ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 546
บทที่546
พวกรปภถูกกลุ่มของไป๋ยี่เฟยทำร้ายอย่าหมดทางสู้ เห้อคุนตาค้างไปเลย
ต้องเข้าใจก่อนว่าฝั่งตัวเองนั้นมีกันตั้งหลายสิบคน แต่พวกของไป๋ยี่เฟยนั้นมีไม่ถึงสิบคนด้วยซ้ำ แต่ผลที่ออกมาคือพวกนั้นกลับจัดการพวกของตนได้อย่างง่ายดาย
เห้อคุนกลืนน้ำลายเป็นการใหญ่ ตอนนี้เขารู้สึกกลัวแล้ว พอเห็นว่าไม่ได้การ เขาก็หันหลังแล้ววิ่งไป
ทันทีที่หันหลังไป ก็ประจันหน้ากับไอ้หัวล้านหลิวที่ยืนอยู่ตรงหน้า
ไอ้หัวล้านหลิวยกฝ่ามือขึ้นมาแล้วตบลงไป
“แพร๊ะ!”
เห้อคุนถูกตบจนหน้าเบี้ยว
“แม้แต่เจ้านายของเราก็ยังกล้าลงมือ! อยู่นานมากไปแล้วใช่มั้ย!” ไอ้หัวล้านหลิวพูดออกมาอย่างเดือดดาล
พอเห้อคุนจะพูด ไอ้หัวล้านหลิวก็ตบเข้าไปอีกที “อย่ามาพูดมากกับข้า มานี่!”
พูดจบ ไอ้หัวล้านหลิวก็จิกผมของเห้อคุนเอาไว้โดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นยังไง เขาออกแรงลากอีกฝ่ายจนมาถึงตรงหน้าของไป๋ยี่เฟย
ในเวลาเดียวกัน รปภคนอื่นก็ถูกคนของไป๋ยี่เฟยอัดจนลงไปนอนกับพื้นหมดแล้ว พร้อมกับเสียงร้องครวญครางที่ดังสนั่น
“คุกเข่าลง!” ไอ้หัวล้านหลิวเตะเข้าไปอย่างแรง แล้วกดเห้อคุนลงกับพื้น
เห้อคุนคุกเข่าอยู่ตรงพื้น ผมก็ถูกไอ้หัวล้านหลิวจิกไว้ โดยที่ไม่กล้าเงยหน้า เสียงร้องครวญครางของรปภคนอื่นดังอยู่รอบๆ เห้อคุนตกใจกลัวจนตัวสั่น
เขาไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะเก่งกาจขนาดนี้ ว่ากันว่าสองมือรึจะสู้สี่แขน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้ายอดฝีมือนั้น ต่อให้มาเพิ่มอีกเท่าไหร่ก็คงไม่ช่วยอะไร
จะว่าไปแล้วมันก็จริง คนที่แข็งแกร่งอย่างไป๋หู่นั้น ในเมืองเทียนเป่ยคงไม่มีอีกแล้ว ไหนยังจะมีคนที่ร้ายกาจอย่างสวีลั่งเฉินอ้าวเจียวอีก
พอคนที่อยู่ในห้องวีไอพีได้เห็นภาพนี้แล้ว ต่างก็รู้สึกตื่นตกใจมาก ในเวลาเดียวกันนั้นความรู้สึกที่มองไป๋ยี่เฟยก็ต้องเปลี่ยนไป
ไอ้หัวล้านหลิวจิกผมของเห้อคุนขึ้นมา แล้วตบไปอีกที “ยังไม่ขอโทษเจ้านายอีก?”
………
ในขณะเดียวกัน ในห้องทำงานของผู้จัดการใหญ่หวังเจียที่เพิ่งออกกำลังกายเสร็จ และกำลังรู้สึกสบายเนื้อสบายตัวอยู่นั้น จู่ๆ พนักงานก็วิ่งหน้าตั้งเข้ามา “แย่แล้วครับ แย่แล้วครับ ผู้จัดการหวัง!”
