ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 520
บทที่520
โจวฉวี่เอ๋อชะงักไป “ฉินซานเหรอคะ?”
ฉินซาน? ฉินหัว?
หน้าตาที่เหมือนกัน ชื่อก็คล้ายกัน หรือพวกเขาสองคนจะเป็น…
โจวฉวี่เอ๋อรู้สึกสับสน บวกกับความตื่นเต้น “คุณ……”
แต่แล้วฉินซานก็ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดต่อ เมื่อเจอผู้หญิงที่สวยขนาดนี้ เขาก็ต้องรีบคว้าโอกาสเอาไว้ ว่าแล้วเขาก็จูบเข้าไปที่ปากเธอ
โจวฉวี่เอ๋อเบิ่งตากว้าง และลืมขัดขืนไปแป๊บหนึ่ง
ในตอนที่ริมฝีปากนั้นจะโดนเธอนั้นเอง โจวฉวี่เอ๋อก็ตั้งสติได้ก่อน เธอจึงรีบผลักฉินซานออกไป แล้วพูดไปด้วยแววตาที่โมโห “นี่คุณคิดจะทำอะไร?”
ฉินซานอึ้งไปแป๊บหนึ่ง แล้วทำหน้าเข้มทันที “จะทำอะไรนะ? พ่อก็จะกินเธอไง!”
พูดจบ ฉินซานก็เดินเข้ามาจับตัวโจวฉวี่เอ๋อเอาไว้
โจวฉวี่เอ๋อรู้สึกตกใจมาก ด้วยความร้อนรน เธอจึงยกขาขึ้นมาโดยอัตโนมัติ เพื่อที่จะเตะไปที่กล่องดวงใจของฉินซานแต่เหมือนฉินซานจะรู้ไว้ก่อนแล้ว เขาจึงยกขาขึ้นมากันการโจมตีของโจวฉวี่เอ๋อเอาไว้ได้
“ปล่อยฉันนะ!” มือทั้งสองข้างของโจวฉวี่เอ๋อถูกฉินซานจับไว้ ตอนนี้เธออยู่ระหว่างประตูกับ ฉินซาน
ฉินซานลูบไล้ไปที่ใบหน้าของโจวฉวี่เอ๋อด้วยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ “คุณเป็นคนตามผมมาเองนะ แล้วตอนนี้จะให้ผมปล่อยคุณไป โลกนี้มีเรื่องที่ง่ายขนาดนั้นด้วยเหรอครับ?”
พอโจวฉวี่เอ๋อเห็นใบหน้าที่เหมือนกับฉินหัวทำหน้าเกเรแบบนี้แล้ว เธอก็ต้องขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว
“คุณเป็นใคร?” โจวฉวี่เอ๋อถามไปพร้อมกับอดกลั้นความขยะแขยงเอาไว้
ฉินซานเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “เธอวิ่งตามฉันมา แต่เธอไม่รู้ว่าฉันเป็นใครเนี่ยนะ?”
“คุณ……”
“ไม่ต้องพูดมากแล้ว เสร็จกิจแล้วค่อยว่ากัน!” ฉินซานทนไม่ไหวแล้ว พูดจบก็เตรียมที่จะโน้นตัวไปจูบโจวฉวี่เอ๋อ
โจวฉวี่เอ๋อขัดขืนสุดกำลัง สายตาเป็นประกาย ถือโอกาสยกขาขึ้นมาอีกครั้ง หัวเข่าของเธอกระแทกเข้ากับจุดสำคัญบางจุดของ ฉินซานอย่างจัง
“โอ้ย! เชี่ย!”
