ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 506
บทที่ 506
ในความเป็นจริง ความเป็นห่วงของหลิ่วจาวเฟิงถูกต้องแล้ว
สิบนาทีผ่านไปแล้ว ไม่มีใครมาที่นี่ แจ้งว่าบัตรเชิญของตัวเองหายบนเรือ
หลี่เสว่เห็นสภาพแล้วก็โล่งใจ เอ่ยปากขึ้นมาว่า: “ไม่มีใครทำบัตรเชิญหาย บัตรเชิญของสามีฉันเป็นของจริง เขาสามารถเข้ามาได้”
ไป๋ยี่เฟยส่งเสียงหัวเราะ มองไปยังเฝิงเซียนเซียน เฝิงเซียนเซียนยังคงทำท่ากระหยิ่มยิ้มย่อง ดวงตาของไป๋ยี่เฟยส่องประกาย จากนั้นก็ส่งสายตาให้เฉินห้าว
เฉินห้าวเข้าใจในทันที พยักหน้าเป็นนัย ให้รู้ว่าเข้าใจ
สีหน้าหลิ่วจาวเฟิงดูไม่ได้ ก่อเรื่องจนวุ่นวายเช่นนี้ ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ขโมยบัตรเชิญจริงๆ แล้วบัตรเชิญของเขาได้มาจากไหนกัน? เป็นไปไม่ได้ที่คนจากสหพันธ์ธุรกิจจะส่งให้จริงๆ หรอกนะ?
สีหน้าของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ดูไม่ดี ทว่าเขาอารมณ์เสียให้กับหลิ่วจาวเฟิงกับเฝิงเซียนเซียน
“คุณสองคน ความจริงได้พิสูจน์ ไม่มีใครทำบัตรเชิญหาย ขอให้พวกคุณอย่าก่อเรื่องไร้เหตุผลอีก” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพูดจบ กำลังจะไป แต่ถูกเฝิงเซียนเซียนขัดจังหวะ
“เดี๋ยวก่อน ใครว่ากัน?” เฝิงเซียนเซียนเรียกให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหยุด “ฉันยังไม่ได้ตรวจดูเลย?”
จบประโยค เฝิงเซียนเซียนก็ตรวจกระเป๋าตัวเองต่อหน้าทุกคน จากนั้นสีหน้าก็ดูตกใจ “พระเจ้า บัตรเชิญของฉันหายไปแล้ว!”
ฉากนี้ ทำให้ผู้คนเต็มไปด้วยความมึนงง
ขอยังไม่เอ่ยว่าการแสดงของเฝิงเซียนเซียนเป็นอย่างไร ประเด็นคือมีผู้คนมากมายดูอยู่ เห็นชัดๆ ว่าจะหาเรื่องไป๋ยี่เฟย? ทุกคนไม่ได้โง่เสียหน่อย!
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็พูดอะไรไม่ออก ทว่าถึงขั้นนี้แล้ว ได้แต่พูดกับไป๋ยี่เฟยว่า: “คุณผู้ชาย บัตรเชิญของคุณ……”
“เดี๋ยวก่อน” ไป๋ยี่เฟยยกมือขึ้นมาขัดคำพูดของเจ้าหน้าที่ “ถ้าผมจำไม่ผิดล่ะก็ เฝิงเซียนเซียนคุณมาในฐานะภรรยาของเย่ฮวน หรือพูดอีกนัยก็คือ คุณแค่มาในโควต้าของบัตรเชิญ อย่างนั้นขอถามหน่อยว่า คุณเอาบัตรเชิญมาจากไหน?”
“ฉัน……” เฝิงเซียนเซียนหยุดชะงัก จากนั้นก็รีบตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า: “แน่นอนบัตรเชิญเป็นของสามีฉัน สามีฉันมอบให้ฉันดูแล บัตรเชิญของฉันที่หายไปแน่นอนคุณเป็นคนขโมยของสามีฉัน!”
หลิ่วจาวเฟิงก็พูดตามขึ้นมา: “ถูกต้อง นายต้องขโมยบัตรเชิญของประธานเย่ไปแน่นอน!”
ไป๋ยี่เฟยนับถือไอคิวที่เป็นศูนย์ของคนกลุ่มนี้จริงๆ “ขอให้ทุกคนดูชัดๆ บนบัตรเชิญของผมเขียนชื่อผมไว้อย่างชัดเจน ไม่มีร่องรอยการแก้ไขใดๆ”
บนบัตรเชิญทุกใบมีชื่ออยู่ทั้งสิ้น จะแสดงชื่อผู้ที่ได้ร่วมงาน อย่างชัดเจน ก็เพื่อป้องกันคนขโมย ตอนนี้ก็ได้งานใช้พอดี
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ยินก็นึกขึ้นมาได้ เขาจำได้ว่าตอนเห็นบัตรเชิญ เขียนคำว่า “ไป๋ยี่เฟย” สามคำนี้ไว้จริงๆ ส่วนจะเป็นองค์กรอะไร เขาเองก็ไม่ชัดเจน
“ใช่ เป็นชื่อของคุณผู้ชายท่านนี้จริงๆ ผมเห็นแล้ว ไม่มีร่องรอยการแก้ไขใดๆ ทั้งสิ้น”
“อะไรกัน?”
