ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 550
บทที่550
บอดี้การ์ดจับมือของไป๋ยี่เฟยไว้ เหมือนต้องการที่จะเหวี่ยงไป๋ยี่เฟยลงมา แต่การล็อกของไป๋ยี่เฟยนั่นได้ผ่านการฝึกมาแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะถูกเหวี่ยงลงมาได้
จากนั้นทั้งคู่ก็เกร็งอยู่ในท่านั้นไปสักพัก
จนสุดท้าย ไป๋ยี่เฟยก็ออกแรงรัดไปด้านหลัง จนบอดี้การ์ดตาเหลือก แล้วหมดสติล้มลงพื้นไป
ส่วนบอดี้การ์ดอีกคนก็กระเสือกกระสนลุกขึ้นมาจนได้ แต่ท่าทางที่ได้ใจเมื่อกี้ได้หายไปนานแล้ว ตอนนี้ความรู้สึกที่มีต่อไป๋ยี่เฟยคือความหวาดกลัว ใครจะไปคิดล่ะว่าคนๆ นี้จะน่ากลัวมากขนาดนี้ แถมยังไม่ไว้ชีวิตด้วย!
“นี่! แกฆ่ามันไปแล้วเหรอ?” บอดี้การ์ดยืนมองบอดี้การ์ดอีกคนที่นอนอยู่บนพื้นด้วยความหวาดกลัว
ไป๋ยี่เฟยทำเสียงฮึดฮัด “กล้าคิดไม่ซื่อกับภรรยาของผม มันก็สมควรตายทั้งนั้น!”
บอดี้การ์ดคนนั้นยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่ “รอเดี๋ยวก่อนเถอะ ฉันจะโทรแจ้งตำรวจ!”
ระหว่างที่พูดบอดี้การ์ดก็หยิบมือถือออกมา แต่ไป๋ยี่เฟยจะมาเสียเวลากับเขาไม่ได้แล้ว “ช่วยตั้งสติหน่อย เขายังไม่ตาย!”
“ยังไม่ตายเหรอ?” บอดี้การ์ดฟังแล้วก็ยังไม่เชื่อ
แต่ไป๋ยี่เฟยก็ไม่ได้สนใจเขา “หลีกไป!”
“ไม่อย่างนั้น ผมก็ไม่ขัดข้องที่จะให้คุณได้ตายก่อน!”
คำพูดนี้ทำเอาบอดี้การ์ดถึงกับสะดุ้ง จนต้องถอยหลังไปอย่างอัตโนมัติ หลีกทางให้ไป๋ยี่เฟยไป
ไป๋ยี่เฟยทำเสียงฮึดฮัด แล้วเดินเข้าข้างในไป
แต่พอเดินเข้าไปได้ไม่นาน ไป๋ยี่เฟยก็ “เอื๊อก!” กระอักเลือดออกมา
เมื่อกี้การโจมตีของบอดี้การ์ดสองคนนั้นก็หนักอยู่เหมือนกันทั้งหน้าอกและหลังของเขาต่างก็โดนไปทีหนึ่ง อาการก็สาหัสอยู่เหมือนกัน อดทนจนมากระอักเลือดตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
พอพนักงานที่อยู่หน้าประตูเห็นเข้า ก็รีบวิ่งเข้ามาดู เขาพยุงไป๋ยี่เฟยเอาไว้ แล้วถามว่า “คุณครับ ต้องการให้โทรเรียกรถพยาบาลมั้ยครับ?”
