ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 466
ที่466
หลิวเสี่ยวอิงที่เป็นคนอารมณ์ร้อนตอนนี้เธอทนไม่ไหวอีกแล้ว “ใครบอกกัน? ใครที่ไร้ค่า? คุณคิดว่าตัวเองเก่งนักรึไง? คุณยังคิดอยู่ใช่มั้ยว่ามีเงินแล้วจะซื้ออะไรก็ได้? หยาบคายที่สุด!”
“นี่คุณ!” หม่าเฉิงรู้สึกเสียหน้าแล้ว จากความอายก็เปลี่ยนเป็นความโกรธ ในขณะที่เขากำลังจะทำอะไรบางอย่าง จู่ๆ เขาก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาจากทางด้านหลังของพวกเขา เป็นผู้หญิงที่เขาจะล่วงเกินไม่ได้เด็ดขาด
เย่อ้าย
“หือ นี่มันพี่ไป๋ไม่ใช่เหรอคะ?” เย่อ้ายที่ใส่ชุดเดรสสีน้ำเงินกำลังเดินดุ่มๆ เข้ามา
ไป๋ยี่เฟยกับหลิวเสี่ยวอิงรีบหันหน้าไปมอง พอเห็นว่าเป็นเย่อ้ายสีหน้าของทั้งคู่ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
แต่หม่าเฉิงนั้นกำลังร้อนรนมาก คุณหนูตระกูลเย่กำลังพูดคุยกับสองคนนี้อยู่อย่างนั้นเหรอ? คุณหนูตระกูลเย่รู้จักกับสองคนนี้เหรอ? อีกฝ่ายเป็นแค่คนทั่วไปเท่านั้นไม่ใช่เหรอ?
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ” ไป๋ยี่เฟยพูดออกมาอย่างเรียบเฉย
เย่อ้ายขำออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ “เราสองคนไม่ได้เจอกันนานมากแล้วจริงๆ!”
หม่าเฉิงยืนดูอยู่ข้างๆ เริ่มมีเหงื่อไหลออกมาแล้ว จากนั้นเขาก็หันไปกล่าวทักทายเย่อ้าย “คุณหนูเย่ สวัสดีครับ”
เย่อ้ายแค่เหล่ตามองเขาเท่านั้น จากนั้นก็หันมาจ้องที่ไป๋ยี่เฟย “นี่พี่ไป๋ การที่คุณมาถึงที่นี่ แสดงว่าหาทางออกให้ตัวเองได้แล้วใช่มั้ยคะ?”
ไป๋ยี่เฟยตอบไปด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย “เรียบร้อยแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้น ก็ขออวยพรให้พี่ไป๋โชคดี” เย่อ้ายขำออกมา จากนั้นก็ตบๆ ที่ไหล่ของไป๋ยี่เฟย แล้วเขย่งขาขึ้นมากระซิบข้างหูไป๋ยี่เฟยว่า “อย่าตายง่ายๆ ล่ะ”
พูดจบ เย่อ้ายก็เดินจากไปทันที
เธอไม่สนใจหรอกว่าไป๋ยี่เฟยมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง และจะไม่ไปสืบหาด้วยว่าทั้งที่ไม่ได้รับเชิญแล้วไป๋ยี่เฟยมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ยังไงซะ ผลลัพธ์ที่ออกมามันก็ไม่มีทางเปลี่ยนไปอยู่ดี
หลิวเสี่ยวอิงมองตามเย่อ้ายที่เดินจากไปด้วยความรู้สึกที่ไม่ค่อยชอบใจนัก จากนั้นเธอก็หันมาถลึงตาใส่ไป๋ยี่เฟย