พอพนักงานเข้ามาถึง แล้วเห็นห้องทำงานที่รกรุงรัง เขาก็ก้มหน้าลงทันที ตกใจจนตัวสั่น แต่ก็ยังพูดออกไปว่า “ผู้จัดการหวังครับ ห้องวีไอพีห้องที่2102ต่อยตีกันแล้วครับ……”
หวังเจียทำหน้าเคร่งขรึม ผลักเลขาที่อยู่บนตัวเขาออกไป แล้วพูดกับพนักงานคนนั้นว่า “ก่อนเข้ามาไม่รู้จักเคาะประตูก่อนรึไง? ไสหัวไปซะ!”
พนักงานตกใจจนหน้าซีด จากนั้นก็รีบวิ่งออกไปพร้อมกับปิดประตูด้วย
หวังเจียลุกขึ้นมาใส่เสื้อผ้า จากนั้นก็หันมาหยิกแก้มของเลขาสาวเบาๆ “ไป ที่รัก เราไปดูอะไรสนุกๆ กัน ไป๋ยี่เฟยจะต้องถูกเห้อคุนอัดจนเละไปแล้วแน่”
ถ้าเขาไปเสนอหน้าในรูปตอนนี้ แล้วเอาไปให้หลิ่วจาวเฟิงดู พวกหลิ่วจาวเฟิงเห็นว่าเขาอยู่หน้างานด้วย ไม่แน่เขาอาจจะได้เลื่อนขั้นก็ได้นะ!”
หวังเจียจินตนาการไว้อย่างดิบดี มือข้างหนึ่งโอบเอวของเลขาสาวไว้ แล้วเดินไปห้องวีไอพีอย่างผ่อนคลาย
พอมาถึงหน้าห้องวีไอพี ในขณะที่มือข้างหนึ่งผลักประตูให้เปิดออกนั้น เขาก็แสร้งพูดขึ้นว่า “นี่ เสี่ยวเห้อ แค่สั่งสอนสักหน่อยก็พอแล้ว ทำให้มันหลาบจำ ต่อไปจะได้ไม่กล้ามาที่นี่อีก”
หวังเจียได้ยินเสียงร้องโอดครวญที่ดังมาแล้ว เขายิ้มจนไม่สามารถหุบลงได้ ในหัวยังจินตนาการถึงตอนที่ตัวเองได้เลื่อนขั้นแล้ว รวมทั้งเขายังคิดอีกว่าอีกเดี๋ยวจะให้ไป๋ยี่เฟยมาคุกเข่าร้องของชีวิตจากเขาอีกด้วย
แต่เมื่อประตูถูกเปิดออก เสียงที่หมดก็ได้เงียบไป
หวังเจียยังไม่ทันสังเกต ก็ได้พูดขึ้นว่า “นี่ เสี่ยวเห้อทำได้ไม่เลวเลยนี่ แก……”
พอมองทุกอย่างดีๆแล้ว หวังเจียก็อึ้งไปเลย
ไม่มีภาพที่ไป๋ยี่เฟยถูกอัดจนต้องคุกเข่าลงเพื่อร้องขอชีวิตแบบที่จินตนาการไว้ แต่กลับเป็นภาพของเห้อคุนที่กำลังก้มหัวให้ไป๋ยี่เฟยอยู่ส่วนรปภคนอื่นก็นอนโอดครวญอยู่เต็มพื้น
เลขาคนสวยของหวังเจียพอเห็นภาพนี้แล้วก็ตกใจจน “กรี๊ด!” ออกมา
เสียงกรีดนั้นได้ดึงสติของหวังเจียที่กำลังอึ้งอยู่ให้กลับมาอีกครั้ง ในเวลาเดียวกัน หวังเจียก็ตัวสั่นจนคุกเข่าลงกับพื้น
เมื่อไป๋ยี่เฟยเห็นเข้า ก็ยิ้มออกมาอย่างไม่ชอบใจ “การแสดงมารยาทของผู้จัดการหวังนี่ใช้ได้เลยนะครับ”
เมื่อก่อนหวังเจียเป็นแค่หัวหน้าแผนกเล็กๆคนหนึ่งเท่านั้น พอตอนที่หลิ่วจาวเฟิงได้ขึ้นเป็นประธานกรรมการของโหวจวี๋กรุ๊ปนั้น หัวหน้าแผนกคนนี้ก็รีบวิ่งเข้าหาหลิ่วจาวเฟิงทันที จนได้รับความไว้วางใจจากหลิ่วจาวเฟิง จนได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการใหญ่ของที่นี่อย่างทุกวันนี้
หวังเจียตกใจจนเหงื่อชุ่มไปทั้งตัว แล้วยิ้มแห้งๆ ออกมา “ประธานไป๋ครับ คะ……คือมีเรื่องเข้าใจผิดอะไรรึเปล่าครับ? แฮะๆ ……”
ไอ้หัวล้านหลิวเดินเข้ามา แล้วมองหวังเจียด้วยสายตาที่เหยียดหยาม “เข้าใจผิดเหรอ? เข้าใจผิดเรื่องอะไร?”
