ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 524
บทที่ 524
“นี่คือสิ่งที่แม่ของผมหมายถึง” เย่ฮวนหยุดไปชั่ววินาที “แม่ผมต้องการให้ผมทำแบบนี้”
ไป๋ยี่เฟยนิ่งเงียบ
เบื้องหลังความงดงามทุกคนล้วนมีเรื่องราวที่มืดมนซึ่งถูกซ่อนไว้และไม่อาจมีใครรู้ได้
ไป๋ยี่เฟยก็รู้สึกเฉกเช่นเดียวกันในวินาทีนี้
ก็ใช่ ไป๋เซี่ยวก็เคยอยากฆ่าตัวตายเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? สถานการณ์ไม่แตกต่างอะไรมากกับเย่ฮวนเลย
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ใช้แก้วไวน์ชนแก้วของเย่ฮวน แล้วดื่มทั้งหมดในอึกเดียว
เย่ฮวนก็ดื่มทั้งหมดในอึกเดียวตาม แล้วเติมของทั้งสองให้เต็มอีกครั้ง
ไป๋ยี่เฟยถือแก้วไวน์ และลูบเบาๆไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถามขึ้นว่า “คุณพูดพวกนี้กับผม เพราะอยากบอกอะไรผมหรือเปล่า?”
“ไม่ เพียงแค่ต้องการหาใครสักคนพูดคุยเท่านั้น ” เย่ฮวนจิบไวน์ไปคำหนึ่งเบาๆ
ทั้งไป๋ยี่เฟยและเย่ฮวนต่างก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร ทั้งสองคนต่างคนต่างยกแก้วไวน์ และมองไปยังทะเลในความมืด
ผ่านไปเป็นเวลานาน เย่ฮวนก็วางแก้วไวน์ลง และพูดเบาๆว่า “แม่ผมให้ผมดูแลเซียนเซียนและน้องสาว ผมทำได้อยู่แล้ว”
“แต่แม่ผมบอกผมว่าไม่ต้องสืบหาความจริง เรื่องนี้ผมคงทำไม่ได้จริงๆ!”
“เกิดเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ถ้าแม้แต่เรื่องแบบนี้ยังต้องหลบหลีก และไม่ไปถาม เช่นนั้น ก็ไม่สมควรเป็นผู้ชาย! ”
“ดังนั้น ผมจะสืบหาความจริง จนกว่าจะพบความจริงการแก้แค้นถึงจะสิ้นสุดลง”
“ตำแหน่งประธานสหพันธ์ธุรกิจในเป่ยไห่นี้ ผมต้องจองแล้ว
ไป๋ยี่เฟยเพียงแค่หันหน้าเหลือบมองเขาแวบเดียว จากนั้นก็พูดอย่างเฉยชาว่า “ผมเข้าใจในความคิดของคุณ”
“ผมก็มีคนที่ผมต้องคอยปกป้องเช่นกัน”
ไป๋ยี่เฟยพูดจบก็จิบไวน์ไปคำหนึ่ง แล้วพูดอีกครั้งว่า “ที่จริงแล้ว ผมไม่อยากลงสมัครลงแข่งขันการเลือกตั้งหรอก กระทั่งไม่อยากสืบทอดโหวจวี๋กรุ๊ปอะไร หรือสืบทอดตระกูลไป๋เลย”
“ความคิดของผมมันง่ายมาก ผมแค่อยากอยู่กับภรรยา แม่และน้องสาว และข้ามผ่านทุกช่วงเวลาไปกับครอบครัวอย่างมั่นคงและปลอดภัยเท่านั้น”
“ใช่มันง่ายมาก” เย่ฮวนพยักหน้า
ไป๋ยี่เฟยหัวเราะเยาะเย้ยตัวเอง “สำหรับผมแล้ว มันไม่ง่ายเลยสักนิด ในทางกลับกัน มันกลับเป็นเพียงการเพ้อฝันอย่างหนึ่งเท่านั้น”
เย่ฮวนหันหน้าไปมองไปที่ไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยส่งเสียงหัวเราะอย่างเย็นชา “ ผมไม่เคยคิดจะเป็นศัตรูกับใครเลย ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นพวกคุณบีบบังคับ!”
