ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 525
บทที่525
สหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงช่างขายหน้าเสียจริง!
สวี่ชางยกมือขึ้น และกระแอมไอไปไม่กี่ครั้ง “ทุกคนโปรดอยู่ในความสงบ ผมรู้ว่าบางส่วนไม่สบายใจเป็นอย่างมาก แต่จากการเริ่มต้นการแข่งขันการเลือกตั้ง ที่ผมเคยพูดไปนั้น ผลสุดท้าย มันขึ้นอยู่การตัดสินของผม”
“ถ้าเช่นนั้น กฎข้อนี้ ย่อมเป็นการตัดสินของผม”
หลังจากได้ยินคำพูดของสวี่ชาง แล้วทุกคนก็เงียบกริบ
แต่ก็ไม่สามารถระงับความคิดภายในใจได้
มันช่างไร้ยางอาย!
หลอกลวง!
ไร้เหตุผลสิ้นดี!
ไป๋ยี่เฟยก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ “สมแล้วที่เป็นสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวง เล่นได้ดีจริงๆ!”
สวี่ชางเห็นว่าทุกคนสงบลงแล้ว ก็รีบเอ่ยปากพูดทันทีว่า “เอาล่ะ การประมูลเริ่มแล้ว บัตรเลื่อนขั้นใบแรกราคาเริ่มต้น 1 พันล้านหยวน! เพิ่มราคาทุกครั้งไม่น้อยกว่า 10 ล้านหยวน”
“บัดซบ!”
ทุกคนต่างพากันเดือดพล่าน!
1 พันล้านหยวน! แม่งเอ๊ยราคาประมูลเริ่มต้น 1พันล้านหยวนเลยนะ!
ไม่ต้องพูดถึงเลยคนที่มาทีหลังจะเพิ่มราคาขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะได้รับบัตรเลื่อนขั้น กล่าวคือ บัตรเลื่อนขั้นสามใบ เช่นนั้นคนของสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงก็จะได้รับอย่างน้อย 3 พันล้านหยวนโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ!
แนวคิด 3 พันล้านหยวนคืออะไร?
บริษัทบางบริษัทมีทรัพย์สินรวมแค่ไม่กี่ 10 ล้านหยวนเอง ยังไม่ถึง 100 ล้านหยวนด้วยซ้ำ เป็นไปได้ว่า 3 พันล้านหยวนนี้เป็นทรัพย์มหาศาลก้อนหนึ่งเลยนะ! ถ้านำออกมาสามารถเปิดบริษัทได้ไม่ต่ำกว่า 30 บริษัทเลย!
แต่นี่ยังไม่จบ ตำแหน่งประธานสหพันธ์ธุรกิจมีแค่ตำแหน่งเดียว เช่นนั้นต่อให้ใช้เงินไปประมูลบัตรเลื่อนขั้นได้ ก็ไม่แน่นอนว่าจะสามารถเป็นประธานสหพันธ์ธุรกิจได้
การค้าขายนี้ ไม่ว่าจะมองยังไงก็ล้วนเป็นกำไรของสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวง!
ไป๋ยี่เฟยส่งเสียงยิ้มเจื่อนๆ “ช่างเป็นข้อตกลงการค้าขายที่ดีเสียจริง!”
ที่จริงแล้วสิ่งที่ไป๋ยี่เฟยมีอยู่ ณ ตอนนี้ หยิบออกมา 1 พันล้านหยวนไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่ปัญหาคือ มันคุ้มค่าหรือเปล่า?
จ่ายไป 1 พันล้านหยวนเพื่อซื้อโอกาสในการเลื่อนขั้นเท่านั้น แต่กลับไม่ได้เป็นประธานสหพันธ์ธุรกิจโดยตรง หากสุดท้ายแล้วไม่สามารถเป็นประธานได้ เช่นนั้นจะไม่เป็นการเสียเงินไปฟรีๆเหรอ?
ในทำนองเดียวกัน หลายคนก็มีความคิดเหมือนกับไป๋ยี่เฟยและต่างพากันพิจารณาปัญหานี้เช่นกัน
“การประมูลเริ่มขึ้นแล้ว! มีความมุ่งหมายเท่านั้นถึงจะสามารถเสนอราคาได้! สวี่ชาง ตะโกนใส่ไมโครโฟนไปทีหนึ่ง
อย่างไรก็ตามหลังจากที่เสียงพูดเงียบลง ทุกคนที่อยู่ด้านล่างเวทีก็ไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ เพียงแค่มองไปรอบๆ เพื่อดูว่ามีใครออกมือจริงๆหรือเปล่า
ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังขึ้นมา
“1 พันล้านหยวน!”