“เป็นไม่ได้!”
ใบหน้าของเฝิงเซียนเซียนกับหลิ่วจาวเฟิงเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ไป๋ยี่เฟยจะมีบัตรเชิญได้อย่างไรกัน?
นี่เป็นเรื่องน่าขำสิ้นดี!
ทว่าความเป็นจริง ไป๋ยี่เฟยมีบัตรเชิญจริงๆ !
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเสียเวลาอยู่ที่นี่นานแล้ว จึงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า: “เรื่องราวกระจ่างแล้ว รบกวนคุณสองคนอย่าก่อเรื่อง พวกเรายังมีภารกิจต้องทำอีก”
จบประโยค เที่ยวนี้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ไปจริงๆ
เฝิงเซียนเซียนกับหลิ่วจาวเฟิงมองไป๋ยี่เฟยด้วยความโกรธ
เฝิงเซียนเซียนทำเสียง “หึ” พูดขึ้นมาว่า: “ต่อให้นายมีบัตรเชิญแล้วอย่างไร? นายก็ไม่ได้รับเลือกอยู่ดี! นายฝันไปเถอะ!”
หลิ่วจาวเฟิงพยักหน้า พูดอย่างเคียดแค้นว่า: “ไป๋ยี่เฟย คอยดูเถอะ ว่าฉันได้ตำแหน่งประธานสหพันธ์ธุรกิจอย่างไร ถึงเวลานั้น ฉันจะมาจัดการนายอีกที!”
ไป๋ยี่เฟยหัวเราะด้วยความเย็นชา กวาดตามองเฝิงเซียนเซียนแวบหนึ่ง จากนั้นก็เดินเข้าไปใกล้หลิ่วจาวเฟิง กระซิบเบาๆ ว่า: “นายไม่รู้ว่าอดีตประธานสหพันธ์การค้าถูกฉันฆ่าตายเหรอ?”
จบประโยค ไป๋ยี่เฟยก็ถอยกลับ ดึงหลี่เสว่เดินไปอย่างสุขุม
หลิ่วจาวเฟิงยืนทื่ออยู่กับที่ ตัวสั่นขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ
เฝิงเซียนเซียนเห็นพวกเขาจากไปแล้ว ก็ไม่ชอบใจ พอเห็นท่าทางของหลิ่วจาวเฟิง ก็พูดอย่างเสียอารมณ์ว่า: “ทำไมนายไม่เอาไหนอย่างนี้?”
“เศษสวะ!”
จบประโยค เฝิงเซียนเซียนก็ไปแล้ว
หลิ่วจาวเฟิงถูกไป๋ยี่เฟยทำให้ตกใจ
แม้แต่อดีตประธานสหพันธ์ธุรกิจเขาก็กล้าฆ่า เช่นนั้นคนต่อไปสำหรับเขาแล้ว ก็ฆ่าได้เช่นกันไม่ใช่หรือ?
หลิ่วจาวเฟิงอยู่ๆ ก็เกิดความคิดถอนตัว แต่ในเวลานี้เอง เขาก็คิดถึงหลี่เสว่ขึ้นมา ผู้หญิงที่เขาเฝ้าคะนึงหา เขาต้องได้ตัวเธอให้ได้!
ดอกโบตั๋นตายเป็นผีแล้วก็ยังเจ้าชู้!
หลิ่วจาวเฟิงตัดสินใจมั่นเหมาะ อย่างไรเสียผู้คนบนเรือก็มากมาย ขอแค่เขาไม่ได้อยู่เพียงลำพัง ไป๋ยี่เฟยก็ฆ่าเขาไม่ได้!
คิดเสร็จ หลิ่วจาวเฟิงก็หันหลังกลับอย่างเชื่อมั่น เดินเข้าไปข้างใน
ในเวลานี้เอง ด้านหลังของหลิ่วจาวเฟิงก็มีขาข้างหนึ่งยื่นออกมา ถีบเขาเข้าอย่างแรง
“ผัวะ!”
หลิ่วจาวเฟิงถูกถีบลงทะเล
“อ๊าก!”
เสียงของหลิ่วจาวเฟิงถูกเสียงของลมกลบเหลือนิดเดียว ทำให้คนรอบข้าวได้ยินแค่เสียงที่เบาๆ
“เมื่อกี๊มีเสียงอะไรหรือเปล่า?”
