ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 529
บทที่ 529
แน่นอนว่ามีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่จะถูกเลือกให้เป็นประธานได้!
เย่ฮวนถูกเตือนโดยคำพูดของเฝิงเซียนเซียนและมองไป๋ยี่เฟยทันทีหรือว่าไป๋ยี่เฟยจะมีความคิดแบบนั้นจริงๆ? จึงทำอย่างนั้นเพื่อตอบสนองเขา?
ไม่สิคงไม่ใช่อย่างนั้น!
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้โง่และไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้สินทรัพย์ทั้งหมดที่มียกเข้าไป!
หลี่เสว่และ หวังโหลวไม่มีปฏิกิริยาอะไรเพราะพวกเขารู้ดีว่าคราวนี้ไป๋ยี่เฟยจะไม่ประมูลอีก
“ประธานเย่ครับ นี่เป็นใบสุดท้ายแล้ว คุณยังคิดที่จะปล่อยไปอีกเหรอ?” ไป๋ยี่เฟยมั่นใจว่าด้วยกำลังของเย่ฮวนเขาจะต้องได้รับตำแหน่งประธานอย่างแน่นอน และนี่เป็นบัตรเลื่อนขั้นใบสุดท้ายแล้วซึ่งมันก็หมายถึงโอกาสสุดท้ายนั่นเอง
เมื่อเย่ฮวนเห็นดังนั้นถึงกับต้องกัดฟันและยกป้ายขึ้นกันเลยทีเดียว “3.5 พันล้าน!”
เมื่อทุกคนเห็นดังนั้นก็ถอนหายใจอย่างลับๆและดูเหมือนว่าบัตรเลื่อนขั้นใบสุดท้ายนี้จะเป็นของประธานเย่
เมื่อเฝิงเซียนเซียนเห็นการเสนอราคาของเย่ฮวน เฝิงเซียนเซียนก็เงยหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ ครั้งนี้ ในที่สุดเย่ฮวนก็ยอมเสนอราคาแล้ว ทำให้หล่อนถอนหายใจด้วยความโล่งอกไปทีหนึ่ง และไม่รู้สึกเสียใจอีกต่อไป
เย่ฮวนจ้องไป๋ยี่เฟย และพูดอย่างเงียบๆว่า คุณจะต้องอ่านสถานการณ์หน่อยนะ และจะดีกว่าถ้าคุณจะไม่เสนอราคาอีก!
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้สนใจสายตาของเย่ฮวน เขานั่งอยู่ที่นั่นอย่างสงบและมองขึ้นไปที่ สวี่ชางบนเวที
เมื่อทุกคนเห็นว่าไป๋ยี่เฟยไม่ได้เสนอราคาอย่างเงียบๆ ทุกคนก็อดเดาไม่ได้ว่า นี่คงไม่เตรียมประมูลแล้ว?
ก็ใช่ ถ้าทั้งสามใบอยู่ในมือของไป๋ยี่เฟย อย่างนั้นคงต้องแย่แน่เลย?
เย่ฮวนเห็นว่าไป๋ยี่เฟยไม่ได้เสนอราคา ก็แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
สวี่ชางก็พูดขึ้นทันที “3.5 พันล้านเป็นครั้งที่1!”
“3.5 พันล้านเป็นครั้งที่2!”
“และ3.5 พันล้านครั้งที่3! ตกลงการขาย!”
“ให้เราแสดงความยินดีกับเย่ฮวนจากเย่ซื่อกรุ๊ปที่ได้รับบัตรเลื่อนขั้นใบสุดท้าย!”