ไป๋ยี่เฟยเช็ดเลือดตรงปากออก สูดหายใจเข้าลึกๆ สองครั้ง จากนั้นก็ยืดตัวตรง แล้วตอบไปว่า “ไม่เป็นไร ขอบคุณครับ”
พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็เดินตรงต่อไป จากนั้นขึ้นไปชั้นสอง
บนชั้นสองนั้นค่อนข้างเงียบเหงา นอกจากสวี่ชางกับหลี่เสว่ก็ไม่มีลูกค้าคนอื่นเลย เหงาร้านแล้วจริงๆ
ที่สำคัญสวี่ชางกับหลี่เสว่ตอนนี้ กำลังนั่งหันหน้าเข้าหากัน แถมยังยกไวน์แดงขึ้นมาชนแก้วกันด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม จิบไวน์พร้อมกัน บรรยากาศโดยรวมทำให้พวกเขาดูเหมือนคู่สามีภรรยากันยิ่งกว่าอีก
พอไป๋ยี่เฟยได้เห็นภาพนี้เข้า ความหึงหวงในใจให้เขาแทบคลั่งแล้ว สีหน้าของเขาเคร่งขรึมมากยิ่งกว่าเดิม
เขาเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว
แต่เพียงไม่กี่เมตรก่อนจะเข้าถึงพวกเขา ก็ได้มีบอดี้การ์ดยื่นมือมาขวางเขาเอาไว้
เมื่อกี้ก็ถูกขวางที่หน้าประตูไปทีหนึ่งแล้ว พอโดนขวางอีกครั้ง ไป๋ยี่เฟยก็ลงมือทันที
แค่การทุ่มเพียงครั้งเดียว ก็ทำให้บอดี้การ์ดคนนั้นลงไปนอนอยู่บนพื้นแล้ว
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้สนใจบอดี้การ์ดคนนั้นต่อ เขาแค่เดินตรงไปที่ สวี่ชางกับหลี่เสว่เท่านั้น
การเคลื่อนไหวในทางนี้ได้ดึงดูดความสนใจของสองคนนั้นไว้ พอสวี่ชางเห็นเข้า สีหน้าก็เคร่งขรึมลงทันที จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นมา พอจะพูดอะไร ไป๋ยี่เฟยก็เดินมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
ไป๋ยี่เฟยยกขาขึ้นมา ถีบเข้าที่กลางอกของสวี่ชางทันที สวี่ชางที่เพิ่งลุกขึ้นมาก็ต้องล้มลงไปนั่งบนเก้าอี้อีกครั้ง
“ไป๋ยี่เฟย หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
ไป๋ยี่เฟยยังอยากลงมือต่อ แต่กลับถูกหลี่เสว่ห้ามไว้ก่อน
หลี่เสว่ดึงมือของไป๋ยี่เฟยไว้ แล้วมองเขาด้วยสายตาที่โกรธเกรี้ยว “นี่คุณคิดจะทำอะไรคะ?”
ไป๋ยี่เฟยชะงักไป มองมาที่หลี่เสว่ จากนั้นก็ชี้ไปที่ สวี่ชางแล้วพูดขึ้นว่า “เขาคิดไม่ซื่อกับภรรยาของผม เขาสมควรโดนแล้ว!”
หลี่เสว่จ้องเขม็งมาที่ไป๋ยี่เฟย จากนั้นก็เหวี่ยงมือของไป๋ยี่เฟยออกไป “นี่คุณพูดบ้าอะไรอยู่คะ?”
“ผมเปล่านะ!” พออยู่ต่อหน้าหลี่เสว่แล้ว ไป๋ยี่เฟยก็พูดอะไรไม่ออก ได้แต่ปฏิเสธมันด้วยสัญชาตญาณเท่านั้น
พอหลี่เสว่เห็นว่า สวี่ชางไม่ได้เป็นอะไร เธอจึงหันมาพูดกับไป๋ยี่เฟยอีกว่า “เราแค่มากินข้าวกันเท่านั้น คุณเอาอะไรมาพูดค่ะ?”
“ผมเปล่า!” ไป๋ยี่เฟยมองไปที่ สวี่ชางด้วยความเกลียดชัง “ถ้าแค่มากินข้าวกัน ทำไมต้องเหมาร้านด้วย? แถมยังให้บอดี้การ์ดขวางผมไว้ที่หน้าประตูอีก?”
หลี่เสว่มองไปที่สวี่ชาง การที่สวี่ชางเหมาร้านนั้นเธอรู้อยู่แล้ว ตอนแรกหลี่เสว่ก็นึกว่าเป็นความเคยชินของเขา เธอจึงไม่ได้ถามไป แต่ทำไมต้องสั่งให้บอดี้การ์ดขวางไป๋ยี่เฟยไม่ให้เข้ามาด้วย?
