ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 518
บทที่518
ไป๋ยี่เฟยเป็นหนึ่งในนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ที่น่าแปลกใจคือ หลี่เสว่กับหลิ่วจาวเฟิงก็เข้ารอบด้วย
หลังจากการคัดเลือกรอบแรกที่สิ้นสุดลง ท้องฟ้าก็ได้มืดไปแล้ว ทุกคนจึงมุ่งตรงไปยังภัตตาคาร
ในเวลาเดียวกัน ภายในห้องพักห้องหนึ่ง ภายในห้องที่มืดมิดไม่ได้เปิดไฟไว้ มีเพียงแสงจากหน้าจอสี่เหลี่ยมๆ เท่านั้นที่ยังสว่างอยู่ หน้าจอสี่เหลี่ยมเป็นโซฟา บนโซฟามีคนหลายคนนั่งอยู่
หนึ่งในนั้นที่กำลังนั่งมองจอมอนิเตอร์อยู่ ได้พูดขึ้นอย่างใจเย็นว่า “ณ ตอนนี้ ดูเหมือนโอกาสที่ไป๋ยี่เฟยจะชนะมันค่อนข้างสูงเลย”
“ถ้าไม่เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้น ไป๋ยี่เฟยก็ไม่มีทางชนะหรอก” คนอีกคนทำเสียงฮึดฮัด
พูดจบ ก็ได้มีเสียงของอีกคนดังขึ้น “ถ้าเย่ฮวนชนะ ไป๋ยี่เฟยถึงมีค่ามากพอที่จะเป็นเหยื่อล่อ ไม่อย่างนั้น……”
“มันก็ไม่แน่” มีคนแย้งขึ้นมา “มันอาจจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่านี้ก็ได้”
“หมายความว่ายังไง?”
“ถ้าไป๋ยี่เฟยได้ขึ้นเป็นประธานของสหพันธ์ธุรกิจละก็ ก็จะได้รับการคุ้มครองจากทางสหพันธ์ธุรกิจ ดังนั้นถ้าคนที่อยู่เบื้องหลังคิดจะลงมือก็ ก็ต้องไตร่ตรองให้ดีแล้ว……”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง คนที่อยู่เบื้องหลังก็ไม่มีทางยอมให้ไป๋ยี่เฟยชนะเด็ดขาด!”
“ดังนั้น……พวกเขาจะต้องชิงลงมือก่อนแน่!”
……
ห้องพักอีกห้องหนึ่ง
เย่ฮวนกับหลิ่วจาวเฟิงนั่งอยู่ตรงโต๊ะ เย่ฮวนแววตาเคร่งขรึม “คุณไม่ได้ตั้งใจพึ่งพาผมตั้งแต่แรกแล้วใช่มั้ย?”
“ถามผมพึ่งพาคุณจริงๆ จุดจบของผมในวันนี้ก็คงไม่สวย!” หลิ่วจาวเฟิงขำประชด “โชคยังดีที่มันออกมาเป็นแบบนี้ ไม่อย่างนั้น พอถึงตอนที่คุณทอดทิ้งผมไปจริงๆ ผมก็คงไม่เหลืออะไรแล้ว?”
เย่ฮวนทำเสียงฮึดฮัด “คุณรู้เรื่องสวีเหวินกับไอ้หน้าปลอมหลี่ด้วย”
คนที่ปลอมตัวเป็นเฉินห้าวก็คือไอ้หน้าปลอมหลี่ ตอนที่ไป๋ยี่เฟยจัดการเขาไป หลังจากที่หลิ่วจาวเฟิงได้เห็นสีหน้าก็ดูเปลี่ยนไปราวกับว่าเขารู้จักแถมยังเป็นอารมณ์แบบรู้สึกโกรธด้วย
ตอนนั้นเย่ฮวนก็แอบสังเกตอยู่ จึงทำให้ได้ข้อสรุปแบบนี้ออกมา
หลิ่วจาวเฟิงไม่ได้ปฏิเสธ เขาแค่ยักไหล่
เย่ฮวนพูดต่อ “สรุปก็คือ เจ้านายจริงๆ ของคุณก็คือ คุณชายรองของตระกูลไป๋ ไป๋เซี่ยว!”