หวังเจียเองก็รู้จักไอ้หัวล้านหลิวด้วยเหมือนกัน พอเห็นเขาแล้วในใจก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที ทำไมไอ้หัวล้านหลิวถึงมาอยู่ที่นี่ได้?
“คือ……พวกเขาจะต้องจำคนผิดแน่ๆ ครับ ใช่ จำผิดแน่ๆ” หวังเจียตอบมาแบบซังกะตาย
พอได้ยินอย่างนั้น ไอ้หัวล้านหลิวก็ “แพร๊ะ” ตบหน้าเขาไปหนึ่งที “เข้าใจผิดเชี่ยอะไร!”
“นึกว่าข้าโง่รึไง?”
“อ้า!”
การตบในครั้งนี้ทำให้เลขาสาวตกใจจนร้องออกมา ทั้งๆ ที่คนที่โดนตบไม่ใช่เธอ แต่ทำอย่างกับว่าตัวเองโดนตบซะงั้น
ไป
ไอ้หัวล้านหลิวหันไปมองด้วยสายตาที่โกรธเกรี้ยว “อย่ามาแหกปากตรงนี้! หุบปาก!”
เลขาสาวที่ไม่เคยพบเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน ตกใจจนรีบเอามือปิดปากและเงียบเสียงลง แล้วรู้สึกเข่าอ่อนจนฟุบลงกับพื้น
ไป๋ยี่เฟยแค่เหล่ตามองไปทีหนึ่ง จากนั้นก็จ้องเขม็งไปที่หวังเจีย “ผมก็แค่มารับประทานอาหารเท่านั้น แต่คุณกลับสั่งให้คนพวกนี้มาทำลายมื้อเย็นของผมแบบนี้ มันไม่เกินไปหน่อยเหรอครับ?”
“ครับครับครับ………” หวังเจียไม่กล้าเถียงอะไรแล้ว “ค่าใช้จ่ายทุกอย่างในวันนี้ ผมยกให้ครับ”
ไป๋ยี่เฟยทำเสียงฮึดฮัด “พาคนของคุณไสหัวออกไปซะ!”
“ครับครับครับ”
หวังเจียล้มลุกคลุกคลานออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
แต่ไป๋ยี่เฟยก็ห้ามไว้ก่อน “เดี๋ยวก่อน”
“ประธานไป๋ คุณยังมีอะไรให้รับใช้อีกครับ?” หวังเจียพยักหน้ายิกๆ
ไป๋ยี่เฟยเงยหน้าขึ้นมาสั่ง “เรียกคนมาเก็บกวาดหน่อย”
“ครับครับครับ”
หวังเจียรีบลากเลขาสาวของตัวเองออกวิ่งจากไป ส่วนเห้อคุนกับพวกรปภก็ถูกหิ้วออกไป
ไม่นาน ก็ได้มีพนักงานคนหนึ่งเข้ามา แล้วพาพวกเขาเปลี่ยนไปใช้อีกห้องหนึ่ง เพื่อเป็นการไถ่โทษต่อไป๋ยี่เฟย
หลังจากที่ทุกคนนั่งลงแล้ว ไป๋ยี่เฟยก็ยืนขึ้นพร้อมกับแก้วไวน์
“ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งที่เหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้ทุกท่านต้องตกใจ ผมจึงขอดื่มแก้วนี้ให้ทุกท่านเพื่อเป็นการไถ่โทษครับ”
เศรษฐีทุกคนต่างก็ยกแก้วไวน์ขึ้น แล้วตอบรับด้วยความเกรงใจ จากนั้นก็ดื่มไวน์จนหมด
ไป๋ยี่เฟยก็ดื่มจนหมด จากนั้นก็เทให้ตัวเองอีกแก้ว ยกแก้วขึ้น แล้วพูดด้วยความจริงจังว่า “ทุกท่านครับ ผมคิดว่าทุกท่านน่าจะรู้ดีว่างานเลี้ยงในวันนี้ถูกจัดขึ้นเนื่องในโอกาสอะไร”