ฉินซานรู้สึกเจ็บจนต้องก้าวถอยหลังไปสองก้าว ใช้มือกุมจุดอ่อนของตัวเองเอาไว้ด้วยใบหน้าที่บูดเบี้ยว
พอโจวฉวี่เอ๋อเห็นแบบนั้น เธอก็รีบเปิดประตูแล้ววิ่งออกไป
……
พอโจวฉวี่เอ๋อออกจากห้องมา ก็เห็นหลี่เสว่ที่วิ่งตามมา
“รีบไปเร็ว!” โจวฉวี่เอ๋อมองไปยังประตูที่อยู่ด้านหลัง จับมือหลี่เสว่แล้ววิ่งไปทางห้องพักของตัวเอง
หลี่เสว่ก็วิ่งตามเธอไปด้วยความมึนงง พอมาถึงที่ห้องจึงได้ถามไปพร้อมกับการหายใจที่หอบหืด “ฉวี่เอ๋อ เกิดอะไรขึ้น?”
โจวฉวี่เอ๋อนั่งลงบนเก้าอี้ หายใจหอบเล็กน้อย หัวสมองยังอยู่ที่ฉินซานอยู่เลย และไม่ได้ตอบคำถามของหลี่เสว่ด้วย
หลี่เสว่ก็เดินไปนั่งด้วย แล้วเทน้ำให้คนละแก้ว จากนั้นก็ถามใหม่อีกครั้ง “ฉวี่เอ๋อ เกิดอะไรขึ้น? เมื่อกี้เธอ……”
พอพูดถึงตรงนี้ก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงต่อดี เมื่อกี้ฉินหัวที่โจวฉวี่เอ๋อเห็นเมื่อกี้ หลี่เสว่มั่นใจว่านั้นต้องเป็นฉินซานแน่ๆ แต่เธอเห็นโจวฉวี่เอ๋อวิ่งออกมาจากห้องห้องหนึ่ง ระหว่างนั้นมันเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ไม่รู้?
โจวฉวี่เอ๋อดื่มน้ำในแก้วจนหมด พอใจเย็นลงเธอค่อยพูดออกมาว่า “ฉันเจอชายคนหนึ่งที่หน้าตาเหมือนกับฉินหัวไม่มีผิด และครั้งนี้ฉันก็มีสติดี มันไม่ใช่ภาพหลอน”
“ฉันรู้” หลี่เสว่ตอบไปอย่างเรียบเฉย “พวกเราก็เจอเขาเหมือนกัน”
โจวฉวี่เอ๋อมองหลี่เสว่ด้วยความอึ้ง
หลี่เสว่อธิบายไปว่า “ตอนที่เธอถูกจับไป เราก็เจอเขา เขาชื่อฉินซาน เขาเองก็เข้าร่วมการเลือกตั้งด้วยเหมือนกัน ตอนนั้นก็ได้เขาเนี่ยแหละเราถึงได้รู้ว่าเธอที่อยู่กับเราเป็นตัวปลอม”
“ใช่ เขาเลย!” โจวฉวี่เอ๋อนึกขึ้นได้ว่าผู้ชายคนเมื่อกี้บอกว่าตัวเองชื่อว่าฉินซาน “เสว่เอ๋อ พวกเขาสองคนเป็นอะไรกันเหรอ? ชื่อก็เหมือนกัน หน้าตาก็เหมือนกัน หรือว่าจะเป็น……”
หลี่เสว่ส่ายหน้าไปมา “ยี่เฟยให้คนไปสืบแล้ว”
โจวฉวี่เอ๋อกุมหน้าอกของตัวเองไว้ บอกไม่ถูกว่ากำลังรู้สึกยังไงอยู่ ในส่วนลึกในหัวใจ เธอคาดหวังที่จะได้เห็นฉินหัวสามารถลึกขึ้นมาได้อีกครั้ง เหมือนกับแต่ก่อน ดังนั้นแวบแรกที่เธอเจอหน้าฉินซานเธอก็นึกว่าเขาเป็นฉินหัว
แต่ว่า เธอเองก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าตอนนี้ฉินหัวกำลังนอนอยู่ในโรงพยาบาล ไม่มีทางที่จะมายืนอยู่ตรงหน้าเธออย่างสมบูรณ์แบบนั้นได้หรอก
ความจริงมันชัดเจนอยู่แล้ว ว่านั่นไม่ใช่ฉินหัวแต่เป็นฉินซาน
จะเป็นไปได้ไหมที่ฉินหัวกับฉินซานเป็นพี่น้องฝาแฝดกัน?