“อย่างนั้นเหรอ? ฉันไม่ได้ยินเลยนะ?”
“ฉันเหมือนได้ยิน เหมือนมีใครร้องขึ้นมา?”
“ไม่รู้สิ……”
เฉินห้าวบรรลุภารกิจก็รีบกลับมาหาไป๋ยี่เฟย
ถ้าไม่เพราะผิดจังหวะ ไป๋ยี่เฟยก็ลงมือฆ่าหลิ่วจาวเฟิงไปนานแล้ว แต่นี่ก็ไม่เป็นอุปสรรคที่เขาจะจัดการหลิ่วจาวเฟิง อย่างไรคนที่มาก็เยอะเช่นนี้ ถีบลงไปว่ายทะเลหน่อยก็คงไม่ค่อยมีคนรู้
ส่วนสุดท้ายจะขึ้นมาได้หรือเปล่า อย่างนั้นก็ต้องดูตัวเขาเองแล้ว
……
หลังจากเข้างาน หลี่เสว่คล้องมือไป๋ยี่เฟยไว้ กระซิบถามว่า: “คุณได้บัตรเชิญมาอย่างไรเหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยเลิกคิ้วขึ้นช้าๆ บอกตามตรง “พ่อของคุณเป็นคนให้มา คุณเชื่อไหม?”
“หา?” หลี่เสว่ตกใจเล็กน้อย จากนั้นเสียงเอาแต่ใจก็ดังขึ้น “คุณไม่อยากบอกก็ตามใจ!”
หลี่เฉียงตงมีบริษัทในเครือ แต่ตอนนี้กลายเป็นคริสตัลกรุ๊ปไปแล้ว จะมีบัตรเชิญเข้าเลือกตั้งครั้งนี้ได้อย่างไร?
ไป๋ยี่เฟยยักไหล่อย่างเสียไม่ได้ ก็ที่เขาพูดล้วนเป็นความจริงนี่!
โจวฉวี่เอ๋อที่อยู่ข้างหลังเห็นคนสองคนรักใคร่กันเช่นนี้ ก็รู้สึกดีใจ กลับทั้งใจหาย เธอนึกถึงฉินหัวขึ้นมา
ถ้าฉินหัวราบรื่นไปทุกอย่าง พวกเขาสองคนก็คงเป็นเช่นนี้ กะหนุงกะหนิงกัน หยอกล้อกัน และเวลาที่เธอถูกลวนลาม เขาก็จะยื่นตัวเข้ามาปกป้อง
แต่ว่า……
ตอนนี้เขายังนอนอยู่บนเตียงอยู่……
จากนั้น พวกเขาไม่กี่คนก็เข้าสู่หอประชุมไปด้วยกัน หอประชุมใหญ่โตมาก ไม่เสียแรงที่เป็นเรือสำราญที่สามารถจุคนได้พันกว่าคน
เวลานี้ในหอประชุมมีผู้คนมาแล้วมากมาย ที่นั่งก็นั่งกันไปมากแล้ว แล้วยังมีบางส่วนที่เดินไปมา ตรงกลางหอประชุม เป็นเวทีสูงที่สุดโผล่ขึ้นมา บนเวทีมีที่นั่งจัดไว้อยู่ไม่กี่ที่ น่าจะเตรียมไว้ให้คนของสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงนั่ง
เวลา 9 นาฬิกาเป็นพิธีเปิดการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ตอนนี้อีก 20 นาทีจะเป็นเวลา 9 นาฬิกา
ไป๋ยี่เฟยกับหลี่เสว่หาที่นั่งนั่งลง
โจวฉวี่เอ๋อถือว่ามาผ่อนคลายอารมณ์ ไม่จำเป็นต้องนั่งด้านใน ฉะนั้นบอกกับไป๋ยี่เฟยและหลี่เสว่เสร็จก็ไปนั่งตากลมที่ดาดฟ้า
เธอตั้งใจหาที่เงียบๆ นั่ง ที่นี่มีคนอยู่ไม่กี่คน แล้วแค่มาดูเดี๋ยวเดียวก็จากไป สุดท้ายเหลือเพียงเธอกับชายผู้หนึ่งที่นั่งอยู่บนเก้าอี้พิง
ผู้ชายอายุประมาณ 30 เศษ กำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ราวกับไม่สนใจคนรอบข้าง
โจวฉวี่เอ๋อจับที่ราวกั้นถอนใจเฮือกหนึ่ง มองไปยังท้องทะเลสีครามที่ไร้ขอบเขต และเส้นขอบน้ำที่ขนาบเป็นเส้นเดียวกับผืนฝ้า จิตใจเบิกบานขึ้นมาในชั่วขณะ