“เป็นเพราะพวกคุณคอยบังคับผมและคอยให้ผมจำเป็นตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกคุณ”
“ถ้าพวกคุณใจดีแต่แรกแทนที่จะตั้งตัวเป็นศัตรูกับผมอย่างลึกลับ ผมคงจะไม่มีวันทำสิ่งเหล่านี้หรอก!”
“ทุกคนล้วนมีสิ่งที่ต้องคอยปกป้อง แต่นี่ไม่ได้หมายความว่า คุณจะต้องไปทำลายสิ่งที่คนอื่นคอยปกป้อง!”
“มันไม่ยุติธรรม! ”
“ดังนั้น ผมก็จะไม่ยอมอีกต่อไป”
ไป๋ยี่เฟยพูดจบก็ดื่มไวน์คำสุดท้ายจนหมด และวางแก้วไวน์ลง พร้อมกับลุกขึ้นยืนและพูดว่า ” ขอบคุณสำหรับไวน์ของคุณนะครับ แต่ผมยังอยากจะเตือนคุณว่า ดูแลผู้หญิงของคุณให้ดี มิฉะนั้น ผมจะจัดการหล่อนอย่างไม่ถือสาอะไร! ”
“คุณกล้าเหรอ!” เย่ฮวนวางแก้วไวน์ลงอย่างหนักอึ้ง และจ้องที่ไป๋ยี่เฟยอย่างด้วยสีหน้าบึ้งตึง
ไป๋ยี่เฟยยักไหล่ “คุณก็ดูแล้วกันว่าผมกล้าหรือไม่กล้า?”
“ยังมีอีกอย่าง แม้ว่าคุณจะบอกกับผมถึงความมุ่งมั่นที่จะปกป้องหล่อน แต่ขอพูดตามตรงนะ คุณแค่ทำตามความปรารถนาสุดท้ายของแม่คุณเท่านั้น ในใจคุณ ไม่ได้สนใจอะไรเลยในตัวคนคนนี้เลย”
“โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณยังมีแค้นที่ต้องชำระ การทำอะไรสักอย่างมันจะต้องพะว้าพะวังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งมันแตกต่างจากคุณ”
ไป๋ยี่เฟยพูดจบก็หันหลังและจากไป
เย่ฮวนจ้องไปที่ด้านหลังของไป๋ยี่เฟย อย่างเย็นชา เขากัดฟันพูดว่า “คอยดู! ”
……
ไป๋ยี่เฟยรู้ว่าเย่ฮวนหมายถึงอะไร
เย่ฮวนบอกเขามากขนาดนี้เพียงเพื่อให้เขาปล่อยเฝิงเซียนเซียนไป
เขาเกลียดสิ่งที่ก่อนหน้านี้เขาได้ทำให้ฉินหัว และทุกคนต่างก็รู้ เขาจึงกลัวตัวเองว่าจะแก้แค้นเฝิงเซียนเซียนอย่างนี้ ดังนั้นเขาจึงพูดว่า เฝิงเซียนเซียนเป็นคนที่เขาต้องการครอบคลุม
ดังนั้นไป๋ยี่เฟยถึงได้พูดอย่างนั้นกับเย่ฮวนไป
แต่ทุกคนล้วนมีคนที่ต้องคอยปกป้อง เขาจะไม่ใช้การที่เย่ฮวนไปปกป้องหล่อน ทำให้หล่อนเป็นตัวสร้างปัญหาให้กับตัวเอง และเขาก็จะไม่ปล่อยให้ใคร บีบลูกพลับตามที่ต้องการ
และเย่ฮวนเอง ก็เหมือนกับสิ่งที่เขาพูดจริงๆ เย่ฮวนยังคงมีแค้นที่ต้องชำระ หากเขาจะทำอะไร จะต้องพะว้าพะวังอย่างแน่ ซึ่งมันไม่เหมือนอย่างเขาและเขาเพียงแค่ต้องการปกป้องคนที่เขาต้องปกป้องก็พอแล้ว
เมื่อไป๋ยี่เฟย กลับมาที่ห้องโถง การประมูลก็ยังดำเนินอยู่
หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยนั่งลงเขาก็มองไปที่หลี่เสว่ และถามอย่างเงียบๆว่า “มีอะไรที่ถูกใจคุณบ้างไหม?”