แต่เธอจำได้ว่าฉินหัวเคยเล่าให้เธอฟัง พ่อแม่ของเขาได้จากไปแล้ว ตอนเด็กๆ ก็ใช้ชีวิตอยู่กับอาจารย์ ต่อมาอาจารย์ก็ได้เสียไป และเขาไม่เหลือญาติเลยสักคน จนได้มาเจอกับไป๋ยี่เฟยนี่แหละ
ไม่เคยได้ยินฉินหัวพูดมาก่อนเลยว่าเขามีพี่น้องฝาแฝดอยู่ด้วย
ตอนนี้โจวฉวี่เอ๋ออยากจะรู้ข้อมูลที่สืบหามาได้เหลือเกิน อยากจะยืนยันให้รู้ว่าฉินหัวกับฉินซานเป็นอะไรกันรึเปล่า ถ้าเป็นอย่างที่เธอคิดจริงๆ ฉินหัวก็จะมีญาติเพิ่งคนมาหนึ่งคน!
ถ้าเป็นแบบนี้ มันก็อาจจะใช้เป็นแรงกระตุ้นให้ฉินหัวตื่นขึ้นมาได้รึเปล่านะ?
พอคิดถึงตรงนี้ โจวฉวี่เอ๋อก็ตัวสั่นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
ทำไมหลี่เสว่จะไม่เข้าใจความคิดของเธอล่ะ พอเห็นแบบนั้น จึงยื่นมือไปตบไหล่ของโจวฉวี่เอ๋อเบาๆ ปลอบโยนอย่างเงียบๆ
………
เช้าวันต่อมา ในขณะที่พระอาทิตย์กำลังสูงขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนบนเรือสำราญก็พากันตื่นขึ้นมา
เช้าวันใหม่ การเลือกตั้งรอบใหม่ก็ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
การคัดเลือกรอบที่สองนั้นจะให้ผู้สมัครทั้งหนึ่งร้อยคนขึ้นไปพูดถึงทิศทางที่ตัวเองมีต่อสหพันธ์ในอนาคต กับแนวทางด้านเศรษฐกิจและอื่นๆ
ผู้สมัครทั้งหนึ่งร้อยคน ต้องขึ้นตามลำดับที่กำหนด
ไม่นานก็ถึงคิวของหลิ่วจาวเฟิง
พอหลิ่วจาวเฟิงขึ้นไปบนเวที เขาก็พูดออกมาคำเดียวว่า “ผมขอสละสิทธิ์ครับ”
พูดจบ ตอนเดินลงเวทีมาก็มีแต่เสียงซุบซิบ แต่แล้วทุกคนก็รู้สึกว่ามันเป็นไปตามคาดแล้ว หลิ่วจาวเฟิงสูญเสียการสนับสนุนจากเย่ฮวนไปแล้ว แถมการร่วมมือกับหวังโหลวยังมาโมฆะอีก เขาจึงไม่มีทางที่จะชนะแล้ว
พูดจบหลิ่วจาวเฟิงก็ออกจากห้องโถงทันที
เมื่อไป๋ยี่เฟยกับหลี่เสว่เห็นแบบนั้น ทั้งคู่ก็หันมาสบตากัน และไม่มีใครพูดอะไร
สักพักก็ถึงคิวของเย่ฮวน
เย่ฮวนที่ยืนอยู่บนเวที พูดด้วยความมั่นใจที่เต็มเปี่ยมว่า “ถ้าผมได้ขึ้นเป็นประธานสหพันธ์ธุรกิจละก็ ผมจะนำพาผลประโยชน์มากมายมาให้กับทุกท่าน”
“ยกตัวอย่างเช่น การลดค่าส่วนแบ่งที่ต้องจ่ายให้กับทางสหพันธ์ เพราะยังไงทุกท่านก็ไม่ได้ขาดเงินอยู่แล้ว”
“อีกตัวอย่างหนึ่ง ผมสามารถเอาทรัพยากรของตระกูลเย่มาทำให้ทุกท่านได้รับผลประโยชน์ที่มากขึ้นด้วย”