เมื่อทุกคนเห็นไป๋ยี่เฟยแสดงท่าทางแบบนี้ออกมา ก็รู้ในทันทีว่าเขากำลังจะพูดเรื่องสำคัญแน่ๆ ว่าแล้วทุกคนก็นั่งด้วยท่าทางที่สุภาพ ตั้งหน้าตั้งตารอฟัง
“ภรรยาของผม วันนี้เธอได้ชนะการเลือกตั้งตำแหน่งประธานสหพันธ์ธุรกิจของเมืองเป่ยไห่ และจะขึ้นรับตำแหน่งในวันพรุ่งนี้แล้ว”
“ผมจึงถือโอกาสนี้ ขอให้ต่อจากนี้ไป ทุกท่านโปรดดูแลเธอด้วย เรื่องไหนที่เธอไม่เข้าใจ ก็ขอให้ทุกท่านช่วยชี้แนะเธอด้วย”
“ทุกท่านน่าจะรู้ดี ว่าผมเป็นคนที่เจ้าคิดเจ้าแค้น แต่ก็เป็นคนที่รู้จักบุญคุณ ถ้าคุณทำดีต่อผม ผมก็จะทำดีต่อคุณ มันคือหลักการของผม”
“ดังนั้น บุญคุณในวันนี้ ไป๋ยี่เฟยคนนี้ไปจดจำไว้แล้ว ต่อไปถ้ามีอะไรให้ช่วยเหลือ ทุกท่านก็มาหาผมได้เลยครับ!”
พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็ดื่มไวน์ในแก้วจนหมด
“ประธานไป๋เกรงใจเกินไปแล้วครับ”
“ใช่ครับ ประธานหลี่ก็เป็นคนของเมืองเทียนเป่ย เราก็ต้องให้การช่วยเหลือเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วครับ!”
“ต่อไปถ้าประธานหลี่มีเรื่องอะไร เราก็จะช่วยอย่างเต็มที่เลยครับ!”
ทุกคนต่างพากันแสดงความเห็นกันด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม แล้วดื่มไวน์ในแก้วจนหมด
พอเห็นแบบนี้ ไป๋ยี่เฟยก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก ว่าแล้วเขาก็สั่งให้คนมาตั้งโต๊ะอีกสี่ตัว เพื่อให้คนพวกนั้นนั่งกินนั่งดื่มกัน
พอนั่งลง ไป๋ยี่เฟยก็เทไวน์ให้ตัวเองอีกแก้ว
พอหลี่เสว่เห็นอย่างนั้น เธอก็ทนไม่ไหวจนต้องดึงแขนเสื้อของเขา “ที่รักคะ ดื่มน้อยๆ หน่อย กินกับเยอะๆ ค่ะ”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหน้า “ไม่ได้ แก้วสุดท้ายครับ”
หลี่เสว่ได้แต่มองเขายกแก้วขึ้นมาอย่างทำอะไรไม่ได้ แต่เขากลับหันมาทางเธอ
“คุณจะดื่มให้ฉันเหรอคะ?” หลี่เสว่ถามไปด้วยความแปลกใจ
ไป๋ยี่เฟยหัวเราะแหะๆ “ใช่ครับ ภรรยาของผมเก่งออกขนาดนี้ จนได้ขึ้นเป็นประธานของสหพันธ์ธุรกิจ ก็ต้องดื่มให้คุณแก้วหนึ่งอยู่แล้วครับ”
“แหม๋ พี่กับพี่สะใภ้นี่รักกันจริงๆ เลยนะครับ!” เฉินห้าวพูดแซวอยู่ข้างๆ
หลิวเสี่ยวอิงพยักหน้า “ถูกต้อง!”