หม่าเฉิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ตอนนี้กำลังร้อนรนมาก บทสนทนาเมื่อกี้ทำให้เขานึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง นั่นก็คือ ชายคนนี้มีความสัมพันธ์อะไรบางอย่างกับตระกูลเย่ แถมยังมีโอกาสที่จะร่วมมือกันอยู่ด้วย ดังนั้นเมื่อกี้เย่อ้ายถึงได้ถามไป๋ยี่เฟยว่าคิดหา ‘ทางออก’ ได้แล้วใช่มั้ย
แถมเย่อ้ายยังบอกอีกว่าขอให้เขาโชคดี มันก็แสดงว่าทั้งคู่ต้องไม่ได้รู้จักกันแค่ผิวเผินแน่
หม่าเฉิงหวนนึกถึงคำพูดที่เขาเพิ่งพูดไปเมื่อกี้ นี่มันตบหน้ากันชัดๆ ความรู้สึกที่ร้อนผ่าวบนใบหน้ามันหนักขึ้นเรื่อยๆ
แต่ไป๋ยี่เฟยกับหลิวเสี่ยวอิงกลับไม่มีกะจิตกะใจสนใจเขานัก จนถึงขั้นไม่สนใจเลยก็ว่าได้ ทั้งคู่แค่เดินจากไปเฉยๆ
เย่อ้ายรู้ถึงการมาของพวกเขาแล้ว จากคำพูดของเย่อ้ายเมื่อกี้ก็สามารถรู้ได้ว่ากำลังมีนักฆ่ามากมายต้องการฆ่าไป๋ยี่เฟย แค่ยังไม่ยอมลงมือแค่นั้น
พอเดินมาถึงจุดที่ห่างจากผู้คน ทั้งคู่ก็พูดคุยกันเบาๆ
“เมื่อกี้เย่อ้ายพูดอะไรกับคุณเหรอคะ?” หลิวเสี่ยวอิงถาม
“เธอบอกว่าผมอย่าตายง่ายๆ ล่ะ”
พอหลิวเสี่ยวอิงได้ฟังเธอก็อึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็ทำเสียงฮึดฮัด “มาตงมาตายอะไร มันนั่นแหละที่ต้องตาย! หึ!”
ไป๋ยี่เฟยไอออกมาเบาๆ “เย่ฮวนน่าจะใกล้กลับมาถึงแล้ว”
แผนที่พวกเขาวางไว้ก็ควรที่จะเริ่มได้แล้วเหมือนกัน
พอหลิวเสี่ยวอิงได้ยินอย่างนั้นเธอก็พยักหน้า แล้วทำหน้าจริงจังขึ้นมาทันที
ไป๋ยี่เฟยหันมามองหน้าเธอ “คุณเองก็ระวังตัวด้วยนะครับ ผมต้องไปแล้ว”
หลิวเสี่ยวอิงพยักหน้า แล้วใช้สายตาส่งไป๋ยี่เฟยที่เดินตรงไปยังตำแหน่งที่อยู่หน้าห้องโถง ที่ตรงนั้นเป็นที่ที่เย่ฮวนจำเป็นต้องเดินผ่าน – – เย่ฮวนจำเป็นต้องจูงมือเจ้าสาวของเขาเดินผ่านตรงนั้น
หลิวเสี่ยวอิงยังคงยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหน
ตอนนั้นเอง หม่าเฉิงที่เพิ่งทำใจเสร็จก็เดินผ่านมา “คนสวย แฟนคุณไปไหนแล้วเหรอครับ?”
“อ๋อ ไปข้างหน้าแล้ว” หลิวเสี่ยวอิงตอบไปโดยไม่ได้ใส่ใจอะไร
หม่าเฉิงเห็นว่าโอกาสมาแล้ว ถึงเมื่อกี้จะขายหน้ามาก แต่เขาก็ยังอยากที่จะรู้ความสัมพันธ์ระหว่างไป๋ยี่เฟยกับหลิวเสี่ยวอิงอยู่ดี ถ้ามันดีมากๆ ละก็เขาก็คงจะหมดหวังแล้วจริงๆ
แต่ถ้ามันไม่ได้ดีขนาดนั้น ไม่แน่เขาอาจจะลองแย่งดูอีกครั้งก็ได้
“เมื่อกี้ผมได้ยินคุณหนูเย่เรียกเขาว่าพี่ไป๋ เขาแซ่ไป๋เหรอครับ?” หม่าเฉิงถามขึ้น
หลิวเสี่ยวอิงพยักหน้า “อืม”
หม่าเฉิงถามต่อ “คุณหนูเย่กับคุณไป๋เขาสนิทกันมากมั้ยครับ? ดูแล้วพวกเขาน่าจะร่วมงานกันอยู่ใช่มั้ยครับ?”