เมื่อเสียงหยุดลง ก็มีเสียงปรบมือด้วยความชื่นชมยินดีดังขึ้น
ในที่สุด งานประมูลครั้งนี้ก็มาถึงจุดสิ้นสุด
แต่บัตรเลื่อนขั้นทั้งสามใบนี้ อีกสองใบตกเป็นของไป๋ยี่เฟย และเย่ฮวนจากเย่ซื่อกรุ๊ปมีแค่บัตรเลื่อนขั้นเพียงใบเดียวเท่านั้น ดูเหมือนว่า ไป๋ยี่เฟยจะกดหัวเย่ฮวนได้
เมื่อทุกคนเห็นสถานการณ์อย่างชัดเจนแล้วก็ฉกฉวยโอกาสนี้ ประจบสอพลอ
“ขอแสดงความยินดีประธานไป๋ด้วยครับ!”
“ยินดีด้วยนะคะ!”
เมื่อเฝิงเซียนเซียนเห็นทุกคนพากันแสดงความยินดีกับไป๋ยี่เฟย ก็พูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า “คนพวกนี้ช่างสองมาตรฐานเสียจริง!”
เย่ฮวนสีหน้ามืดครึ้ม และไม่ได้พูดอะไร
ที่จริงแล้วถ้านับบัตรเลื่อนขั้นทั้งสามใบในวันนี้บัตรเลื่อนขั้นแต่ละใบต่างก็มีราคาอยู่ 3.5 พันล้านหยวน
ทั้งของไป๋ยี่เฟยและหลี่เสว่สามารถนับรวมกันได้ เฉลี่ย 7 พันล้านหยวนก็เท่ากับราคา 3.5 พันล้านไม่ใช่เหรอ?
แน่นอนว่า ในการประมูลครั้งนี้ คนที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดก็คือสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงนั่นแหละ
ส่วนเงินที่ประมูลกันก่อนหน้านี้คงไม่ต้องพูดแล้ว เมื่อรวมกับหมื่นกว่าล้านจากเมื่อครู่แล้ว คงเป็นอะไรที่สุดจะทนได้!
พอกิจการของสวี่ชางรุ่งเรืองแล้ว หลังจากประกาศว่าการประมูลสิ้นสุดลง ก็ออกไป
ในห้องพักผู้โดยสารห้องหนึ่ง หลังจากได้ยินเสียงซึ่งก็ไม่รู้ว่าใครพูดประโยคไปหนึ่งประโยคว่า “เข้ามาสิ”และ สวี่ชางที่อยู่นอกประตูก็ผลักประตูเข้าไป
ในขณะที่ประตูปิดลง ก็มีคนหัวเราะเบาๆ “สามารถหาเงินได้หมื่นกว่าล้านสบายๆอย่างนี้ มันเป็นช่างการค้าที่ดีเสียจริง!”
“ใช่ครับ!” สวี่ชางตอบอย่างมีความสุข
คนนั้นพูดอีกครั้งว่า “ไม่แปลกใจเลยที่คนของสหพันธ์ธุรกิจเหล่านั้นจะมากัน แต่น่าเสียดาย ที่สุดท้ายแล้วเงินเหล่านี้ไม่ได้เข้าในกระเป๋านาย?”
“ใครบอกให้ผมเส้นใหญ่ล่ะ?” สวี่ชางนั่งลงและยิ้มจนหน้ายุ่ย
เมื่อพูดจบ อีกเสียงหนึ่งก็พูดขึ้นว่า “เส้นใหญ่ไม่ใหญ่ไม่รู้แต่เงินทั้งหมดนั่นเป็นเงินจากตระกูลเย่และตระกูลไป๋? แกสามารถเอามันไปได้อย่างอกโล่งใจสบายจริงๆเหรอ?”
สวี่ชางหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วโต้กลับว่า “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ นี่ถือว่าเป็นการทำธุรกิจที่ยุติธรรมแล้วและงานประมูลก็เป็นแบบนี้แหละใครจะไปพูดได้ล่ะว่าผมผิด?”
“ไว้ค่อยว่ากันอีกทีแต่นี่ก็ถือว่าเป็นการให้ความหวังกับพวกเขานะมันไม่ใช่เหรอ?”
