ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 513
บทที่513
ไป๋ยี่เฟยที่ยืนอยู่ข้างหลังของหวังโหลว มองดูแผ่นหลังของเพื่อนสมัยเรียน มันเป็นแผ่นหลังของพี่น้อง ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจหลายๆ อย่างขึ้นมา
ถึงว่าล่ะ ที่ผ่านมาทำไมคริสตัลกรุ๊ปถึงได้เอาแต่มาแย่งเนื้อของโหวจวี๋กรุ๊ปกินครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งหมดก็เพราะหวังโหลวคิดว่า ไม่ว่าคริสตัลกรุ๊ปเป็นคนกินหรือคริสตัลกรุ๊ปเป็นคนกิน สุดท้ายแล้วมันก็เป็นของไป๋ยี่เฟยอยู่ดี
และทุกสิ่งที่หวังโหลวทำมันอาจจะดูเหมือนเป็นการต่อต้านเขา แต่แท้ที่จริงแล้วมันเป็นการช่วยเขาต่างหาก
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังนึกถึงเรื่องครั้งก่อนที่เขามารับตัวหลี่เสว่ไป มันเป็นแผนที่คิดมาเพื่อเขา เพราะหวังโหลวรู้ดีว่ากำลังจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ถึงได้รับตัวหลี่เสว่ไปปกป้องไว้ก่อน ทำให้เขาไม่ต้องคอยพะวงหลังอีก
มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่หลี่เฉียงตงจะเดินใกล้หวังโหลวขนาดนั้น
เมื่อหลิ่วจาวเฟิงได้ยินคำพูดทั้งหมดนั้นแล้ว เขาก็ไม่อาจยอมรับมันได้เขาลำบากวางแผนมานานขนาดนี้ แต่ผลที่ได้กลับเป็นแบบนี้
“หวังโหลว! แกไอ้ชาติชั่ว! แกมันแม่งชั่วช้าสิ้นดี!”
“ข้อตกลงของเรา แกลืมไปหมดแล้วรึไง!” หลิ่วจาวเฟิงตะคอกออกมาเสียงดัง เราตกลงกันแล้วนี่ว่าแกรับหน้าที่กัดกินโหวจวี๋กรุ๊ป จากนั้นก็ช่วยให้ฉันได้ครอบครองโหวจวี๋ แล้วแกให้หมากินไปหมดแล้วรึไง?”
หวังโหลวยิ้มออกมาเล็กน้อย “การร่วมงานกันของเรามันก็ออกมาได้ดีเลยไม่ใช่เหรอ? ผมกลืนกินโหวจวี๋ และช่วยให้คุณได้มันมาครอบครอง แล้วมันมีปัญหาตรงไหนเหรอ?”
“นี่แก……” จู่ๆ หลิ่วจาวเฟิงก็ทำตาโต เพราะเขาเข้าใจขึ้นมาทันทีว่าตัวเองติดกับเข้าแล้ว “แม่งเอ๊ย! หวังโหลว แกจงใจหลอกฉันสินะหวังโหลวเป็นพวกเดียวกับไป๋ยี่เฟยมาโดยตลอด และดูออกว่าจะต้องมีเหตุการณ์อย่างวันนี้เกิดขึ้น เขาจึงหันมาร่วมมือกับตัวเองอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด ส่วนการกลืนกินโหวจวี๋ที่ว่าก็แค่การเอาทรัพย์สินของโหวจวี๋โอนไปไว้ที่คริสตัลกรุ๊ปเท่านั้น
ตอนที่หลิ่วจาวเฟิงได้โหวจวี๋ไปครอง มันก็เหลือแค่เปลือกนอกที่ว่างเปล่าเท่านั้น!
ตอนนี้หลิ่วจาวเฟิงเข้าใจทุกอย่างแล้ว หวังโหลวมันตั้งใจ จำได้ว่าครั้งแรกที่พวกเขาร่วมมือกัน ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา หวังโหลวก็จงใจล่อให้เขาไปติดเป็นอยู่แล้ว!
จนกระทั่งตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ความจริง!
“หวังโหลว แกมันหน้าด้านหน้าทน!” หลิ่วจาวเฟิงชี้หน้าด่าทอหวังโหลว “เรื่องบัตรเชิญของไป๋ยี่เฟยก็เป็นฝีมือของแกสินะ? ห๊ะ? ในเมืองหลวงก็มีบัตรเชิญอยู่แค่นั้น แล้วไป๋ยี่เฟยมันจะไปเอามาจากไหน?”
“แกเป็นคนเชิญมันมา แกเป็นคนวางแผนทุกอย่างอยู่เบื้องหลัง!”
หวังโหลวยืนมองการด่าทอของหลิ่วจาวเฟิงโดยไม่มีท่าทีว่าจะโกรธเลยแม้แต่น้อย
ทุกคนต่างพาก็อุทานออกมา ความอดทนแบบนี้ไม่ใช่ใครๆ ก็มีได้
หลังจากที่หลิ่วจาวเฟิงด่าไปชุดใหญ่ จู่ๆ เขาก็นึกขึ้นได้ว่า “แล้วที่แกร่วมมือกับตระกูลเย่ล่ะ? มันก็เป็นการปูทางให้ไป๋ยี่เฟยเหมือนกันใช่มั้ย?”