หลิวเสี่ยวอิงเหล่ตามองเขา พอนึกถึงท่าทางที่เย่อ้ายเข้าใกล้เมื่อกี้ เธอก็ส่งเสียงฮึดฮัดออกมา “ไม่สนิท และไม่ได้ร่วมงานกันด้วย”
“หา?” หม่าเฉิงถึงกับงง “แล้วพวกเขา……”
“แค่รู้จักกันเท่านั้น ไม่สิ ต้องเรียกว่าคู่กัดกันถึงจะถูก!” หลิวเสี่ยวอิงรู้สึกว่ามันต้องเป็นแบบนั้น เย่อ้ายใช้วิธีต่างๆ นาๆ เพิ่งให้ได้โหวจวี๋กรุ๊ปของไป๋ยี่เฟยมาเป็นของตัวเอง ส่วนไป๋ยี่เฟยก็จับเย่อ้ายไปขังไว้นานขนานนั้น บวกกับความสัมพันธ์ที่มีต่อเย่ฮวน มันจึงกลายเป็นความสัมพันธ์แบบคู่กันไปโดยปริยาย
ไม่เพียงเท่านั้น น่าจะถึงขั้นเป็นศัตรูกันแล้วล่ะ
พอหม่าเฉิงได้ยินอย่างนั้น สายตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที ที่แท้ก็เป็นคู่กัดกันนี่เอง
“คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ไม่แน่ผมอาจจะช่วยดูอะไรได้บ้าง คุณหนูเย่เองก็ประทับใจคลินิกความงามของผมอยู่เหมือนกัน คนคุ้นเคยกันทั้งนั้น ผมสามารถช่วยพูดให้ได้นะ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ของพวกคุณให้ดีขึ้นอีกนิด”
หลิวเสี่ยวอิงได้ยินอย่างนั้นก็มองเขาด้วยความแปลงใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
หม่าเฉิงนึกว่ามันยังไม่พอเขาจึงพูดต่อว่า “ถ้ายังไม่ได้ ผมสามารถไปหาท่านประธานเย่ได้นะครับ ผมเองก็รู้จักกับประธานเย่เหมือนกัน ผมพอจะพูดอะไรได้นิดหน่อย แต่จะได้ผลรึเปล่านั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับคุณไป๋แล้ว”
“ไม่ต้องหรอก” หลิวเสี่ยวอิงขี้เกียจอธิบาย
“ไม่เป็นไรครับ เพื่อคุณแล้วผมสามารถไปช่วยพูดให้ได้”
ประธานเย่จ้องมาที่หลิวเสี่ยวอิง จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ปนเสียดายว่า “คนสวยๆ อย่างคุณต้องมาลงเอยกับผู้ชายแบบนี้มันไม่คุ้มเอาซะเลย! ดูสิเขายังไปมีเรื่องกับคุณหนูเย่อีก คงต้องใช้ชีวิตอย่างลำบากมากแน่ๆ!”
“คุณลองหันมาพิจารณาผมก็ได้นะครับ ถึงผมจะเทียบกับตระกูลเย่ไม่ได้ แต่ผมก็ยังสามารถทำให้คุณมีความเป็นอยู่ที่ดีได้ และยังสามารถซื้อของที่คุณอยากจะซื้อได้อีกด้วย ทำในสิ่งที่คุณอยากทำ เรื่องเงินๆ ทองๆ ไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิด”
“ผู้หญิงน่ะ ก็ควรเลือกคนที่ดีกับตัวเองหน่อย และต้องหาคนที่สามารถมอบความสุขให้คุณได้”
พอหลิวเสี่ยวอิงฟังคำพูดทั้งหมดนั้นจบ เธอก็สูดหายใจเข้า “คุณหม่าคะ ผู้ชายดีๆ เขาไม่วัดกันที่เงินทองหรอกนะคะ ฉันแค่รู้สึกว่า ผู้ชายที่ดีควรจะอยู่ในทุกที่ที่ผู้หญิงต้องการ! แต่ไม่ใช่ทรัพย์สิน!”