“แต่สุดท้ายแล้ว รุ่งอรุณแห่งความหวังก็จะตกอยู่กับคนสุดท้ายเท่านั้น”
“เฮ้อ…ยังไงมันก็ไม่สามารถตำหนิผมได้นะ! มันก็เป็นแค่การแข่งขันการเลือกตั้งน่า มีคนที่ได้ตำแหน่ง แน่นอนว่าย่อมมีผู้แพ้นี่ไม่ใช่เรื่องปกติเหรอ?”ดูเหมือนสวี่ชางจะคิดอะไรบางอย่างได้และน้ำเสียงของเขาก็ไม่ได้แข็งกร้าวเหมือนอย่างก่อนหน้านี้แล้ว
และมีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมาอีกครั้ง “ที่พูดก็ถูก มันก็เป็นแค่การพนัน มีชนะก็ย่อมมีแพ้เป็นธรรมดา ซึ่งเงินของครอบครัวเราหามาได้ด้วยตัวเราเอง และมันก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับตระกูลไป๋ด้วย”
และเงินของเย่ฮวนก็เป็นของตระกูลเย่เช่นกัน”
สวี่ชางพยักหน้าทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น และมีความมั่นใจ“ดังนั้นแล้ว ผมหาเงินมาได้ด้วยความอกโล่งใจสบาย”
เสียงที่ซ่อนอยู่ในความมืดก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง “ว่ากันว่าแกเข้ามาเป็นประธานสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงด้วยเส้นสาย แต่ทำไมผมกลับรู้สึกว่ามันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น?”
“ท่านพูดล้อเล่นอะไรครับเนี่ย” สวี่ชางตอบด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยโดยไม่มีการกระทำที่ผิดปกติใดๆ
“ในสถานการณ์ตอนนี้คนที่อยู่ในที่มืดนั้นคงกำลังจะลงมือไปแล้วสินะ?”
“เป็นอย่างนั้นแน่นอนคงไม่ลงมืออีกแล้ว… ”
“ถ้ายังไม่ลงมือก็แสดงได้ว่า ในท่วมกลางพวกเรา….”
“คืนนี้สิ … ”
……
งานประมูลสิ้นสุดลงทั้งไป๋ยี่เฟยและหลี่เสว่ก็กลับไปห้องพักผ่อนด้วยกัน
“เฮ่ย… ”
นี่เป็นเสียงถอนหายใจครั้งที่ 8 ของไป๋ยี่เฟยแล้ว ประเด็นหลักคือเพราะใช้เงิน 7 พันล้านหยวนซื้อบัตรเลื่อนขั้นไปแล้วสองใบและนั่นมัน 7 พันล้านหยวนเลยนะเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าไม่ปวดใจ
เมื่อหลี่เสว่เห็นดังนั้นจึงเริ่มจับแขนของไป๋ยี่เฟยไว้ “ที่รักคะ…”
ไป๋ยี่เฟยรีบเก็บสีหน้าที่เจ็บปวดของเขาทันที และจ้องมองหลี่เสว่อย่างอ่อนโยน “ที่รัก เป็นอะไรไป?”
หลี่เสว่เม้มปาก และพูดปลอบโยนว่า “พรุ่งนี้ก็จะรู้ผลสุดท้ายแล้ว และเราก็มีโอกาส 2 ใน 3 เลย แม้ว่าจะใช้เงินไปมาก แต่อย่างน้อยเราก็มีโอกาสค่อนข้างมาก ไม่ใช่เหรอคะ?”
“ที่รักพูดถูก” ไป๋ยี่เฟยยิ้มเล็กน้อย และคิดไปมา จากนั้นก็พูดว่า “หากเราถูกเลือกงั้นก็แสดงว่าเราต้องย้ายไปที่เมืองเป่ยไห่ ที่รัก คุณ…”
“ยังไงคะ? ” หลี่เสว่กะพริบตา
ไป๋ยี่เฟยถามอย่างเฉยชาว่า “ออกจากเมืองเทียนเป่ยซึ่งคุณอาศัยอยู่มานานกว่า 20 ปีเลยนะคุณจะรับได้ไหม?”