สวี่ชางเอามือลูบอก แล้วมองไป๋ยี่เฟยด้วยสายตาที่ท้าทาย “ต้องขออภัยด้วยครับ การรับประทานอาหารอย่างเป็นส่วนตัว ก็ไม่ต้องการให้คนอื่นมารบกวนอยู่แล้วสิครับ ไม่ว่าคนๆ นั้นจะเป็นใครก็ตาม”
พอเห็นอย่างนั้น ไป๋ยี่เฟยก็จะลงมืออีกครั้ง แต่ก็ถูกหลี่เสว่ดึงเอาไว้ก่อน “ไป๋ยี่เฟย คุณอย่าไร้เหตุผลแบบนี้ได้มั้ยคะ?”
“ที่รัก ผม……” ไป๋ยี่เฟยอยากอธิบาย แต่กลับถูกหลี่เสว่พูดแทรกขึ้นก่อน
“คุณไปเถอะค่ะ พวกเรายังมีเรื่องต้องคุยกันอีก” หลี่เสว่โกรธแล้วจริงๆ ไป๋ยี่เฟยลงมือทำร้ายคนอื่นอย่างไร้เหตุผลครั้งแล้วครั้งเล่า แถมยังเป็นคนที่ให้ความช่วยเหลือกับเธออีก แล้วจะให้เธอไม่โกรธได้ยังไงล่ะ?
ไป๋ยี่เฟยพูดอะไรไม่ออก และยังไม่อยากจะเชื่อด้วย “คุณเลือกที่จะกินข้าวตามลำพังกับชายคนอื่นต่อหน้าผู้ชายของตัวเอง คุณ……”
หลี่เสว่ทำหน้าไม่พอใน “เราแค่คุยเรื่องงานกันเท่านั้น คุณคิดอะไรอยู่?”
“ผม……” ไป๋ยี่เฟยไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี เขาเห็นสวี่ชางกับหลี่เสว่พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่เธอกลับหันมาทำแบบนี้กับเธอ เขาแค่กำลังรู้สึกว่าหัวใจมันเจ็บเหลือเกิน
ทำไมถึงเป็นแบบนี้? เมื่อวานยังดีๆ อยู่เลยไม่ใช่เหรอ?
หรือเป็นเพราะเมื่อคืนเขาดื่มจนเมา แล้วเผลอทำอะไรที่มันไม่ดีเข้าเหรอ?
ไม่ เป็นไปไม่ได้ ตอนที่ตื่นมาตอนเช้า เขารู้ดีว่าตัวเองแค่หลับไปเฉยๆ เท่านั้น
หรือว่าเธอจะรังเกียจเขาแล้ว?
เมื่อเขาคิดว่าตัวเองหาข้อสรุปได้แล้ว เขาจึงพูดออกไปว่า “ที่รัก เมื่อคืนผมดื่มมากไปหน่อย เกิดอะไรขึ้นบ้างผมจำไม่ได้เลย ถ้าคุณไม่ชอบ ผมสัญญาต่อไปผมจะไม่ดื่มเยอะแบบนั้นอีกแล้ว!”
พอหลี่เสว่ได้ยินอย่างนั้น สีหน้าของเธอก็ดูแย่ยิ่งกว่าเดิมเธอนึกถึงหลิวเสี่ยวอิง และยังนึกถึงเรื่องที่ตัวเองไม่สามารถมีลูกได้อีกด้วย บวกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ มันก็ทำให้ความรู้สึกของหลี่เสว่ค่อยๆ เอนเอียงไปอีกทางอย่างช้าๆ
“ที่รัก ผม” ไป๋ยี่เฟยยังอยากจะให้สัญญากับสิ่งที่ทำผิดไป แต่หลี่เสว่ก็ยกมือมาห้ามไว้ “ไม่ต้องพูดแล้วค่ะ”
ไป๋ยี่เฟยมองหลี่เสว่อย่างเงียบๆ
“เราหย่ากันเถอะ!”
เสียงของหลี่เสว่ดังขึ้นท่ามกลางชั้นสองที่ไร้ผู้คน มันจึงดังพอที่ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นได้ยินอย่างชัดเจน
ไป๋ยี่เฟยอึ้งอยู่กับที่ เสียงระเบิดดังก้องอยู่ในหัว หัวสมองว่างเปล่า มีเพียงคำพูดเดียวที่ยังคงจำได้
เราหย่ากันเถอะ!
หย่ากันเถอะ!