หลี่เสว่ส่ายหัว
เมื่อหวังโหลวเห็นสถานการณ์ ก็หยุดชะงักและพูดว่า “เรือกำลังจะกลับแล้ว”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า และเขาก็รู้สึกได้ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว ว่าเรือกำลังมุ่งสู่ทางกลับแล้วอย่างแน่นอนซึ่งมันกำลังประจวบเหมาะเลย เพราะพรุ่งนี้ก็เป็นวันสุดท้ายแล้ว
“มีอะไรที่ถูกใจคุณบ้างไหม?” ไป๋ยี่เฟยถามหวังโหลว
หวังโหลวส่ายหน้าเช่นกัน “ไม่ได้มีความสนใจในสิ่งเหล่านี้เลย”
ไป๋ยี่เฟยยักไหล่ เพราะพวกนี้เป็นผลงานการเขียนตัวหนังสือด้วยพู่กันและภาพวาดเกือบทั้งหมดเลย แน่นอนว่าไม่ได้มีความสนใจมากเท่าไร ดังนั้นไป๋ยี่เฟยจึงเบนสายตา ไปมองหลี่เสว่ที่ข้างๆเขา พร้อมกับเข้าไปใกล้และพูดว่า “ที่รักครับ ยังไงก็ไม่ชอบอยู่แล้วทำไมเราไม่กลับไปพักผ่อนเช้าๆหน่อยล่ะ”
หลี่เสว่หยุดนิ่งไปครู่หนึ่งและหน้าก็แดงขึ้นทันที พร้อมกับจ้องไป๋ยี่เฟย “คุณ…จะทำอะไรน่ะ?”
ไป๋ยี่เฟยเลิกคิ้วขึ้น และยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ที่รักครับ คุณพูดสิ?”
จิตใจตกอยู่ในสภาวะตึงเครียดมาตลอดสองวันมานี้ และในที่สุดผมก็สามารถผ่อนคลายได้แล้ว แน่นอนว่าไป๋ยี่เฟย อยากทำสิ่งที่มีความหมายสักหน่อยเท่านั้น
เก็บไว้ก่อนก็ได้แต่บนเรือสำราญลำนี้ คนที่พาภรรยามา มีไม่ค่อยเยอะนะ
หลี่เสว่จ้องไป๋ยี่เฟยอย่างเขินอาย “ถ้าคุณจะกลับก็กลับเลย ฉันจะดูสักพักก่อน”
ไป๋ยี่เฟยยอมที่ไหนกันเขาจูงมือหลี่เสว่ไว้และกำลังจะเดินไป “ที่รักครับ ถ้าจะกลับก็ต้องกลับด้วยทั้งสองคนสิ!”