คำพูดของเย่ฮวนนั้นตรงประเด็นและเห็นผลมาก เพราะความสามารถของตระกูลเย่วางอยู่ตรงหน้าแล้ว เขาสามารถทำตามที่พูดได้
ตามนั้นเลย พอเย่ฮวนพูดจบ ก็ได้รับการปรบมืออย่างล้นหลาม
ตอนที่เย่ฮวนเดินลงเวทีมา เขายังจงใจมองไปที่ไป๋ยี่เฟย แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจและดูถูกไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้สนใจ เพราะคนต่อไปก็คือเขา
พอไป๋ยี่เฟยขึ้นไปบนเวทีแล้ว เขาก็เคลียร์ลำคอ จากนั้นก็พูดออกมาอย่างเรียบเฉยว่า “เชื่อว่าทุกท่านคงทราบดีว่าผมเคยเป็นประธานกรรมการของโหวจวี๋กรุ๊ปมาก่อน พวกท่านสามารถลองไปถามดูได้เลยครับ ว่าผู้คนที่คอยอยู่เคียงข้างผมตอนที่โหวจวี๋กรุ๊ปตกที่นั่งลำบาก พวกเขาได้อะไรเป็นสิ่งตอบแทน”
“ผู้รู้ดีว่าความสามารถของผมอาจจะสู้เย่ซื่อกรุ๊ปไม่ได้ แต่ก็ไม่เป็นไรครับ ผมมีความมั่นใจที่มากพอ”
“ส่วนเรื่องผลประโยชน์นั้น ว่ากันตามตรง ผมไม่ใช่คนที่ชอบพูดจาใหญ่โต อะไร ผมบอกได้แค่ว่า เรื่องไหนที่ผมทำได้ผมก็จะทำมันอย่างสุดความสามารถ ส่วนเรื่องที่ผมทำไม่ได้ ผมก็ไม่มีทางรับปากทุกท่านเด็ดขาด”
“ขอบคุณครับ”
พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็โค้งคำนับ จากนั้นก็เดินลงเวทีมา
คำพูดของไป๋ยี่เฟยไม่ได้รับการตอบรับที่ดีมากนัก มีเพียงเสียงปรบมือที่ประปรายดังขึ้นเท่านั้น
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เลย ตอนนี้มีเพียงเย่ฮวนเท่านั้นที่เป็นคู่แข่งที่ร้ายกาจที่สุด เขาจึงต้องมองเย่ฮวนว่าเป็นคู่แข่งของตน ส่วนคนอื่นๆ นั้นไม่ได้อยู่ในสายตาเขาเลย
เย่ฮวนขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ “ไม่เจียมกะลาหัว!”
คนอีกมากหน้าหลายตาพากันขึ้นลงเวที แล้วก็มาถึงคิวของหลี่เสว่
หลี่เสว่สูดหายใจเข้า จากนั่นก็เดินขึ้นเวทีไป
“ฉันรู้ดีว่าในบรรดาคนทั้งหมด ความสามารถของฉันอาจจะด้อยที่สุด และรู้ดีว่าตัวเองไม่มีทางได้ขึ้นเป็นประธานของสหพันธ์แน่นอน ฉันแค่อยากบอกว่าฉันจะทุ่มสุดความสามารถเพื่อทำในสิ่งที่ฉันพอจะทำได้”
“ขอบคุณที่สนับสนุนค่ะ”
พูดจบ หลี่เสว่ก็เดินลงเวทีมา
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกประหลาดใจที่เห็นหลี่เสว่ดูสงบแบบนี้ เวลาเดียวกันในใจก็รู้สึกเร่าร้อนมาก ดูสิ ภรรยาของเขาเป็นทั้งคนที่อ่อนแอที่สุดและแข็งแกร่งที่สุดด้วย ไม่แพ้คนอื่นเลยสักนิด