ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 463
เราจะทยอยไล่แก้ให้ยามว่างอยากให้แก้เรื่องไหนคอมเมนต์ไว้นะคะ
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่463
ความจริงตั้งแต่ที่หลงหลิงหลิงจากไป ไป๋ยี่เฟยก็ให้จางหัวปินคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของหลงหลิงหลิงและยังให้คนไปตามหาเธอด้วยเหมือนกัน แต่น่าเสียดายที่ไม่ว่าจะเป็นบ้านเกิดของเธอหรือในเมืองเทียนเป่ยก็หาเธอไม่เจอเลย
หลังสั่งงานเสร็จไป๋ยี่เฟยก็เข้าไปอาบน้ำอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พาไป๋หู่กับสวีลั่งไปที่โรงพยาบาลโว่หลง
หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นจางหัวปินก็ได้ส่งข้อความมาบอกว่าหาไม่เจอ
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกร้อนรน “ไม่มีเบาะแสสั่งนิดเลยเหรอครับ?”
จางหัวปินส่ายหน้า “แต่ผมมีข้อสันนิษฐานอย่างหนึ่งนะ”
“ตอนนี้โหวจวี๋กรุ๊ปเป็นของตระกูลเย่ พอเธอเอาเงินไปแบบนี้ คนที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดที่จะไปตามหาเธอก็คือคนของตระกูลเย่” จางหัวปินบอกข้อสันนิษฐานของตัวเองออกมา
แววตาของไป๋ยี่เฟยหยั่งลึกลงไป เขาเองก็เคยคิดถึงจุดนี้เหมือนกัน แค่ไม่มีอะไรมายืนยันเท่านั้น เขาไม่กล้าเดินดุ่มๆ เข้าไปหาเย่ฮวน ที่สำคัญวันนี้ยังเป็นวันแต่งงานของเย่ฮวนอีกด้วย มันยิ่งดูไม่เหมาะเข้าไปอีก
“ถ้าจะเอาแต่ทายกันไปมาอยู่ตรงนี้ เราเข้าไปถามเลยไม่ดีกว่าเหรอครับ?” สวีลั่งพูดขึ้น
ทุกคนจ้องมาที่เขา จากนั้นหลิวเสี่ยวอิงก็พูดขึ้นว่า “ใช่ ไปถามเลยดีกว่า ฉันกลัวว่าถ้ามัวชักช้าหลงหลิงหลิงอาจเป็นอันตรายได้”
ไป๋ยี่เฟยนวดที่หว่างคิ้ว แล้วเห็นมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะ เขาก็นึกขึ้นได้ว่าข้อมูลนี้เมื่อเช้าหลินขวางเป็นคนโทรมาบอกเขาเอง ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มีทางรู้หรอกว่าหลงหลิงหลิงกำลังอยู่ในอันตราย
และหลินขวางยังบอกอีกว่าเอาเรื่องนี้มาจากไป๋เซี่ยว แสดงว่าไป๋เซี่ยวจะต้องรู้แน่ว่าหลงหลิงหลิงตอนนี้อยู่ที่ไหน!
พอไป๋ยี่เฟยคิดได้ เขาก็รีบหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาไป๋เซี่ยวทันทีโดยไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย
ถึงแม้ไป๋ยี่เฟยจะไม่อยากคุยกับไป๋เซี่ยวนัก แต่เพื่อความปลอดภัยของหลงหลิงหลิงแล้วเขาจำเป็นต้องถามไป๋เซี่ยว ที่สำคัญกว่านั้น ตอนนี้คนเดียวที่สามารถบอกได้ว่าหลงหลิงหลิงอยู่ที่ไหนก็มีเพียงไป๋เซี่ยวคนเดียวเท่านั้น
แต่พอเอามือถือขึ้นมาดู เขาก็ได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้มีช่องทางการติดต่อของไป๋เซี่ยวเลย
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้ว จากนั้นก็หันไปบอกกับจางหัวปินว่า “ช่วยหาช่องทางการต่อของไป๋เซี่ยวให้ผมที”
จางหัวปินอึ้งไป จากนั้นก็หยิบมือถือของตัวเองออกมาแล้วโทรออกไปเป็นการใหญ่
สิบนาทีหลังจากนั้น จางหัวปินก็แจ้งหมายเลขชุดหนึ่งให้ไป๋ยี่เฟย ไป๋ยี่เฟยก็รีบโทรหายเบอร์นั้นทันที
“ฮัลโหล?” เสียงที่สงสัยของไป๋เซี่ยวดังขึ้น เพราะเขาไม่รู้ว่าคนที่โทรหาตัวเองเป็นใคร
พอไป๋ยี่เฟยได้ยินเสียงของไป๋เซี่ยวแล้วมันก็ทำให้เขาเกิดความรู้สึกไม่มั่นใจ จากนั้นเขาก็สูดหายใจเข้าลึกๆ “ฉันเองไป๋ยี่เฟย แกรู้ใช่มั้ยว่าหลงหลิงหลิงอยู่ที่ไหน?”