พูดจบ เขาก็ไม่รอให้หวังโหลวได้ตอบ หลิ่วจาวเฟิงก็หันไปพูดกับเย่ฮวนว่า “ประธานเย่ หวังโหลวมันได้เผยธาตุแท้ของมันออกมาแล้ว คุณยังจะร่วมมือกับมันอยู่มั้ยครับ?”
เย่ฮวนขมวดคิ้วเบาๆ
แต่หวังโหลวก็พูดขึ้นว่า “ขอโทษนะ คุณคงยังไม่เข้าใจสินะ ว่าคนที่ผมร่วมมือด้วยตลอดก็คือคุณ ไม่ใช่ตระกูลเย่”
“นี่แก!” หลิ่วจาวเฟิงเบิ่งตากว้างด้วยความรู้สึกที่คาดไม่ถึง
ทันใดนั้น เย่ฮวนก็พูดขึ้นว่า “ต้องขออภัยด้วยนะครับ คุณหลิ่ว ระหว่างเราไม่ได้มีการร่วมมือกันเลย กับเย่ซื่อกรุ๊ปก็ไม่มีเช่นกันครับ”
หลิ่วจาวเฟิงตาค้างไปเลย
แม้แต่เย่ฮวนก็คิดจะตัดสัมพันธ์กับเขาแล้ว
ในตอนนี้ เย่ฮวนนั้นแพ้อย่างราบคาบแล้ว ถ้าไม่ได้ร่วมมือกับหวังโหลวแล้วแบบนี้ เมื่อไม่มีความช่วยเหลือจากใครหลิ่วจาวเฟิงก็ไม่ได้มีอะไรดีเลยสักนิด
ส่วนโหวจวี๋กรุ๊ปนั้น มันก็แค่บริษัทที่ว่างเปล่าไม่มีประโยชน์อะไรเลย
บนเวที หวังโหลวก็ได้หันไปพูดกับไป๋ยี่เฟยว่า “เอกสารเพิ่งอนุมัติเมื่อวาน เดี๋ยวคุณค่อยรับอีกที บางจุดยังต้องให้คุณเซ็นชื่อด้วย”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหน้า แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “คุณเก็บคริสตัลกรุ๊ปไว้เถอะ ผมไม่เอา”
“เดิมทีมันก็เป็นของคุณอยู่แล้วนะครับ” หวังโหลวเองก็ส่ายหน้า “ผมเคยพูดไว้ก่อนหน้าแล้ว ไม่ว่ายังไงมันก็เป็นของคุณอยู่วันยังค่ำ”
ไป๋ยี่เฟยกำลังจะอ้าปากพูด แต่หวังโหลวก็เดินลงเวทีไปแล้ว
ตอนนี้สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่ไป๋ยี่เฟยอีกครั้ง การหักมุมเมื่อกี้มันช่างเซอร์ไพรส์เหลือเกิน ด้วยเหตุนี้ไป๋ยี่เฟยก็ได้กลายเป็นประธานกรรมการที่เป็นผู้นำของเมืองเทียนเป่ยอีกครั้ง
เมื่อไป๋ยี่เฟยรู้ว่าไม่สามารถคืนคริสตัลกรุ๊ปไปได้แล้ว เขาก็น้อมรับมันไว้ด้วยความยินดี
ในตอนนี้ ไป๋ยี่เฟยกำลังรู้สึกดีอย่างไม่เคยมีมาก่อน รู้สึกดีทั้งกายและหัวใจ!
ไป๋ยี่เฟยเดินมาหน้าไมค์อีกครั้ง ยืดอกเชิดหน้า แล้วแนะนำตัวใหม่อีกครั้ง “สวัสดีครับทุกท่าน ผมชื่อไป๋ยี่เฟย ประธานกรรมการของคริสตัลกรุ๊ป โรงพยาบาลโว่หลง……”
ต่อจากนั้นก็เป็นคำปราศรัยที่เปี่ยมด้วยความมั่นใจ
พูดจบ เสียงปรบมือด้านล่างก็ดังสนั่น ดังกว่าตอนที่เย่ฮวนลงจากเวทีเสียอีก
ไป๋ยี่เฟยลงจากเวทีด้วยความตื่นเต้น แล้วมานั่งอยู่ข้างๆ หลี่เสว่
หลังจากที่เย่ฮวนกับเฝิงเซียนเซียนนั่งลง สีหน้าก็ดูหม่นหมองลงมาก
“ไอ้บ้าหวังโหลว! กล้ามาหลอกเราซะได้!” เฝิงเซียนเซียนสบถออกมาอย่างไม่พอใจ
เย่ฮวนพูดเบาๆ ด้วยสีหน้าที่ดูไม่ดีว่า “อีกไม่นาน ไป๋ยี่เฟยมันก็จะตายแล้ว!”