มีคนเสนอราคาแล้ว
ทุกคนต่างมองตามเสียงไป อยากจะดูว่าพี่ใหญ่คนไหนช่างกล้าได้กล้าเสียเช่นนี้ ทำไมถึงได้เสนอราคาโดยตรงอย่างนี้
หลังจากที่เห็นคนเสนอราคาแล้ว พวกเขาทั้งหมดหันก็กลับมาอย่างเงียบ ๆ
เห็นเพียงเฝิงเซียนเซียนที่นั่งอยู่ข้างๆเย่ฮวนยกป้ายในมือขึ้นด้วยสีหน้าโอหังอวดดี
และในตอนนี้มุมปากเย่ฮวนก็ยกขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับจ้องไปที่ไป๋ยี่เฟย สายตาแฝงไว้ด้วยความยั่วยุ ราวกับกำลังพูดว่า “ถ้าแกมีความสามารถก็เรียกราคาสิ!”
ทุกคนไม่กล้าพูดอะไรเลย ตระกูลเย่นี่ช่างมีกำลังเสียจริง เรียกได้ว่าไม่มีความกดดันเลยสักนิด
ไม่เพียงแค่นั้น ความแข็งแกร่งในตัวตระกูลเย่ก็อยู่ในอันดับหนึ่งของเป่ยไห่ ดังนั้นแม้ว่าเขาจะจ่ายไป 1 พันล้านหยวน ก็ไม่นับว่าเป็นการเสียเงินฟรีๆ เพราะมีความเป็นไปได้สูงที่ตำแหน่งประธานสหพันธ์ธุรกิจจะตกอยู่กับเขา
สวี่ชางพยักหน้าด้วยรอยยิ้มบนเวที และตะโกนเรียกว่า “1 พันล้านครั้งที่1! ”
“1 พันล้านครั้งที่2!”
“ยังท่านไหนเพิ่มราคาอีกไหมครับ?”
ทุกคนได้ยินดังนั้นก็เงียบไป ใครกันล่ะอยากตั้งตัวเป็นศัตรูกับตระกูลเย่?
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ความคิดนี้ออกมา ก็มีคนเพิ่มราคา
“1.1 พันล้าน!”
“บัดซบ!”
“มีคนเสนอราคาแล้วจริงๆ!”
“และเพิ่มอีก 100 ล้านหยวนในครั้งเดียวอีก!”
“เขาเป็นใครกัน?” ยอดเยี่ยมขนาดนี้เลยเหรอ? กล้าดียังไงมาเสนอราคาแข่งกับตระกูลเย่?”
ไป๋ยี่เฟยก็ตกใจเช่นกัน เห็นหวังโหลวที่อยู่ข้างๆ กำลังถือป้ายอยู่ “คุณหมายความว่าอย่างไร?”
หวังโหลววางป้ายลง แล้วพูดอย่างเฉยชาว่า “จะเรือล่มเมื่อจอดไม่ได้นะ”
ไป๋ยี่เฟยหยุดนิ่งไปเล็กน้อย เขาจึงคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ จากนั้นจึงรีบหน้าดำคล้ำทันที “บ้าเอ๊ย!”
ความคับข้องใจที่ถูกควบคุมแต่ไม่สามารถต้านทานได้ ทำให้ไป๋ยี่เฟยเกลียดจนอยากจะดึงคนออกมาและต่อยอย่างแรงทันที
หวังโหลวไม่ได้พูดอะไร ในเวลานั้น ก็เป็นเวลาที่สำคัญเป็นอย่างมาก และมีเพียงการช่วยให้ไป๋ยี่เฟยได้รับโอกาสเลื่อนขั้นนี้เท่านั้น ถึงจะทำให้คนที่อยู่เบื้องหลังอดไม่ได้ที่จะลงมือ
ขณะเดียวกันนั้น
“1.2 พันล้าน!” เฝิงเซียนเซียนเสนอราคาอีกครั้ง
หวังโหลวเห็นดังนั้นก็รีบเพิ่มราคาทันที “1.3 พันล้าน! ”
คนในห้องโถงเห็นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ
บ้าเอ๊ย! นี่มันสุดยอดมาก!