ตั้งแต่แต่งงานกันมา ถึงแม้ว่าหลี่เสว่จะเคยคิดเรื่องหย่ากันมาแล้วหลายครั้ง และมีเหตุผลหลายอย่างที่ทำให้เธออยากที่จะหย่า แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เธอพูดมันออกมาแบบนี้ พูดกับเขาอย่างจริงจัง
ไป๋ยี่เฟยยังเชื่อไม่ลง หรือไม่แม้แต่จะเข้าใจด้วยซ้ำว่ามันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?
แต่คำตอบของเขามีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
“ไม่ครับ!”
หลี่เสว่พูดออกมาอย่างไม่ชอบใจ “ฉันไม่ได้กำลังหารือกับคุณ แต่มันคือการตัดสินใจของฉัน ถ้ามีอะไรคล่องใจก็ไปถามทนายได้เลยค่ะ”
พูดจบหลี่เสว่ก็หยิบกระเป๋าของตัวเองขึ้นมา แล้วเดินออกจากภัตตาคารไปอย่างรวดเร็ว
ไป๋ยี่เฟยยืนอึ้งอยู่กับที่ ราวกับขยับไม่ได้ ได้แต่มองดูหลี่เสว่เดินผ่านตัวเองไป แล้วเดินจากไป ไม่แม้แต่จะหันกลับมามองด้วยซ้ำ
สวี่ชางที่กำลังมองดูไป๋ยี่เฟยอยู่ ก็ขำออกมาอย่างมีความนัย “นี่เป็นโอกาสที่คุณเป็นคนมอบให้ผมเองนะ ผมจะรักษามันไว้อย่างดีเลย”
พูดจบ สวี่ชางก็เดินจากไปอย่างพึงพอใจ
ไป๋ยี่เฟยยืนบื่ออยู่กับที่ ราวกับว่าโลกทั้งใบกำลังจะพังทลายลงมา เขาไม่รู้ว่าควรตอบสนองกับเรื่องนี้ยังไงดี
รอจนทั้งสองสองไปถึงชั้นล่างแล้ว ไป๋ยี่เฟยค่อยได้สติกลับมา
ไม่ได้!
เขาจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด!
อีกอย่าง เขาต้องถามให้รู้ว่าทำไมเธอถึงต้องหย่ากับเขาด้วย? เขาทำอะไรผิด?
เมื่อวานยังเป็นสามีภรรยาที่รักใคร่กันอยู่เลย พอมาวันนี้กลับตัดขาดจนต้องหย่าร้างกันแล้ว การเปลี่ยนแปลงที่กะทันหันแบบนี้ไป๋ยี่เฟยไม่สามารถยอมรับมันได้
ไป๋ยี่เฟยรีบวิ่งตามไป
พอสวี่ชางลงไปข้างล่าง เขาก็ต้องตะลึงกับบอดี้การ์ดสองคนที่ถูกทำร้ายจนหมดสภาพ แล้วเขาก็เดินตามหลี่เสว่ไปโดยที่ไม่สนใจเรื่องนี้อีกเลย
สวี่ชางเปิดประตูรถเพื่อให้หลี่เสว่ขึ้นไป
ในตอนนั้นเอง ไป๋ยี่เฟยก็ตามมาถึง เขาดึงแขนของหลี่เสว่เอาไว้ “ที่รัก คุณจะเป็นแบบนี้ไม่ได้นะครับ! ผมไม่ยอมหย่า!”
“ปล่อยค่ะ!” หลี่เสว่อยากเหวี่ยงมือของไป๋ยี่เฟยออก แต่ก็ทำไม่สำเร็จ
ไป๋ยี่เฟยรีบพูดออกมาอย่างร้อนรน “ที่รัก จริงๆนะ คุณใจเย็นๆ ก่อน มีเรื่องอะไรเราค่อยกลับไปคุยกันที่บ้านก็ได้ ตรงไหนที่ผมทำผิดไป ผมสามารถ……”
หลี่เสว่ทำเสียงฮึดฮัด “การที่คุณนอกใจมันสามารถแก้ไขให้กลับมาเหมือนเดิมได้ด้วยเหรอคะ? กลับไปเป็นเหมือนตอนที่ยังไม่ได้นอกใจนะเหรอ?