความรู้สึกของไป๋ยี่เฟยตอนนี้ก็ประมาณนั้น เพราะฉะนั้นเขาจึงขับรถไปอย่างไร้จุดหมาย ไม่รู้ว่าจะขับไปไหน ขับไปอย่างนั้น
สุดท้าย ไป๋ยี่เฟยขับไปหนึ่งรอบ ก็ขับกลับมาที่โหวจวี๋กรุ๊ปด้วยสัญชาตญาณ แต่ว่ารถจอดอยู่ที่ลานกล้างที่ไม่ไกลนัก ไม่ได้จอดที่โหวจวี๋กรุ๊ป
ไป๋ยี่เฟยลงจากรถ นั่งบนเก้าอี้ยาวข้างถนน
สักพัก ไป๋ยี่เฟยก็หัวเราะตัวเองขึ้นมา “ไม่เหลืออะไรแล้วจริงๆ……”
เพื่อนรักในอดีตหักหลัง เมียก็ไม่รู้ไปไหน บริษัทเปลี่ยนเจ้าของ แม้กระทั่งผู้ช่วยก็นำเงินหมื่นล้านหนีไปแล้ว เพื่อน ครอบครัว การงาน ทุกอย่างจากเขาไปหมดแล้ว
ไป๋ยี่เฟยนั่งบนเก้าอี้ยาวอย่างอ้างว้าง มีคนเดินไปมาบ้าง ก็ไม่มีคนสงสัยว่าคนคนนี้ทำไมนั่งอยู่ตรงนี้
ถ้ามีคนสังเกต ก็จะพบว่า พื้นที่เล็กๆนี้ มีความเศร้าโศกและความเคร่งเครียดอยู่บ้าง
……
โหวจวี๋กรุ๊ป หลิ่วจาวเฟิงชื่นชมตำแหน่งประธานบริษัทไม่นาน ทนายสาวสวยคนเมื่อครู่ก็วิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน “ท่านประธาน แย่แล้ว โหวจวี๋กรุ๊ปมีปัญหาการเงิน”
พูดจบ ทนายสาวสวยก็ยื่นรายงานงบการเงินให้กับหลิ่วจาวเฟิง
หลิ่วจาวเฟิงก้มหน้ามอง แล้วเบิกตากว้าง “โถ่เอ้ย นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?”
โหวจวี๋กรุ๊ปไม่มีเงินในบัญชีสักบาท ไม่เพียงแค่นี้ เพราะว่าโครงการมากมาย ยังเป็นหนี้ธนาคารอยู่หลายแห่ง รวมแล้วก็หลายหมื่นล้าน
เวลานี้ ทนายสาวสวยพูดขึ้นอีก “อีกอย่างเมื่อกี้ฉันถามฝ่ายการเงินแล้ว หัวหน้าการเงินบอกว่าวันนี้ผู้ช่วยของประธานคนเดิม เอาเงินบริษัทไปหมื่นล้าน”
คำว่า “เหี้ยเอ้ย” บรรยายความรู้สึกของหลิ่วจาวเฟิงตอนนี้ไม่ได้แล้ว เขาอยากทักทายบรรพบุรุษของไป๋ยี่เฟยรอบหนึ่ง มึงนี่มัน มันตั้งใจทำแบบนี้ใช่ไหม?
คิดถึงจุดนี้ หลิ่วจาวเฟิงรีบโทรหาเย่ฮวน เล่าเรื่องนี้ให้ฟัง
เย่ฮวนยิ่งตกใจ แต่เขาคิดว่าไป๋ยี่เฟยไม่น่ารู้เรื่องนี้ล่วงหน้า เพราะฉะนั้น……เรื่องบังเอิญ?
ไม่ว่ายังไง เย่ฮวนทำได้เพียงเอาเงินออกจากบริษัทตัวเองเพื่อลงทุนเข้าโหวจวี๋กรุ๊ป เพื่อทำให้โหว่จวี๋สกรุ๊ปสามารถเดินงานได้ สำหรับเรื่องอื่นค่อยเป็นค่อยไป
วางสายแล้ว เย่ฮวนก็อดคิดไม่ได้ นี่มันบังเอิญเกินไปไหม?
จากที่เขาสืบมา หลงหลิงหลิงเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของไป๋ยี่เฟย ตามหลักแล้วไม่น่าหักหลังไป๋ยี่เฟย แต่เธอกลับเอาเงินแล้วหนีไป เวลาก็พอดีขนาดนี้ เป็นเวลาก่อนพวกเขามา
แต่ไป๋ยี่เฟยมีความสามารถรู้เรื่องมากขนาดนี้?
เป็นไปไม่ได้
สัญญาเพิ่งเซ็นแล้วเอามาเมื่อวาน ไป๋ยี่เฟยไปรู้เรื่องนี้จากไหน?
คิดไม่ตก เย่ฮวนคิดได้แค่มันเป็นความโชคดีของไป๋ยี่เฟย
“น่าเสียดายจริงๆ……”
จะโชคดีแค่ไหน ก็ต่อต้านความกดดันพวกนี้ไม่ได้ ไม่ว่ายังไงเขาก็อ่อนเกินไป
……
ไป๋ยี่เฟยนั่งบนเก้าอี้ยาวครึ่งชั่วโมง สวีลั่งโทรมา
“อยู่ไหนครับ?”
ไป๋ยี่เฟยมองโหวจวี๋กรุ๊ปไกลๆ “อยู่ระหว่างทาง”
“ออ” พูดจบ สวีลั่งก็วางสาย
เก็บมือถือแล้ว ไป๋ยี่เฟยก็ถอนหายใจยาว แล้วมองไปที่ตึกสำนักงานโหวจวี๋กรุ๊ป จากนั้นก็ขึ้นรถขับออกไปโดยไม่หันกลับไปมองอีก
โรงพยาบาลโว่หลง
ไป๋ยี่เฟยเพิ่งเดินเข้าไป ก็เห็นข้างในมีคนยืนเรียงกันเป็นแถว
ไป๋หู่ สวีลั่ง หลิวเสี่ยวอิง เฉินห้าว จงเหลียน เฉินอ้าวเจียว แม้กระทั่งจางหัวปินกับอู๋ซินซินก็อยู่
อู๋ซินซินใส่แว่นกันแดด ใบหน้ามีรอยยิ้มเล็กน้อย ไป๋ยี่เฟยรู้ว่าการผ่าตัดของเธอราบรื่น
วินาทีนี้ ไป๋ยี่เฟยเข้าใจแล้ว เขา ไม่ใช่ไม่เหลืออะไรเลย
เขายังมีคนกลุ่มนี้คอยสนับสนุนเขาอยู่ข้างหลัง