เนื่องจากไอ้หน้าปลอมหลี่กับสวีเหวินเป็นคนของไป๋เซี่ยว เมื่อหลิ่วจาวเฟิงรู้จัก มันก็เพียงพอแล้วที่จะยืนยันว่าหลิ่วจาวเฟิงเป็นคนของเขา
หลิ่วจาวเฟิงนิ่งเงียบไม่ตอบ เป็นการบ่งบอกว่าเขายอมรับ
เมื่อเย่ฮวนเห็นแบบนั้น สายตาก็ไม่พอใจทันที แล้วพูดด้วยเสียงที่ทุ้มลึกว่า “ในเมื่อเป็นคนของไป๋เซี่ยว แล้วคุณจะมาบอกผมทำไม? อยากได้อะไรจากผมเหรอ? หรือว่า……ยังมีเหตุผลอื่นอีก?”
ฟังจบหลิ่วจาวเฟิงก็ขำออกมาอย่างขมขื่น ยกชาขึ้นมาดื่มอย่างไม่รู้ตัว “ที่ติดตามคุณมาก็เพื่อยุให้คุณมีเรื่องกับไป๋ยี่เฟย แต่ตัวตนของผมก็ถูกคุณรู้เข้าซะก่อน”
เย่ฮวนขมวดคิ้ว “พวกเขาตายไปแล้ว ไป๋หยุนเผิงต้องรู้แน่ แล้วไป๋เซี่ยวเขาชั่วช้าขนาดนั้นเลยเหรอ?”
หลิ่วจาวเฟิงสีหน้านิ่งเฉยยกชาขึ้นมาดื่มอีกครั้ง แล้วพูดว่า “ไม่ต้องห่วง คุณชายรองไม่เป็นอะไรหรอกครับ อีกอย่างเรื่องที่ทุกคนก็รู้กัน คุณชายรองไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอกครับ”
“คุณจะบอกว่า เขาตั้งใจให้พวกไอ้หน้าปลอมหลี่แสดงตัวบนเรืออย่างนั้นเหรอ?” เหมือนเย่ฮวนจะคิดได้แล้ว และสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
หลิ่วจาวเฟิงยักไหล่ “น่าเสียดา ที่เราก็ยังแพ้อยู่ดี”
เย่ฮวนทำเสียงฮึดฮัด “ไม่ เราจะไม่แพ้ เราต้องชนะ” ”ประธานเย่ คุณมั่นใจในตัวเองเกินไปแล้ว” หลิ่วจาวเฟิงไม่ได้รู้สึกแบบนั้น
เย่ฮวนไม่ได้สนใจเขา เขาแค่รู้สึกว่า ทรัพย์สินแค่นั้นของไป๋ยี่เฟยไม่มีทางที่จะมาเทียบกับเขาได้เลย ตำแหน่งประธานสหพันธ์ธุรกิจของเมืองเป่ยไห่นั้นจะต้องตกเป็นของเขาอย่างแน่นอน!
“รอดูไปเถอะ!”
……
พอหลิ่วจาวเฟิงออกไป หลี่ฝานที่รออยู่หน้าประตูตลอดก็ได้เข้ามา “ประธานเย่ คุณหาผมเหรอครับ?”
เมื่อเย่ฮวนเห็นหลี่ฝานที่นั่งอยู่บนรถเข็น สายตาแห่งความรังเกียจและดูถูกเหยียดหยามก็ได้แสดงออกมา “อย่าสะเออะไปหาเรื่องไป๋ยี่เฟยโง่ๆ แบบนั้นอีกเข้าใจมั้ย?”
ตอนแรกที่ประกันตัวหลี่ฝานออกมา เขาก็คิดว่าหลี่ฝานจะสามารถต่อกรกับไป๋ยี่เฟยได้ เห็นทีเขาจะประเมินหลี่ฝานไว้สูงไป ถึงว่าล่ะทำไมการร่วมมือกันกับเย่อ้ายถึงได้ล้มเหลว!