“ฉันอยากให้มันตายตอนนี้เลย!” เฝิงเซียนเซียนพูดด้วยสายตาที่โกรธแค้น สีหน้าก็ดูน่ากลัวขึ้นมาทันที
เย่ฮวนพูดปลอบใจเธอว่า “ใจเย็นๆ ครับ รออีกไม่นานหรอกครับ”
หลิ่วจาวเฟิงนั่งลงอย่างทำตัวไม่ถูก สมองตื้อไปหมด เขาไม่รู้แล้วว่าตอนนี้จะทำยังไงต่อไปดี? เมื่อขาดหวังโหลวกับเย่ฮวนไปเขายังสามารถทำอะไรได้อีก?
หลังนั่งนิ่งอยู่นาน หลิ่วจาวเฟิงก็ยังตั้งสติไม่ได้ เขาได้แต่จมอยู่ในความคิดของตัวเอง เพราะเขาได้นึกถึงปัญหาข้อหนึ่งที่ใหญ่มากๆ
เขาไม่เหลืออะไรแล้ว ถ้าอย่างนั้น การที่ไป๋ยี่เฟยจะแก้แค้นเขามันก็ง่ายซะยิ่งกว่าง่าย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ไป๋ยี่เฟยคิดจะเอาชีวิตเขาเลย!
พอคิดถึงตรงนี้ ร่างกายของหลิ่วจาวเฟิงก็สั่นเทาขึ้นมา
จากนั้น ก็ไม่มีความสนใจคนขี้แพ้คนนี้อีกเลย
……
หลังจากตื่นเต้นอยู่นาน ไป๋ยี่เฟยก็ควบคุมความรู้สึกของตัวเองได้ แล้วนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้
หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยพูดจบ สวี่ชางก็ได้หันมาพูดกับเขา มันเป็นการพูดแบบไม่ออกเสียงว่า :ระวัง
เข้าอ่านออกว่า สวี่ชางพูดอะไร มันทำให้ความสุขที่พลุ่งพล่านของเขาลดลง สวี่ชางไปรู้อะไรเข้าถึงได้มาเตือนเขาแบบนี้? หรือว่า……
แล้วหวังโหลวก็มานั่งลงข้างๆ ไป๋ยี่เฟย พอเห็นไป๋ยี่เฟยที่กำลังคิดหนักอยู่ สายตาของเขาก็เป็นประกาย เหมือนรู้อะไรเข้า แต่ก็ไม่พูดมันออกมา เขาแค่พูดออกมาอย่างใจเย็นว่า “นี่น้องชาย ขอโทษทีนะ ที่วางกับดักใส่คุณ”
ไป๋ยี่เฟยชะงักไป แล้วถามด้วยความไม่เข้าใจว่า “หา?”
หวังโหลวพูดออกมาอย่างใจเย็นว่า “ตอนงานแต่งของเย่ฮวน ผมเป็นคนวางกับดักคุณเอง”
“ถ้าตอนนั้นคุณถูกตำรวจจับไปละก็ เรื่องต่อจากนั้นก็ไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน”
ไป๋ยี่เฟยตกใจทันที แล้วเข้าใจในสิ่งที่หวังโหลวพูด พวกเขากลัวจะเป็นเหมือนตอนที่ฆ่าฉุงโยวเวยที่เขาถูกตำรวจปกป้องเอาไว้ ถ้าเป็นแบบนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถฆ่าเขาได้
“งั้นแสดงว่า คุณก็รู้เรื่องทุกอย่าง” ตอนนี้ไม่มีอะไรที่ไป๋ยี่เฟยไม่เข้าใจแล้ว เรื่องที่หลี่เฉียงตงรู้ คนที่ร่วมมืออย่างหวังโหลวก็ต้องรู้ด้วยอยู่แล้ว
“ดังนั้น คุณถึงได้จงใจช่วยผม เพื่อให้ตำรวจจากไป”
หวังโหลวยิ้มอย่างขมขื่น “ใช่ครับ”
ไป๋ยี่เฟยขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ “ทั้งหมดนี้พ่อผม ไม่สิ พ่อตาผมเป็นคนบอกคุณใช่มั้ย?”
เขาถามเพื่อความมั่นใจ และอยากรู้ด้วยว่าเพราะอะไร
“ใช่ครับ” หวังโหลวพยักหน้า
พอเห็นอย่างนั้นไป๋ยี่เฟยก็ถามต่อว่า “เพราะอะไร?”
เพราะอะไรถึงต้องร่วมมือกับหลี่เฉียงตงด้วย? ในเมื่อร่วมมือกันแล้วยังจะมาวางกับดักใส่เขาทำไม?
“เพราะทั้งหมดนี้มันคือแผน” หวังโหลวตอบมาอย่างใจเย็น “มันมีแค่ทำให้คุณคิดว่าถูกผมหักหลังเท่านั้นแผนการถึงจะสามารถดำเนินการต่อไปได้”