ไป๋ยี่เฟยถามไปโดยไม่ได้สนใจว่าไป๋เซี่ยวจะแสดงพฤติกรรมอย่างไร
ไป๋เซี่ยวอึ้งไป “พี่จะมาถามเรื่องนี้กับผมทำไม?”
“แล้วแกคิดว่าไงล่ะ?” ไป๋ยี่เฟยพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์
ไป๋เซี่ยวขำออกมา “นี่พี่ พี่อย่าเพิ่งโกรธสิครับ ผมแค่ถามดูเท่านั้นแหละ สรุปนี่ผมมีพี่สะใภ้แล้วใช่มั้ยครับ?”
“แกต้องการอะไร พูดมาได้เลย” ไป๋ยี่เฟยทนไม่ไหวที่ไป๋เซี่ยวเอาแต่นอกเรื่องแล้ว เห็นๆ อยู่ว่าไม่อยากบอก มันจึงทำให้ไป๋ยี่เฟยคิดได้ว่าเขาต้องมีจุดประสงค์แน่ๆ
แต่มันกลับไม่ใช่อย่างที่ไป๋ยี่เฟยคิด
“พี่ครับ จุดประสงค์อะไรกันครับ เราเป็นพี่น้องแท้ๆ นะ! พี่จะมองผมแบบนี้ไม่ได้นะครับ!”
ไป๋ยี่เฟยอยากจะอ้วกกับพฤติกรรมของไป๋เซี่ยว เขาไม่นึกเลย ว่าคนที่เป็นเบื้องหลังที่จะฆ่าเขานั้น พอโทรหาแล้วจะทำตัวสนิทสนมกับเขาแบบนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรังเกียจ
“ไม่ต้องมาเล่นลิ้น แกต้องการอะไร?” ไป๋ยี่เฟยเสียงดังขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
พอไป๋เซี่ยวได้ยินอย่างนั้นก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ก็ได้ครับ ถ้าพี่พูดมาขนาดนั้น ผมจะยอมบอกให้ก็ได้ครับ”
“ก่อนหน้านี้หลงหลิงหลิงเธออยู่ที่ หมู่บ้านซีหลิน แต่ว่านะ ตอนนี้คงไม่อยู่แล้วล่ะครับ” ไป๋เซี่ยวค่อยๆ พูดอย่างใจเย็น “ผมเพิ่งได้รับข้อมูลมาว่า คนของตระกูลเย่หาเธอเจอแล้ว”
แววตาของไป๋ยี่เฟยกระตุก “ตอนนี้เธออยู่ที่ตระกูลเย่เหรอ?”
“น่าจะใช่นะ” ไป๋เซี่ยวตอบ “พี่ลองไปถามเย่ฮวนดูก็ได้นะ วันนี้เป็นวันแต่งงานของเขาไม่ใช่เหรอ? มันทันเวลาพอดีแถมพี่ยังเป็นตัวแทนของตระกูลไป๋ไปแสดงความยินดีด้วยเลยก็ได้นะครับ”
“นี่พี่ครับ พี่ไม่ต้องรีบร้อนก็ได้นะ ตอนนี้หลงหลิงหลิงมีเงินก้อนโตขนาดนั้นอยู่ในมือ ตระกูลเย่ไม่ทำอะไรเธอหรอก ดังนั้นพี่สามารถเลือกของขวัญที่เหมาะสมสักชิ้นแล้วค่อยไปก็ไม่สายครับ”
ไป๋ยี่เฟยพูดด้วยเสียงที่ทุ้มลึกว่า “ฉันรู้แล้ว แต่ฉันจะไม่ไปในนามของตระกูลไป๋หรอก อีกอย่าง อย่ามาเรียกฉันว่าพี่ มันน่าขยะแขยง”
พูดจบไป๋ยี่เฟยก็ชิงวางสายไปก่อน
“ไปบ้านตระกูลเย่กัน”
พูดจบ ทุกคนก็ลุกขึ้นเตรียมที่จะออกเดินทาง
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง คนกลุ่มหนึ่งก็ได้นั่งรถหลายคันมุ่งไปทางเป่ยไ