หลี่ฝานชะงักไปเล็กน้อย ไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่เขาพูด “ประธานเย่ มันเพราะอะไรเหรอครับ? ถึงไป๋ยี่เฟยมันจะมีคริสตัลกรุ๊ปอยู่ในมือ มันก็สู้คุณไม่ได้หรอกครับ! ผมสามารถยกกิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ปของผมให้คุณได้”
“ไม่จำเป็น!” เย่ฮวนขมวดคิ้ว “แค่จำคำพูดของผมไว้ให้ดี ถ้าไม่มีอะไรแล้วคุณก็ไปได้”
“ประธานเย่……” หลี่ฝานยังอยากพูดต่อ
“ไสหัวไป!”
……
หลังจากออกมา หลี่ฝานก็ทำหน้าไม่ถูก เขาไม่รู้ว่ามันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง เย่ฮวนตั้งใจจะทอดทิ้งเขาแล้วเหรอ?
จบกัน!
ถ้าแม้แต่เย่ฮวนยังไม่เอาเขา แล้วเขาจะทำยังไง? จะเอาอะไรไปสู้กับไป๋ยี่เฟยอีก?
หลี่ฝานบังคับรถเข็นตรงไปยังห้องพักของตัวเอง พอเห็นหลิ่วจาวเฟิงที่อยู่ตรงทางเดิน แววตาของเขาก็เป็นประกายเหมือนมองเห็นทางรอดแล้ว
“คุณชายหลิ่ว คุณชายหลิ่วช่วยหยุดก่อนครับ”
พอหลิ่วจาวเฟิงได้ยิน เขาก็หันกลับไปมอง เมื่อเห็นว่าเป็นหลี่ฝาน เขาก็ทำเสียงฮึดฮัดแล้วเดินต่อ
หลี่ฝานรีบตามขึ้นไป “คุณชายหลิ่ว เมื่อกี้ประธานเย่พูดอะไรกับคุณบ้างเหรอครับ? มันเกี่ยวกับการเล่นงานไป๋ยี่เฟยใช่มั้ยครับ?”
หลิ่วจาวเฟิงหยุดเดินแล้วหันมา แล้วมองหลี่ฝานอย่างต้อยต่ำ “หลี่ฝาน คุณอย่าหลงคิดว่าตัวเองฉลาดเลย คุณคิดอะไรอยู่ผมรู้ดีทุกอย่าง อย่าคิดที่จะดึงผมไปเกี่ยวด้วย”
หลี่ฝานชะงักไป ทำตัวไม่ถูก “คุณชายหลิ่วเอาอะไรมาพูดครับ? ยังไงเราก็เป็นเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันนะครับ!”
“หึ ไม่ต้องมาทำตัวสนิทสนมกับผม ผมไม่หลงกลคุณหรอก” หลิ่วจาวเฟิงขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ แล้วพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจว่า “ก็แค่เบี้ยที่ถูกทิ้ง ไม่มีสิทธิ์มาพูดกับฉัน!”
“อีกอย่างนะ คุณชายรองไป๋เองก็ไม่มีทางเอาไอ้หน้าโง่อย่างแกหรอก!” พูดจบ หลิ่วจาวเฟิงก็เดินจากไปเลย
หลี่ฝานอึ้งอยู่กับที่ ผ่านไปเนิ่นนานกว่าจะตั้งสติได้ จากนั้นก็เกิดความรู้สึกร้อนรนและไม่พอใจที่ไม่มีที่สิ้นสุด
เบี้ยเหรอ? ไอ้หน้าโง่เหรอ?
“ฮ่าฮ่า……”
หลี่ฝานหัวเราะออกมาอย่างเจ็บปวด ตอนนี้ เขามันไม่มีค่าอะไรแล้วจริงๆ ใครๆ ก็ละทิ้งเขา ใครๆ ก็ไม่อยากเข้าใกล้!