หลี่เสว่หยุดนิ่งไปเล็กน้อย แน่นอนว่ารับไม่ได้หรอก และอีกอย่าง ถ้าไป๋ยี่เฟยย้ายไปแล้วแล้วหล่อนอยู่ต่อที่นั่นจะไปมีความหมายอะไร?
แต่หลี่เสว่ยังคงมีความกังวลของตัวเองนั่นคือเรื่องภาวะมีบุตรยากของตัวหล่อนเอง หล่อนกลัวว่าหากอยู่เคียงข้างไป๋ยี่เฟยตลอด ไม่ช้าอาจจะถูกรู้เข้า หรือกระทั่งถูกนำเอาออกมาพูด ในตอนนั้นคง….
ไม่กล้าที่จะคิดอะไรไปมากกว่านี้ หลี่เสว่ฝืนยิ้ม “แน่นอนว่ารับไม่ได้ แต่…”
ยังไม่ทันรอให้หลี่เสว่พูดจบไป๋ยี่เฟยก็พูดขึ้นว่า “ในเมื่อที่รักรับไม่ได้ งั้นเราจะไม่เลือกแล้ว อยู่ที่เมืองเทียนเป่ยนี่แหละ และใช้ชีวิตไปอย่างมีความสุข”
“ไม่ได้!” หลี่เสว่เคร่งครึ้มขึ้นมาทันที “นั่นคือบัตรเลื่อนขั้นที่เราจ่ายไป 7 พันล้านหยวนเพื่อให้ได้มาเลยนะ จะยอมทิ้งไปได้ยังไง? ถ้าทิ้งไป ไม่ใช่ว่าจะยิ่งขาดทุนเหรอ? คุณไม่เจ็บใจเลยเหรอ?”
ไป๋ยี่เฟย ” … ”
“แต่ว่า ผมไม่อยากทำให้คุณไม่สบายใจ” ไป๋ยี่เฟยพูดอย่างตรงไปตรงมา
หลี่เสว่รู้สึกซาบซึ้งใจ ไป๋ยี่เฟยทำแบบนี้ยิ่งทำให้หล่อนรับไม่ได้ที่จะห่างจากไป๋ยี่เฟย
ทันทีที่ทั้งสองคนเดินไปถึงทางเข้าห้องพักผู้โดยสารก็ได้ยินเสียงตะโกนของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
“แย่แล้ว! มีเรือสปีดโบ๊ทหลายสิบลำกำลังแล่นเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว!”
“ไปแจ้งกัปตันเร็วเข้า!”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินดังนั้นก็ส่งเสียงดังกุ๊กๆในใจ
มาแล้ว!
เรือสปีดโบ๊ทหลายสิบลำกำลังแล่นเข้าหาเรือสำราญจากทุกทิศทาง
ผู้คนเกือบทั้งหมดที่ได้ยินเสียงตะโกนเรียกยังไม่ได้กลับไปถึงที่ห้องพักผู้โดยสาร และพากันขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ
ไป๋ยี่เฟยก็มาถึงบนดาดฟ้าเรือด้วยเช่นกัน หลังจากนั้นไม่นาน เรือสปีดโบ๊ทก็มาถึงด้านล่างเรือสำราญ จากนั้นก็รีบดึงเชือกออก แล้วแขวนไว้บนเรือสำราญ
เมื่อเห็นเชือกเหล่านั้น ทุกคนก็พากันถอยห่างออกไปและมองไปอีกรอบ พวกเขาก็ตกใจกลัวเป็นอย่างมาก
คนเหล่านั้นก็ปีนขึ้นไปบนตาข่ายเชือกความเร็วนั้นรวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์!