หลี่เสว่เห็นดังนั้นก็รู้สึกลังเลอยู่หน่อยๆ หล่อนมองไปที่ หวังโหลว ซึ่งอยู่ข้างๆ และเห็นว่า หวังโหลว กำลังมองไปที่โต๊ะประมูลอย่างตั้งอกตั้งใจ หล่อนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก และคิดว่าจะประนีประนอม
ในตอนนั้นเอง เสียงของเจ้าภาพการประมูลก็เปลี่ยนไปเป็นเสียงของสวี่ชางรองประธานสหพันธ์ธุรกิจของเมืองหลวง
“สวัสดีตอนเย็นครับทุกท่าน”
“ผมจะไม่แนะนำอะไรมากกว่านี้นะครับ ต่อไป สิ่งสำคัญที่สุดที่ผมจะแนะนำคือ สิ่งที่จะประมูล”
“ของสิ่งนี้สำคัญเป็นอย่างมาก”
ไป๋ยี่เฟยหยุดชะงักลง รู้สึกงุนงงเล็กน้อย สำคัญอะไร? แน่ใจเหรอว่าเป็นคำแนะนำสิ่งของ
ไป๋ยี่เฟยเริ่มสงสัยเล็กน้อย และตัดสินใจที่จะอยู่เพื่อดูต่อ
หลี่เสว่เองก็อยากรู้อยากเห็นเช่นกัน ดังนั้นไป๋ยี่เฟยจึงไม่ได้ไปและหล่อนก็อยู่ต่อเช่นกัน
ทุกคนต่างก็งุนงง และเริ่มสงสัยเช่นกัน
สวี่ชางมองทุกคนและยิ้ม พร้อมกับถือของบางอย่างที่คล้ายกับไพ่โป๊กเกอร์ในมือของเขา “เห็นสิ่งที่อยู่ในมือผมหรือยังครับ”
“นี่เรียกว่าบัตรเลื่อนขั้น”
“รอบที่สองก็ได้จบลงแล้ว และพวกเราก็ได้เลือกผู้สมัครยี่สิบคนสุดท้ายที่ได้รับการเลื่อนขั้นแล้ว เช่นนั้นในรอบสุดท้าย ก็จะเลือกผู้สมัครสามคนจาก 20 คนเพื่อเลื่อนตำแหน่ง”
“อะไรนะ?”
ทุกคนไม่นิ่งนอนใจ
ตอนแรกเริ่ม ทุกคนคิดว่าจะมีการเลือกตั้งเพียงสามรอบเท่านั้น และคิดว่าในรอบสุดท้ายจะเลือกผู้สมัครที่เหมาะสมที่สุดโดยตรงจากทั้งยี่สิบคนออกมา
ตอนนี้กลับเพิ่มรอบพิเศษขึ้นอย่างคาดไม่ถึง
ในเวลานี้ คำพูดของสวี่ชางยังคงดำเนินต่อไป “ผมมีบัตรเลื่อนขั้นสามใบอยู่ในมือ เพียงแค่ประมูลได้ก็สามารถเข้าสู่รอบสุดท้ายได้อย่างราบรื่น”
“เชี้ย! นี่มันอะไรกันเนี่ย?”
“มันไม่ยุติธรรมเอาสะเลย?”
“ยี่สิบเข้าสาม และมันก็เป็นบัตรเลื่อนขั้นแค่สามใบ นี่เป็นการเริ่มการเลือกตั้งรอบที่สามแล้วงั้นเหรอ?”
“งั้นคนที่ไม่ได้อยู่ใน 20 คนนั้นล่ะถ้าประมูลแล้วจะยังไง?”
คำถามที่ถามนี้เป็นคำถามที่ทุกคนหยิบยกขึ้นมา สวี่ชางจึงอธิบายในจุดจุดนี้ไปว่า “ไม่ว่าจะเข้าสู่ 20 อันดับแรกหรือไม่ก็ตาม ตราบใดที่ประมูลได้บัตรเลื่อนขั้นก็จะสามารถได้รับการเลื่อนขั้นโดยไม่มีเงื่อนไข”
พอพูดจบ ทุกคนก็ตะลึงตาค้าง
การดำเนินการนี้ไม่มียางอายบ้างหรือไง?
หลังจากทำเช่นนี้แล้ว การเลือกตั้งรอบสองในสองวันก่อนจะไปมีความหมายอะไร? กำลังล้อกับพวกเขาเล่นอยู่งั้นเหรอ?
ไป๋ยี่เฟยก็ตะลึงอยู่นานเช่นกัน และเขาก็คิดในระดับที่ลึกกว่านั้น สหพันธ์ธุรกิจทำอย่างนี้ ไม่ใช่ว่ากำลังหาเงินอย่างโจ่งแจ้งงั้นเหรอ?