แต่ว่า มันช่างไม่น่าพอใจเหลือเกินเลย……
……
ภายในห้องของไป๋ยี่เฟย ไป๋หู่และคนอื่นๆ ต่างก็รวมกันอยู่ในนี้ แม้แต่หวังโหลวก็อยู่ด้วย
หลังจากเข้ามา ก็มีแต่หวังโหลวที่เป็นคนพูด เกี่ยวกับเรื่องของนักปลอมตัวคนนั้น
พอหวังโหลวพูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็ถามด้วยความสงสัยว่า “ไอ้หน้าปลอมหลี่เป็นคนของใคร? มาช่วยเหลือหลิ่วจาวเฟิงโดยเฉพาะเลยเหรอ? แล้วหลิ่วจาวเฟิงไปรู้จักคนพวกนี้ได้ยังไง?”
หลิ่วจาวเฟิงนั้นเป็นคนที่เกิดและเติบโตที่เมืองเทียนเป่ยแล้วไปรู้จักคนจากเมืองหลวงได้ยังไง? แถมยังมาช่วยเขาด้วย?
หวังโหลวพูดออกมาอย่างใจเย็น “เขามาช่วยหลิ่วจาวเฟิงจริงๆ”
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้ว “คุณไม่รู้เหรอว่าเขาเป็นคนของใคร?”
หวังโหลวตอบคำถามเขาไปแค่คำถามเดียว นั่นแสดงว่าต่อให้เป็นหวังโหลวที่ร่วมมือกับหลิ่วจาวเฟิงมานานขนาดนี้ก็ยังไม่รู้ว่า ไอ้หน้าปลอมหลี่เป็นคนของใคร
พูดจบ ไป๋หู่ก็พูดขึ้นว่า “ไอ้หน้าปลอมหลี่เป็นคนของไป๋เซี่ยวครับ”
“ว่าไงนะ?”
ทุกคนในห้องต่างตื่นตกใจ
แววตาที่เฮียบรมของไป๋ยี่เฟยก็ได้ปรากฏขึ้นมา จากนั้นก็ขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ “งั้นก็แสดงว่า หลิ่วจาวเฟิงก็เป็นคนของไป๋เซี่ยวเหมือนกันสินะ?”
มันชัดเจนมาก ไอ้หน้าปลอมหลี่นั้นเก่งกว่าหลิ่วจาวเฟิงมาก เขาจึงไม่มีทางที่จะทำตามคำสั่งของหลิ่วจาวเฟิงอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็มีข้อสรุปเดียว คือทั้งสองคนรับใช้คนๆ เดียวกัน
“ซ่อนได้ลึกซะเหลือเกิน!”
ที่ผ่านมา ไป๋ยี่เฟยคิดมาตลอดว่าการที่ไป๋ยี่เฟยไปทำลายหลิ่วซื่อกรุ๊ปจนพินาศจึงเป็นเหตุให้หลิ่วจาวเฟิงหันไปร่วมมือกับหวังโหลวเพื่อมาเล่นงานเขา แต่เขาคิดผิด เขามีคนอื่นอยู่เบื้องหลังนี่เอง!
พอมาคิดดูอีกที ทุกอย่างมันช่างลงตัวเหลือเกิน
ตอนที่หลงหลิงหลิงหายตัวไป เป็นไป๋เซี่ยวที่มาบอกเขา ส่วนการใช้แส้ทำร้ายหลงหลิงหลิงก็เป็นคำสั่งของหลิ่วจาวเฟิง
การทำแบบนี้มันก็สามารถทำให้ไป๋ยี่เฟยโกรธด้วย จนทำให้มีการไล่ฆ่ากันหลังจากนั้นเกิดขึ้น
หึ ช่างเป็นแผนที่เยี่ยมยอดจริงๆ!
เมื่อหลี่เสว่เห็นแบบนั้น เธอก็เม้มปากเบาๆ เรื่องพวกนี้เธอฟังไม่รู้เรื่องทั้งหมด แต่ที่เธอรู้คือ ไป๋ยี่เฟยถูกน้องชายแท้ๆ ของตัวเองวางแผนทำร้าย ฆ่า จู่ๆ หลี่เสว่ก็เกิดความรู้สึกปวดใจขึ้นมา
นั่นมันน้องชายแท้ๆ นะ แต่กลับมาทำร้ายตัวเองแบบนี้ ไป๋ยี่เฟยจะรู้สึกเจ็บบ้างมั้ยนะ?