“สิ่งที่คุณพูดมา ฉันไม่สนใจเลย ดังนั้น คุณช่วยเลิกมายุ่งวุ่นวายกับฉันซะที!”
พูดจบ หลิวเสี่ยวอิงก็หันหลัง เธอจะไปที่อื่นแล้ว หม่าเฉิงช่างน่ารำคาญจริงๆ
สิบนาทีให้หลัง พวกพนักงานก็ไปตั้งแถวตรงหน้าประตูอย่างรวดเร็ว ยืนเรียงกันเป็นสองแถว เพื่อเปิดทางให้กับบ่าวสาวที่ใกล้มาถึงแล้ว
“บ่าวสาวมาถึงแล้ว!”
ไม่รู้ว่าใครตะโกนขึ้น ทุกคนในงานต่างก็มองเป็นตาเดียวกัน และยังเบียดกันไปยังที่ที่พนักงานยืนเรียงกันอยู่
ท่ามกลางสายตาของคนทั้งงาน เย่ฮวนที่อยู่ในชุดสูทก็ได้เดินจูงมือเฝิงเซียนเซียนที่สวมชุดเจ้าสาวสีขาวเข้ามา
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการที่เย่ฮวนเลือกเฝิงเซียนเซียนเป็นเจ้าสาวของตัวเองนั้นต้องมีเหตุผลอยู่ ส่วนเป็นเหตุผลอะไรนั่นมันก็ไม่ชัดเจนเหมือนกัน แต่อย่างน้อยก็ดูออกว่าเฝิงเซียนเซียนนั้นมีหน้าตาที่สวยมาก ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือเรือนร่างก็ดูดีมาก
“ว้าว! สวยจังเลย!”
“จริงด้วย ประธานเย่นี่ช่างโชคดีจริงๆ ที่มีเจ้าสาวที่สวยขนาดนี้!”
“อืมอืม ช่างน่าอิจฉาจริงๆ!”
“ยินดีกับบ่าวสาวด้วย ขอให้รักกันไปนานๆ!”
“……”
ผู้คนต่างพากันพูดเยินยอเย่ฮวนกับเฝิงเซียนเซียน และถือโอกาสพูดอวยพรไปด้วย
เย่ฮวนเดินจูงมือเฝิงเซียวเซียวให้เดินไปข้างใน พร้อมกับกล่าวขอบคุณด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
ผู้คนยืนอยู่สองข้างของพนักงาน ดูคึกคักเป็นพิเศษ มีบางคนที่ต้องการเห็นหน้าเจ้าสาวก็เริ่มเบียดเข้ามาเพื่อดันให้ตัวเองได้ไปอยู่ข้างหน้า
พอเบียดมาก็เกิดปัญหาขึ้นทันที
“โอ้ย แม่งเอ๊ย! ใครผลักฉันเนี่ย!”
ชายคนหนึ่งที่ดูธรรมดาถูกผลักออกมาข้างนอก จนชนเข้ากับเย่ฮวนอย่างจัง
เย่ฮวนเสียหลัง จนทำให้เจ้าสาวเกือบเสียหลักไปด้วย แต่โชคยังดีที่เจ้าสาวไม่ได้ถูกผลัก จึงได้ตั้งหลักเอาไว้ได้ก่อนแต่คนที่ถูกผลักออกมาไม่ได้โชคดีแบบนี้
หลังจากที่เฉินห้าวชนเข้ากับเย่ฮวนจนเย่ฮวนถอยหลังไปสองก้าว เขาก็ล้มจ้ำเบ้าลงกับพื้น