ทุกครั้งที่เพิ่มราคาล้วนเป็นครั้งละ 100 ล้าน นี่มันเหมือนกับว่าไม่เห็นเงินเป็นเงินเลย!
เฝิงเซียนเซียนรีบต่อรองราคาทันที “1.4 พันล้านหยวน! ”
“ซี้ด…”
ทุกคนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
และในตอนนั้นเอง ไป๋ยี่เฟยก็ยั้งมือของหวังโหลวไว้ แล้วตัวเองก็ยกป้ายขึ้น
“2 พันล้าน!”
“โครม!”
เสียงอึกทึกครึกโครมดังไปทั่วในห้อง และทุกคนต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริด
“2 พันล้านเลยนะ! บ้าเอ๊ย!”
“ออกมือได้จริงๆ!”
“เชี้ย!หากเงินตั้ง 2 พันล้านหยวนแล้วยังไม่ได้เป็นประธาน มันไม่ใช่ว่า… ”
“นี่ช่างเป็นเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวจริงๆ ไม่สิ ฉันทนไม่ไหวแล้ว!”
ไป๋ยี่เฟยยกยิ้มขึ้น ไม่ใช่ว่าจะเพิ่มราคาหรอกเหรอ? เขาร้องเรียกออกมา เกรงว่าเย่ฮวนกับเฝิงเซียนเซียนจะไม่ตาม! ฮึ่ม!
เฝิงเซียนเซียนเบิกตากว้าง คิดไม่ถึงว่าพอไป๋ยี่เฟยแค่เอ่ยปากพูดก็ตั้ง 2 พันล้านเลย!
สวี่ชางก็ตะลึงด้วยเช่นกันและแน่นอนว่า เขาเริ่มฮึกเหิมมากขึ้น!
ตั้ง 2 พันล้านเลยนะ ถือว่าเป็นราคาที่สูงเสียดฟ้าเลย และต้นทุนของสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงนั้น น้อยมาก และสามารถกล่าวได้ว่า มีกำไรเพียง 2 พันล้านถ้วนเท่านั้น!
สวี่ชางหยิบไมโครโฟนขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
“2 พันล้านครั้งครั้งที่ 1!”
“2 พันล้านครั้งที่ 2!”
“มีท่านใดอยากเพิ่มราคาอีกไหมครับ” มีท่านอื่นอีกไหมครับ?”
ทันทีที่สิ้นเสียง เย่ฮวนก็ยกป้ายขึ้น “2.5 พันล้าน! ”
อีกครั้งหนึ่ง ที่ทุกคนเดือดดาล
“2.5 พันล้าน!” โอ้พระเจ้า! ทั้งชีวิตนี้ฉันไม่เคยเห็นเงินมากมายขนาดนี้มาก่อนเลย! ”
“คนรวยนี่ช่างเดิมพันเก่งจริงๆ!”
“ความยากจนมันจำกัดจินตนาการของฉัน!”
สิ่งที่ทุกคนพูดเป็นความจริง ที่นี่มีเจ้าของธุรกิจมากมาย พูดตามตรงว่า ที่มีทรัพย์สินจริงมากกว่า 100 ล้านมันมีไม่ค่อยเยอะหรอกอย่าพูดถึง 2.5 พันล้านเลย เกรงว่าคงจะเป็นผลรวมจากบริษัทหลายสิบแห่งเท่านั้น!
มันช่าง น่าหวาดกลัวเสียจริงๆ!
สวี่ชางยิ่งตะลึงไปอีกเขาคิดว่า 2 พันล้านเป็นมูลค่าสูงสุดแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะมาอีก 2.5 พันล้าน!
เฝิงเซียนเซียนมองไป๋ยี่เฟยด้วยสีหน้าเย่อหยิ่ง และพูดอย่างไม่ออกเสียงว่า “อยากแข่งเงินกับเย่ซื่อกรุ๊ปเหรอ ไว้ชาติหน้าเถอะ!”
ใช่แล้วในเป่ยไห่ เย่ซื่อกรุ๊ปเป็นบริษัทพี่ใหญ่ และไม่มีบริษัทไหนที่จะสามารถมีเงินมากกว่าเย่ซื่อกรุ๊ป